เร้ดแฮท เปิดตัวบริการใหม่ Managed Cloud Services ขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมด้าน Cloud-Native Application

Red Hat

เร้ดแฮท เปิดตัวบริการใหม่ Managed Cloud Services ขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมด้าน Cloud-Native Application

บริการคลาวด์ที่โฮสต์และมีการบริหารจัดการให้ด้วยอย่างเต็มรูปแบบชุดใหม่นี้ช่วยเพิ่มทางเลือกในการใช้โอเพ่นไฮบริดคลาวด์คอมพิวติ้งให้กับลูกค้า
ลดความซับซ้อน และทำให้การลงทุนด้านไอทีเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

กรุงเทพฯ – 10 สิงหาคม 2564 – เร้ดแฮท อิงค์ ผู้นำด้านโซลูชั่นโอเพ่นซอร์สระดับโลกประกาศขยายผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ด้วยการให้บริการคลาวด์ที่มาพร้อมการบริหารจัดการ(managed cloud services) สามบริการคือ Red Hat OpenShift API Management, Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka และ Red Hat OpenShift Data Science ซึ่งบริการทั้งสามนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้บริการอย่างครบวงจร และให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง การติดตั้งการบริหารจัดการ และปรับขยายการใช้คลาวด์-เนทีฟแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บนสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด บริการเหล่านี้ได้ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ Red Hat OpenShift Dedicated และช่วยลดความยุ่งยากของสภาพแวดล้อมไอทียุคใหม่ที่มีความซับซ้อนมากได้โดยที่ประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ลดทอนตามไปด้วย ทั้งยังมอบชุดของความสามารถต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกันได้ทั้งบนไฮบริดคลาวด์และมัลติคลาวด์ที่หลากหลาย

ปี 2563 เป็นปีที่เน้นย้ำให้ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) และผู้นำด้านไอทีได้เห็นถึงความสำคัญของการนำไฮบริดคลาวด์มาใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับความต้องการบริการที่ขยายตัวมากขึ้น ในขณะที่ยังคงต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมที่มีอยู่ เพื่อจัดการความความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนี้ ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างต้องการความยืดหยุ่นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บริการหรือใช้แอปพลิเคชั่นใด ๆ ก็ได้จากทุกที่ โดยไม่ซับซ้อนและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม บริการคลาวด์พื้นฐานเหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนบทบาทความรับผิดชอบในการดำเนินงานและสนับสนุนโดยเร้ดแฮท ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าสร้างแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ โดยเน้นไปที่การกระจายข้อมูลและการทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นผ่าน API บริการใหม่เหล่านี้ได้แก่

Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka
Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka สร้างขึ้นจากโครงการโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Apache Kafka ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถรวบรวมการสตรีมข้อมูลมาไว้ในแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ของตนได้ง่ายขึ้น ในการออกแบบแอปพลิเคชั่นไฮบริดคลาวดต่าง ๆ นั้นการสตรีมข้อมูลเป็นหลักสำคัญในการตรวจจับ การสื่อสาร และประมวลผลเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้กับสถาปัตยกรรมแบบดิสทริบิวเต็ดแอปพลิเคชั่นข้อมูลแบบเรียลไทม์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำงานของแอปพลิเคชั่นไฮบริดคลาวด์ และช่วยมอบประสบการณ์ดิจิทัลไปยังทุกแห่งที่ให้บริการได้ทันทีด้วยการให้บริการอย่างครบวงจร ของ Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka นี้ จะช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชั่นที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลกับข้อกำหนดพื้นฐานในการเก็บรวบรวมและการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ

Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka มีพร้อมใช้ในรูปแบบพรีวิวสำหรับนักพัฒนาแล้ว และคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานได้ทั่วไปปลายปีนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka ได้ที่นี่

Red Hat OpenShift Data Science
Red Hat OpenShift Data Science สร้างขึ้นจากโครงการโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Open Data Hub บริการนี้ช่วยให้การพัฒนา สร้างการเรียนรู้ และการทดสอบโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งทำได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องกังวลกับโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง Red Hat OpenShift Data Science ใช้เครื่องมือด้านการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล (data science) ที่เป็นมาตรฐานทั่วไปเป็นพื้นฐานให้กับแพลตฟอร์ม AI-as-a-Service และทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการคลาวด์ที่เลือกสรรแล้ว รวมถึงโซลูชั่น ISV ต่าง ๆ จาก Red Hat Marketplace

