ซีเมนส์ ประกาศกลยุทธ์การลงทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร มุ่งสร้างการเติบโต ขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่นในอนาคต

ซีเมนส์ ประกาศกลยุทธ์การลงทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร มุ่งสร้างการเติบโต ขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่นในอนาคต

ซีเมนส์ ประกาศกลยุทธ์การลงทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร มุ่งสร้างการเติบโต ขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่นในอนาคต

    • เพิ่มการลงทุนในโรงงานไฮเทค ห้องปฏิบัติการนวัตกรรม และศูนย์การเรียนรู้ใหม่ ๆ ทั่วโลกเพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และความยั่งยืน
    • ส่วนใหญ่ของการลงทุนรวม 2 พันล้านยูโร ที่จะเปิดเผยในปีนี้ มุ่งไปที่การขยายกำลังการผลิต เป็นหลัก
    • หลังจากการลงทุนในเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ซีเมนส์เตรียมขยายเครือข่ายการผลิตและศักยภาพการวิจัยและพัฒนาในเอเชีย
    • เตรียมสร้างโรงงานไฮเทคแห่งใหม่ในสิงคโปร์เพื่อรองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโต
    • ขยายโรงงานดิจิทัลในเฉิงตูเพื่อต่อยอดการเติบโตในจีน
    • เตรียมประกาศการลงทุนเพิ่มเติมในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

ซีเมนส์ได้นำเสนอกลยุทธ์การลงทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร เพื่อกระตุ้นการเติบโตในอนาคต พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่น โดยมุ่งเน้นการลงทุนหลักไปที่การเพิ่มกำลังการผลิต ห้องปฏิบัติการนวัตกรรม ศูนย์การเรียนรู้ และโรงงานใหม่ โดยซีเมนส์ประกาศสร้างโรงงานไฮเทคแห่งใหม่ในสิงคโปร์ เพื่อรองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างมาก

โรแลนด์ บุช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอของ ซีเมนส์ เอจี กล่าวว่า “เทคโนโลยีของเราตอบสนองแนวโน้มการเติบโตที่แน่นอนในอนาคต หรือ Secular Growth ที่สนับสนุนให้ลูกค้าของเราสามารถแข่งขัน สร้างความยืดหยุ่นและความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น ซีเมนส์กำลังเติบโตในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ และล่าสุดเราประกาศกลยุทธ์การลงทุนเพื่อกระตุ้นการเติบโตในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่น”

“การลงทุนนี้สนับสนุนกลยุทธ์ของเราในการผสานโลกจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน การมุ่งเน้นการกระจายธุรกิจและธุรกิจท้องถิ่นต่อท้องถิ่น (Local-for-Local Business) การขยายฐานที่ตั้งเพิ่ม Global Presence เพื่อรองรับการเติบโตในตลาดสำคัญ”

ในปีงบประมาณ ค.ศ. 2023 บริษัทฯ คาดว่าจะเพิ่มงบประมาณการวิจัยและพัฒนาอีกประมาณห้าร้อยล้านยูโรเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งจะเน้นในด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ

เมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรม (Industrial Metaverse) การวิจัยและพัฒนานี้มุ่งเสริมความแข็งแกร่งในความเป็นผู้นำของซีเมนส์ในเทคโนโลยีหลักๆ ซึ่งรวมถึง Simulation, Digital Twins, Artificial Intelligence หรือ Power Electronics พร้อมสนับสนุน Siemens Xcelerator  ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิดของบริษัทฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้ประกาศความร่วมมือกับ Microsoft เพื่อเร่งการสร้างโค้ดสำหรับระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมโดยใช้ ChatGPT และซีเมนส์ยังกำลังทำงานร่วมกับ NVIDIA เพื่อสร้างเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาการออกแบบ การวางแผน การผลิต และการดำเนินงานของโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน

กำลังการผลิตใหม่และเพิ่มเติมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเมนส์ได้ประกาศสร้างโรงงาน ไฮเทคแห่งใหม่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี Digital Twin พร้อมนวัตกรรมฮาร์ดแวร์อัจฉริยะของซีเมนส์ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านยูโร โรงงานแห่งใหม่ นี้จะกำหนดมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาเพิ่มศักยภาพรวมถึงการใช้กระบวนการผลิตอัตโนมัติขั้นสูง และการลงทุนนี้ยังสร้างงาน มากกว่า 400 ตำแหน่ง

กลยุทธ์มุ่งเน้นทุกภูมิภาคด้วยแผนการลงทุนทั่วโลก

อีกส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรองรับธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน ซีเมนส์จะขยายโรงงานดิจิทัลในเฉิงตู เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในท้องถิ่นของจีนในแบบ in China for China ด้วยการลงทุน 140 ล้านยูโร (1.1 พันล้านหยวน) สร้างงานใหม่ 400 ตำแหน่ง ลูกค้าในประเทศจีนของซีเมนส์จำนวนมากอยู่ในกลุ่ม Early Adopters ในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดิจิทัลและการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นี่คือเหตุผลที่ซีเมนส์ประกาศการลงทุนในศูนย์นวัตกรรมวิจัยและพัฒนาแบบดิจิทัลแห่งใหม่ในเซินเจิ้น เพื่อเร่งการพัฒนาระบบควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ Power Electronics โดยแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิด Siemens Xcelerator เปิดตัวในประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2022

การประกาศการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ซีเมนส์มีความมุ่งมั่นที่จะขยายการผลิตในเมือง Trutnov ในประเทศสาธารณรัฐเช็ก เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานของบริษัทฯ ที่เมือง Amberg ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่าย WEF Global Lighthouse(1) นอกจากนี้ซีเมนส์ยังลงทุนอีก 30 ล้านยูโรเพื่อขยายโรงงานสวิตช์เกียร์ที่ Frankfurt-Fechenheim ในประเทศเยอรมนี ขณะที่ ซีเมนส์ โมบิลิตี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ประกาศการลงทุน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานผลิตตู้รถไฟแห่งใหม่ในเมืองเล็กซิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับรถไฟโดยสารในสหรัฐอเมริกา โดยโรงงานแห่งนี้จะสร้างงานมากกว่า 500 ตำแหน่งภายในปี ค.ศ. 2028

แผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านยูโร และอีกประมาณห้าร้อยล้านยูโรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสำหรับการวิจัยและพัฒนานั้นรวมถึงการลงทุนใน ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส

Siemens Accelerates Digital Transformation for Industry Showcasing Sustainability Innovations at ProPak Asia 2023

ซีเมนส์ ร่วมดัน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีมุ่งเน้นความยั่งยืนระดับโลกมาจัดแสดงในงาน ProPak Asia 2023

Siemens Accelerates Digital Transformation for Industry Showcasing Sustainability Innovations at ProPak Asia 2023

Explore Siemens’ innovations at booth N21, Hall 99, Bangkok International Trade and Exhibition Center (BITEC)

    • Vertical Farming reshaping the food production industry towards sustainability.
    • Opcenter Advanced Planning and Scheduling (APS) Software enhances production efficiency and productivity, reduces machine downtime, and increases on time delivery.
    • Industrial 5G Wireless Network enables seamless communication between devices, sensors, and systems across both Information Technology and Operation Technology (OT) environments.

Siemens is committed to support digital transformation in the industry sector with sustainability technologies and innovations. In fiscal 2022, Siemens products and solutions helped enterprises around the globe avoid approximately 150 million tons of carbon emissions.

As the industry sector faces economic volatility, supply chain disruptions, and skilled labor shortage, the adoption of digital technologies is crucial for driving operations and ensuring a sustainable future in response to climate change.

The food and beverage industry is one of the key sectors facing production and environmental challenges due to the growing global population. Food production and packaging alone account for approximately 30% of the world’s greenhouse gas emissions(1) and consume about 70% of the world’s freshwater supply(2).

In Thailand, the food and beverage industry plays a critical role in the country’s overall economy. According to Statista’s data as of March 2023, the Manufacturing Production Index (MPI) ranks the food products sector of Thailand as the third highest (119.17 points), following the sectors of basic pharmaceutical products and pharmaceutical preparations (132.28 points), while machinery and industrial equipment rank first (142 points).

At ProPak Asia 2023, Siemens showcases cutting-edge solutions that accelerate digital transformation, enabling increased production speed, flexibility, and adaptability while minimizing resource consumption and environmental impact.