Red Hat OpenShift Data Science ที่พร้อมใช้งานนี้เป็นรุ่นเบต้า โดยเป็นส่วนเสริมของ OpenShift Dedicated และ Red Hat OpenShift Service on AWS ทั้งนี้คาดว่าจะพร้อมให้ใช้งานได้ทั่วไปปลายปีนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Red Hat OpenShift Data Science ได้ที่นี่

Red Hat OpenShift API Management
Red Hat OpenShift API Management ให้บริการการบริหารจัดการ API (application programming interface) เต็มรูปแบบให้กับ Red Hat OpenShift Dedicated และ Red Hat OpenShift Service on AWS ด้วยการประสานการบริหารจัดการกับ technology ของ OpenShift จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และการพัฒนาด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การจัดการ และการปรับขยายแอปพลิเคชั่นที่เป็น API-first, microservices-based ได้มากกว่าการที่จะต้องติดอยู่กับเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน

Red Hat OpenShift API Management ยังช่วยให้ลูกค้าสร้างโปรแกรมบริหารจัดการ API ได้ด้วยตัวเอง ด้วยความสามารถในการควบคุม การเข้าถึง ติดตามตรวจสอบการใช้งาน แชร์ APIs ทั่วไป และพัฒนาแลนด์สเคปแอปพลิเคชั่นทั้งหมดของตนเองได้ผ่าน DevOps

Red Hat OpenShift API Management พร้อมใช้เต็มรูปแบบแล้ว โดยเป็นส่วนเสริมของ Red Hat OpenShift Dedicated และบน Red Hat OpenShift Service on AWS เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Red Hat OpenShift API Management ได้ที่นี่

Red Hat OpenShift: การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่มาพร้อมการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นสำหรับโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ บริการจัดการคลาวด์บริการใหม่ ๆ ที่กล่าวมานี้ สร้างบนพอร์ตโฟลิโอของ Red Hat OpenShift ซึ่งให้บริการ Kubernetes ที่มีการบริหารจัดการแบบครบวงจรและจัดการได้ด้วยตัวเองกับพับลิคคลาวด์ชั้นนำต่าง ๆ บริการใหม่เหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรของเร้ดแฮทสามารถจัดทำกลยุทธ์โอเพ่นไฮบริดคลาวด์ที่ทำงานบนแพลตฟอร์มเอ็นเตอร์ไพรส์ Kubernetes ชั้นนำของอุตสาหกรรมได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ภายในองค์กรหรือจะต้องมีบุคลากรที่คอยปฏิบัติงาน

การประกาศครั้งนี้ยังเป็นการเปิดให้พันธมิตรของเร้ดแฮทผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (independent software vendors: ISVs) และผู้ให้บริการรวมระบบ (systems integrators: SIs) ได้นำเสนอบริการใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าของเขา ลูกค้าสามารถใช้บริการเหล่านี้ร่วมกับข้อเสนออื่น ๆ ของพันธมิตรด้านเทคโนโลยีรวมถึงโซลูชั่นที่มีอยู่บน Red Hat Marketplace ที่ได้รับการทดสอบเรียบร้อยแล้วได้รับการรับรอง และรองรับการใช้งานบน Red Hat OpenShift

คำกล่าวสนับสนุน

"เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้นำด้านไอทีต้องสามารถใช้เทคโนโลยีที่พวกเขาต้องการ
และเห็นว่าเหมาะสมกับองค์กรของตน บริการคลาวด์ที่มาพร้อมการบริหารจัดการของเร้ดแฮท ช่วยขจัดอุปสรรคจำนวนมากได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรนำประสิทธิภาพของไฮบริดคลาวด์มาใช้ได้อย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าการขจัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์-สเกลที่เคยเกิดขึ้นออกไป จะกระตุ้นให้เกิดการเริ่มต้น
และทำให้ความเป็นไปไม่ได้จากการที่ถูกขวางกั้นโดยอุปสรรคเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้"
แมตท์ ฮิกซ์
รองประธานบริหาร, ฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี, เร้ดแฮท
“ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ ต้องการเพิ่มความเร็วในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นของตน องค์กรหลายแห่งกำลังมองหาวิธีการลดภาระงาน
ของทีมพัฒนาด้วยการนำบริการคลาวด์ที่มีการบริหารจัดการให้ด้วยมาใช้ ซึ่งช่วยให้สามารถมุ่งความสำคัญไปที่การมองมูลค่าทางธุรกิจ
มากกว่าการใช้ทรัพยากรที่มีค่าไปกับการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน เร้ดแฮท มุ่งมั่นเพิ่มศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีให้กับลูกค้า
ด้วย Red Hat OpenShift และชุดของบริการที่บูรณาการเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งสามารถใช้งานได้กับมัลติเพิลคลาวด์ทุกระบบ”
สตีเฟ่น โอแกรดี
หัวหน้านักวิเคราะห์, RedMonk