Join Siemens at ProPak Asia 2023 to experience the following highlights:

    • Vertical Farming: Revolutionization of food production towards sustainability by minimizing water usage (95% less water used compared to traditional farming), maximizing productivity (300x as much produce per square foot), reducing carbon footprint, and generating less waste. This solution operates on 100% renewable energy and eliminates the need for pesticides.
    • Opcenter Advanced Planning and Scheduling (APS) Software: The complexity of today’s production planning often leads to mistakes, which negatively impact productivity and timely delivery of goods. Opcenter APS Software streamlines the planning and scheduling process, resulting in increased productivity, reduced inventory, and improved ontime delivery. It can serve as the starting point for driving digital transformation within manufacturing organizations.
    • Industrial 5G wireless network: Specifically designed for industrial usethe solution provides high-speed, ultra reliability and ultra-low latency (as low as 1 millisecond), exceptional stability, and robust security to support a range of industrial applications, including for example mobile robots, autonomous logistics, and automated guided vehicles (AGVs). These solutions enable seamless communication among devices, sensors, and systems in both Information Technology (IT) and Operational Technology (OT) environments. This facilitates real-time data exchange and supports Machine-Type Communications (mMTC) capabilities, allowing for the deployment of a large number of IoT devices, further enhancing data collection and analysis.

Siemens has taken environmental, social, and governance (ESG) commitment to the next level with the sustainability framework called “DEGREE” which includes D- Decarbonization, E – Ethics, G – Governance, R – Resource, E- Equity and E- Employability covering all aspects of operations. The company is ready to actively contribute to driving Thailand’s industrial sector towards sustainability in line with the vision of Thailand 4.0 through the advancement of technology and innovation.

ซีเมนส์ ร่วมดัน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีมุ่งเน้นความยั่งยืนระดับโลกมาจัดแสดงในงาน ProPak Asia 2023

ซีเมนส์ ร่วมดัน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีมุ่งเน้นความยั่งยืนระดับโลกมาจัดแสดงในงาน ProPak Asia 2023

ซีเมนส์ ร่วมดัน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีมุ่งเน้นความยั่งยืนระดับโลกมาจัดแสดงในงาน ProPak Asia 2023

ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน ศกนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ที่บูธ N21, Hall 99

    • โซลูชันการเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) พลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสู่ความยั่งยืน
    • Opcenter Advanced Planning and Scheduling (APS) ซอฟต์แวร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการผลิต ลดเวลาที่เครื่องจักรต้องหยุดทำงาน (Downtime) รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการส่งมอบสินค้า
    • โซลูชัน Industrial 5G Wireless Networks เชื่อมต่อเครือข่ายการสื่อสารอย่างลื่นไหล ระหว่างอุปกรณ์ เซ็นเซอร์ และระบบต่างๆ ในสภาพแวดล้อมของทั้ง Information Technology  และ Operation Technology (OT)

ซีเมนส์ประกาศสนับสนุน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเน้นความยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2565 ของบริษัทฯ ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของซีเมนส์ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึงประมาณ 150 ล้านตัน ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ ปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมมุ่งหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงปลายทางที่เป็นผู้ประกอบการ โดยสอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยึดหลัก “Sustainability” เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) 

ด้วยปริมาณประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่มถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งทางด้านการผลิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจากสถิติ 30% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกเกิดจากการผลิตและบรรจุอาหาร(1) และ 70% ของปริมาณน้ำจืดบนโลกถูกใช้โดยอุตสาหกรรมอาหาร(2)  สำหรับประเทศไทยอุตสาหกรรมอาหารรวมถึงเครื่องดื่มยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยจากข้อมูลของ Statista ระบุ ณ เดือนมีนาคม 2566 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทยอยู่ใน อันดับที่ 3 (119.17 จุด) รองจากกลุ่มเภสัชภัณฑ์และยาเตรียม (132.28 จุด) และอันดับ 1 คือกลุุ่มเครื่องจักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม (142 จุด)

โดยภายในงาน ProPak Asia 2023 ซีเมนส์นำนวัตกรรมและโซลูชันล้ำสมัยที่จะช่วยเร่ง Digital Transformation สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม แบบ End-to-End ช่วยให้สามารถผลิตได้มากขึ้น เร็วขึ้น มีความยืดหยุ่นพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ใช้ทรัพยากรน้อยลง และยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เทคโนโลยีและโซลูชันไฮไลท์ของซีเมนส์ที่จัดแสดง ในงาน ProPak Asia 2023 (ณ บูธ N21) ได้แก่ 

    • โซลูชันการเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) พลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสู่ความยั่งยืน ที่สามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End) โดยประหยัดน้ำได้ถึง 95% เทียบกับการทำเกษตรทั่วไป เพิ่มผลผลิตได้มากกว่า 300 เท่าต่อตารางฟุต ลดคาร์บอนฟุตปริ้นตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะกินข้าวและก่อให้เกิดขยะน้อยกว่า ที่สำคัญใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และไม่มียากำจัดศัตรูพืช
    • ซอฟต์แวร์ Opcenter APS สำหรับวางแผนและจัดตารางการผลิต เนื่องด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผนการผลิตในปัจจุบันมีความหลากหลายซึ่งบ่อยครั้งทำให้เกิดความผิดพลาด ทั้งยังยากในการปรับเปลี่ยน ส่งกระทบต่อผลผลิต และการส่งมอบสินค้า ซอฟต์แวร์ OpCenter APS ช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มผลผลิต ลดปริมาณสินค้าคงคลังลดลง และเพิ่มความสามารถในการส่งมอบสินค้า โดย Opcenter APS สามารถเป็นนวัตกรรมเริ่มต้นสำหรับ Digital Transformation ของทุกองค์กรในภาคการผลิต
    • โซลูชัน Industrial 5G wireless networks ที่ออกแบบสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ด้วยการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่มีความหน่วงในการส่งข้อมูลต่ำในระดับ 1 มิลลิวินาที มีความเสถียรและปลอดภัยสูง ช่วยรองรับการใช้แอปพลิเคชันอุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่  (Mobile Robots), การขนส่งอัตโนมัติ (Autonomous Logistics) หรือรถลำเลียงสินค้าที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ  (Automated Guided Vehicles or AGVs) และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ เซ็นเซอร์ และระบบการทำงานทั้ง Information Technology (IT) และ Operation Technology (OT) ให้ลื่นไหลไร้รอยต่อ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ สนับสนุน massive Machine-Type Communications (mMTC) ซึ่งทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ IoT จำนวนมากได้ เพื่อการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น

ซีเมนส์ได้กําหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) ไว้ในกรอบกลยุทธ์เฟรมเวิร์ก “DEGREE” เน้นดำเนินการใน 6 ด้าน คือ D – Decarbonization การลดปริมาณคาร์บอน E – Ethics จริยธรรม G – Governance บรรษัทภิบาล R – Resource Efficiency การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ E- Equity ความเสมอภาค และ E- Employability การจ้างงาน ครอบคลุมการดำเนินงานในทุกมิติ และบริษัทฯ พร้อมร่วมผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้เดินหน้าไปสู่ความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 ด้วยการขับเคลื่อนของเทคโนโลยีและนวัตกรรม 

ซีเมนส์และไมโครซอฟท์ ร่วมขับเคลื่อนศักยภาพภาคอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยี Generative AI

ซีเมนส์และไมโครซอฟท์ ร่วมขับเคลื่อนศักยภาพภาคอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยี Generative AI

ซีเมนส์และไมโครซอฟท์ ร่วมขับเคลื่อนศักยภาพภาคอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยี Generative AI

    • แอปฯ ใหม่ของซีเมนส์ใน Teamcenter สำหรับ Microsoft Teams ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพิ่มศักยภาพและพัฒนานวัตกรรมครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
    • ตัวช่วยที่เสริมกำลังด้วย Azure OpenAI Service สามารถต่อยอดการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพและแก้ไขข้อบกพร่องของโค้ดในซอฟต์แวร์สำหรับระบบอัตโนมัติในโรงงาน
    • Industrial AI ช่วยสนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากการประมวลผลข้อมูลรูปภาพเสมือนการมองเห็นของมนุษย์ในพื้นที่การผลิต

ซีเมนส์และไมโครซอฟท์ร่วมมือดึงศักยภาพเทคโนโลยี Generative AI มาช่วยธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพ ตั้งแต่การออกแบบ กระบวนการด้านวิศวกรรม การผลิต รวมถึงการดำเนินงานในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ

โดยหลายบริษัทกำลังนำซอฟต์แวร์ Teamcenter® ของซีเมนส์ซึ่งเป็นโซลูชันทางด้านการจัดการวงจรผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management หรือ PLM) ไปทำงานร่วมกับ Teams ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกันของไมโครซอฟท์ และใช้โมเดลภาษาใน Azure OpenAI Service รวมไปถึงความสามารถทางด้านอื่น ๆ ของ Azure AI

ที่งานแสดงสินค้าทางเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก – Hannover Messe ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป ซีเมนส์และไมโครซอฟท์แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี Generative AI สามารถช่วยยกระดับระบบอัตโนมัติและการดำเนินงานภายในโรงงาน ผ่านการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ การรายงานปัญหาและการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากการประมวลผลข้อมูลรูปภาพ

สก็อตต์ กูทรี รองประธานบริหารด้านเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “การผสานรวมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ากับแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีต่าง ๆ จะเปลี่ยนวิถีการทำงานและวิธีดำเนินงานของทุกธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง การร่วมมือกับซีเมนส์ทำให้เราสามารถนำศักยภาพของ AI ไปใช้ในองค์กรอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อนของกระบวนการดำเนินงาน ทำลายกำแพงการทำงานแบบไซโล เพิ่มการทำงานร่วมกันอย่างเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อเร่งพัฒนานวัตกรรมที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”

แอปพลิเคชั่นสำหรับการทำงานร่วมกันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เชื่อมต่อการทำงานระหว่างพนักงานในส่วนการผลิตกับส่วนอื่น ๆ

ด้วยศักยภาพของแอปฯ ใหม่ใน Teamcenter สำหรับ Microsoft Teams ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ จะช่วยให้วิศวกรด้านการออกแบบ พนักงานส่วนหน้างาน และทีมอื่น ๆ ในองค์กรสามารถทำงานและแก้ปัญหาร่วมกันได้อย่างราบรื่นขึ้น ตัวอย่างเช่น วิศวกรฝ่ายบริการหรือฝ่ายผลิตสามารถใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่จดบันทึกและรายงานเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือข้อกังวลด้านคุณภาพโดยใช้ภาษาพูด ด้วยความสามารถของ Azure OpenAI Service แอปฯ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลคำพูดที่ไม่เป็นทางการ สร้างรายงานสรุปโดยอัตโนมัติและบันทึกเข้าสู่ระบบ Teamcenter เพื่อแจ้งไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบทางด้านวิศวกรรมหรือทางด้านการผลิตได้อย่างเหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้การมีส่วนร่วมเป็นไปได้อย่างง่ายดายขึ้น พนักงานจะสามารถบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในภาษาพูด ที่จะได้รับการแปลเป็นภาษาทางการที่ใช้ภายในบริษัทด้วย Microsoft Azure AI โดย Microsoft Teams

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ใช้งานง่าย อาทิ การแจ้งเตือนเพื่อลดความซับซ้อนของการอนุมัติในกระบวนการทำงาน ลดเวลาที่ใช้ในการร้องขอการเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบ และเพิ่มความเร็วของวงจรนวัตกรรมแอปฯ Teamcenter สำหรับ Microsoft Teams สามารถช่วยให้พนักงานหลายล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือ PLM ในปัจจุบัน สามารถส่งข้อมูลผลกระทบด้านการออกแบบและกระบวนการผลิตได้ง่ายขึ้นโดยจะเป็นส่วนหนึ่งของเวิร์กโฟลว์การทำงานที่มีอยู่

วิศวกรรมซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้โรงงานดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ซีเมนส์และไมโครซอฟท์ยังร่วมมือกันเพื่อช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์และวิศวกรระบบอัตโนมัติเพิ่มความเร็วในการพัฒนาโค้ดสำหรับ Programmable Logic Controllers (PLC) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ในระดับอุตสาหกรรมที่ควบคุมเครื่องจักรส่วนใหญ่ในโรงงานทั่วโลก โดยได้สาธิตให้เห็นแนวคิดว่า ChatGPT ของ OpenAI และ Azure AI Service อื่น ๆ จะสามารถส่งเสริมโซลูชันวิศวกรรมระบบอัตโนมัติในทางอุตสาหกรรมของซีเมนส์ได้อย่างไร ซึ่งการสาธิตแสดงให้เห็นว่าทีมวิศวกรสามารถลดเวลาและความน่าจะเป็นของข้อผิดพลาดได้อย่างมาก โดยการสร้างรหัส PLC ผ่านการป้อนข้อมูลด้วยภาษาที่ใช้สื่อสารโดยทั่วไป (Natural Language) ซึ่งความสามารถเหล่านี้ยังช่วยให้ทีมบำรุงรักษาสามารถระบุข้อผิดพลาดและสร้างโซลูชันของแต่ละขั้นตอนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

เซดริค ไนเค กรรมการบริหาร ซีเมนส์ เอจี (Siemens AG) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Digital Industries กล่าวว่า  “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงและทรงพลังที่กำลังเกิดขึ้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ซีเมนส์และไมโครซอฟท์ร่วมมือกันเพื่อปรับใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT เพื่อให้เราสามารถสนับสนุนพนักงานในองค์กรทุกขนาดให้ใช้วิธีใหม่ในการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ”

ค้นหาและป้องกันการเกิดข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ด้วย Industrial AI

การตรวจพบข้อบกพร่องในการผลิตได้ตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นเรื่องสำคัญเพื่อป้องกันการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลามากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงอุตสาหกรรม (หรือ Industrial AI) ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer Vision) เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลภาพ ช่วยให้ทีมงานควบคุมคุณภาพทำงานได้เร็วขึ้น ระบุความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น และปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์ได้เร็วยิ่งขึ้น ที่งาน Hannover Messe ทีมงานได้สาธิตถึงวิธีการใช้ Microsoft Azure Machine Learning และ Siemens’ Industrial Edge วิเคราะห์ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องและวิดีโอ เพื่อนำมาสร้าง ปรับใช้ ทำงาน และตรวจสอบโมเดลการมองเห็นของเทคโนโลยีเอไอ (AI Vision Model) ในพื้นที่การผลิต

ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ที่ยาวนานกว่า 35 ปีระหว่างซีเมนส์และไมโครซอฟท์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกับลูกค้าหลายพันราย และทั้งสองบริษัทยังมีความร่วมมือกันในด้านอื่น ๆ อาทิ การพัฒนาโซลูชัน Senseye on Azure ที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถดำเนินงานด้านการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ในระดับองค์กร พร้อมสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการโฮสต์แอปพลิเคชันทางธุรกิจของตนไว้ใน Microsoft Cloud เพื่อใช้โซลูชันต่าง ๆ จาก Siemens Xcelerator ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิดของซีเมนส์ รวมถึงแอปฯ Teamcenter บน Azure นอกจากนี้ซีเมนส์ยังร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในการเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้าน Zero Trust

ซีเมนส์ โชว์เทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอน ในงาน SETA 2022 และ Enlit Asia

ซีเมนส์ โชว์เทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอน ในงาน SETA 2022 และ Enlit Asia

ซีเมนส์ โชว์เทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอน ในงาน SETA 2022 และ Enlit Asia

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ที่ บูธ C02 ในงาน SETA 2022 และบูธ 401 ในงาน Enlit Asia

    • โซลูชัน Intelligent Microgrid Control สำหรับการมอนิเตอร์และการควบคุมโครงข่ายไฟฟ้า ช่วยให้องค์กรสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้แบบเรียลไทม์ อาทิ ใช้เพื่อการวิเคราะห์และการตัดสินใจ ขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งโซลูชันนี้มีการใช้งานแล้วกับโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
    • โซลูชัน RUGGEDCOM advanced networking นำเสนอการสื่อสารสำหรับพลังงานไฟฟ้าที่รวดเร็วและไว้วางใจได้ พร้อมใช้แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบองค์รวมช่วยเตรียมพร้อมการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
    • โซลูชัน Industrial 5G สำหรับการจำหน่ายและส่งไฟฟ้า

พลังงานไฟฟ้าคือหัวใจหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ความต้องการใช้ไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ทั่วโลกต้องการแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ในราคาเหมาะสมและเชื่อถือได้ ซีเมนส์สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องไปสู่ระบบพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเน้นความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ภายในงาน SETA 2022 และ Enlit Asia ที่จัดขึ้นในพื้นที่เดียวกันนี้ ซีเมนส์ได้นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดเพื่อช่วยผู้ให้บริการด้านสาธารณูปโภค ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ องค์กรที่ดำเนินงานด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) และพันธมิตรในอุตสาหกรรมพลังงาน เปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

เทคโนโลยีและโซลูชันของซีเมนส์ที่จัดแสดง ในงาน SETA 2022 (ณ บูธ C02)

โซลูชันการจัดการไฟฟ้าอัจฉริยะเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตพลังงานปลอดคาร์บอน

    • Intelligent Microgrid Control with maximum flexibility: ระบบการจัดการพลังงานจากแหล่งจ่ายพลังงานหลากหลายที่สามารถรวมเข้ากับระบบควบคุมที่มีอยู่เดิมได้อย่างราบรื่นและปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานตามความต้องการใช้ไฟฟ้า ประสิทธิภาพของระบบ หรือต้นทุนการผลิตไฟฟ้า
    • blue Gas-insulated Switchgear (GIS) : 100% sustainable performance: นวัตกรรมสวิตช์เกียร์ที่มาพร้อมระบบดิจิทัล มีขนาดเล็ก ไม่ต้องบำรุงรักษา และที่สำคัญคือปราศจากสารฟลูออรีนที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยนวัตกรรม blue GIS ของซีเมนส์ช่วยสนับสนุนให้เกิดระบบจำหน่ายไฟฟ้าอย่างยั่งยืนเต็มประสิทธิภาพ
    • Energy Intelligence with Internet of Things (IoT): นวัตกรรมแอปพลิเคชัน IoT ที่ช่วยสนับสนุนให้ระบบจัดจำหน่ายไฟฟ้ามีความเป็นดิจิทัล อาทิ NXpower Monitor สำหรับใช้ในการตรวจสอบและแสดงข้อมูลพลังงานไฟฟ้าแบบเสมือนจริงได้จากทุกที่ทั่วโลกตลอด 24/7 และแอปพลิเคชันบนคลาวด์ SIPROTEC dashboard สำหรับให้ผู้ปฎิบัติงานในสถานีไฟฟ้าตรวจสอบอุปกรณ์รีเลย์ป้องกันที่เชื่อมต่ออุปกรณ์จากหลากหลายแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีและโซลูชันของซีเมนส์ที่จัดแสดง ในงาน Enlit Asia (ณ บูธ 401)

ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ RUGGEDCOM สำหรับการสื่อสารของสถานีไฟฟ้าดิจิทัลที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้

      • Rugged communications for electric power systems: อุปกรณ์เครือข่ายที่มีความทนทาน ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายสำรองแบบไร้รอยต่อ และมีความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบองค์รวมสำหรับการสื่อสารที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับสถานีไฟฟ้าดิจิทัล (ได้แก่ อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองในตระกูล IEC 61850-3)
      • Rugged communications for harsh environments: สวิตช์ High-Port Density ที่ถูกออกแบบและทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมที่รุนแรงสูงสุด สามารถปกป้องการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขั้นสูง ไฟกระชากที่รุนแรง อุณหภูมิและความชื้นแบบสุดขั้ว โดยสวิตช์ RUGGEDCOM ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมจนเป็นที่ยอมรับและมีประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่าสำหรับใช้กับภารกิจที่สำคัญยิ่งยวดขององค์กร โดยผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้ายังสามารถออกแบบรูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายต่าง ๆ  หรือ โทโพโลยีเครือข่าย (Network Topologies) ที่ป้องกันความเสียหายผิดพลาด เพื่อเพิ่มระยะเวลาทำงานของเครือข่ายได้อย่างสูงสุด
      • Cybersecurity for critical infrastructure: RUGGEDCOM industrial PC สามารถใช้ซอฟต์แวร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ Grid Edge ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูงมาสู่สภาพแวดล้อมแบบสาธารณูปโภค

Industrial 5G solutions for energy distribution and transmission: ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการใช้แอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมที่มีความต้องการสูง เช่น การจำหน่ายและส่งไฟฟ้า เราเตอร์  Industrial 5G จากซีเมนส์มีความหน่วงต่ำและมีแบนด์วิดธ์สูงเป็นพิเศษ และสามารถเชื่อมต่ออย่างปลอดภัยผ่านเครือข่าย 5G สาธารณะที่ล้ำสมัยไปยังสถานีจำหน่ายไฟฟ้าที่อยู่ห่างไกล

ภายในงาน Enlit Asia ซีเมนส์ยังสาธิตวิธีป้องกันระบบที่ใช้ควบคุมเครื่องจักรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ (หรือ ICS) ด้วยการร่วมมือกับ Fortinet และ Nozomi Networks รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สาย 5G ที่มีแนวทางความปลอดภัยแบบ Zero Trust สำหรับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