เทคโนโลยี Open Hybrid Cloud ของเร้ดแฮท ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลกก้าวล้ำไปอีกขั้น

Red Hat

เทคโนโลยี Open Hybrid Cloud ของเร้ดแฮท ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลกก้าวล้ำไปอีกขั้น

โซลูชั่นคลาวด์-เนทีฟของเร้ดแฮท ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทั่วโลก โดยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการข้อมูลรูปแบบใหม่ ๆ ที่มากมายมหาศาล ให้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การให้บริการในรูปแบบใหม่ในยุค 5G

เร้ดแฮท อิงค์ ผู้ให้บริการโซลูชั่นโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของโลก ประกาศว่าผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) ทั่วโลกเลือกเร้ดแฮทไปใช้ในการปรับปรุงระบบโครงข่ายให้ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของตลาดที่มีการแข่งขัน มีความเคลื่อนไหว และมีการเติบโตสูงอย่างไม่น่าเชื่อ การเกิดขึ้นของ 5G ทำให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารมีหน้าที่จัดหาระบบโครงข่ายที่ทันสมัยที่สามารถเชื่อมต่อองค์กรที่อยู่ในอุตสาหกรรมทุกประเภท ตั้งแต่องค์กรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะและอื่น ๆ 

เทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ของเร้ดแฮทให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและความสามารถต่าง ๆ ที่ผู้ให้บริการด้านนี้จำนวนมากต้องการ เพื่อทำให้ระบบเน็ตเวิร์กเป็นเวอร์ชวลไลซ์และคอนเทนเนอร์ไรซ์ ช่วยให้สามารถให้บริการแอปพลิเคชั่นที่ทันสมัยและบริการใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น ดังตัวอย่างการนำไปใช้ดังนี้

HKT ผู้ให้บริการและเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแถวหน้าด้านโทรคมนาคมของฮ่องกง ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเร่งให้การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลขององค์กรดำเนินไปเร็วขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ HKT ได้ทำงานร่วมกับเร้ดแฮทเพื่อสร้างความหลากหลายและขยายบริการต่าง ๆ บน Club Shopping ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์แบบครบวงจรของบริษัทฯ ที่สร้างและทำงานอยู่บน Red Hat OpenShift อีกหนึ่งตัวอย่างคือการเปิดตัว DrGo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นที่ให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ DrGo ให้บริการด้านการแพทย์ทางไกลโดยการเชื่อมต่อผู้ใช้บริการกับแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนในฮ่องกงและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพอื่น ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น ทั้งนี้ด้วยความยืดหยุ่นและความเชื่อถือได้ของโซลูชั่น OpenShift ช่วยให้ HKT สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้น มีความคล่องตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังคงสามารถนำเสนอบริการใหม่ ๆ ที่ทันสมัยให้กับลูกค้าได้

Proximus ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของเบลเยี่ยม เคยมองหาแนวทางการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และมองหาฟังก์ชั่นโครงข่ายเสมือน (network function virtualization: NFV) เพื่อใช้ทดแทนโครงข่ายแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่ายสูง ปัจจุบัน Proximus วางมาตรฐานกลยุทธ์ NFV ของบริษัทไว้บน Red Hat OpenStack Platform ที่ทำงานร่วมกับ Red Hat Ceph Storage ซึ่งช่วยให้ใช้งานฟังก์ชั่น บริการสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่าเงินลงทุน สามารถปรับขนาดการทำงานได้ และลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องลงได้ 20% นอกจากนี้ Proximus ยังใช้ web properties และการพัฒนาแบบคลาวด์-เนทีฟของบริษัทบน Red Hat OpenShift ช่วยให้สามารถใช้งานและเรียกใช้ไมโครเซอร์วิสบนคอนเทนเนอร์ได้ตามขนาดที่ต้องการ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานได้ประมาณ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน

Samsung หนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมการสื่อสารผ่านอุปกรณ์โมบาย ได้ร่วมกับเร้ดแฮทเพิ่มทางเลือกต่าง ๆ ในการใช้งานโซลูชั่น 5G ของบริษัท โดยการนำ 5G Core และโครงข่ายอุปกรณ์สถานีฐาน (Radio Access Network: RAN) มาทำงานบน Red Hat OpenShift ทั้งนี้ Samsung ได้ทดสอบและตรวจสอบความสมบูรณ์ในการทำงานของ 5G core CNF บน Red Hat OpenShift สำหรับให้ลูกค้าร่วมของทั้งสองบริษัทได้ใช้งานเสร็จสิ้นแล้ว และกำลังวางแผนทดสอบและตรวจสอบความสมบูรณ์ของการใช้ 5G vRAN ของบริษัทบน Red Hat OpenShift ต่อไป

Telecom Argentina หนึ่งในผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและความบันเทิงระดับแนวหน้าในอาร์เจนตินา นำโซลูชั่น Kubernetes ที่เสถียรและปรับขนาดการทำงานได้มากขึ้น Red Hat OpenShift กำลังช่วยให้ Telecom Argentina ปรับปรุง Flow ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงแบบดิจิทัลให้ทันสมัยขึ้น แพลตฟอร์มนี้นำเสนอเนื้อหาสด ซีรีย์ และการแสดงทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เกม และเพลง แบบ on demand การใช้แพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟนี้ ช่วยให้ Telecom Argentina พัฒนาแพลตฟอร์ม Flow อย่างล้ำหน้า เพื่อรองรับความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคต นอกจากนี้โมเดลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมโอเพ่นซอร์สที่แข็งแกร่ง และปลูกฝังแนวคิด DevOps ให้กับการทรานส์ฟอร์มด้านดิจิทัลและวัฒนธรรมองค์กรที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่

 

คำกล่าวสนับสนุน

Honoré LaBourdette, global vice president of telco, media and entertainment, Red Hat

“ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร กำลังช่วยองค์กรต่าง ๆ ด้วยการให้บริการนวัตกรรมที่ก้าวล้ำที่ใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็ทำงานเพื่อช่วยให้โครงข่ายขององค์กรเหล่านี้ทันสมัยขึ้น เพื่อให้สามารถตอบรับกับตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นได้ Red Hat OpenShift ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทั้งหลายสามารถให้ความสำคัญและเน้นไปที่การรับมือกับเรื่องใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในอุตสาหกรรม เช่น เอดจ์คอมพิวติ้ง, standalone 5G core และอื่น ๆ อีกมาก” 

 

Eric Wong, senior vice president, Technical Service, Operation and Security, HKT

“ความเชื่อถือได้และความยืดหยุ่นที่เราได้รับเพิ่มขึ้นจาก Red Hat OpenShift ช่วยให้ HKT สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้น และมีความคล่องตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันเรายังคงสามารถให้บริการใหม่ ๆ กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง”

 

แหล่งข้อมูล

 

 ช่องทางติดต่อเร้ดแฮท

เร้ดแฮทประกาศแต่งตั้งผู้นำระดับภูมิภาค

Red Hat

เร้ดแฮทประกาศแต่งตั้งผู้นำระดับภูมิภาค

    • เร้ดแฮทแต่งตั้งคุณเดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน เป็นรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ประจำอเมริกาเหนือ และแต่งตั้งคุณมาร์เจ็ท แอนเดรส เป็นรองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
    • ผู้นำทั้งสองท่านจะช่วยเร่งให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์ต่าง ๆ

 

เร้ดแฮท อิงค์ ผู้นำระดับโลกด้านโอเพ่นซอร์สโซลูชั่น ประกาศแต่งตั้งคุณเดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน เป็นรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ ประจำอเมริกาเหนือ และแต่งตั้งคุณมาร์เจ็ท แอนเดรส ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแทนคุณแวน ลีอูเวน ทั้งนี้คุณมาร์เจ็ทได้เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮทเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

การแต่งตั้งครั้งนี้มีผลทันที โดยทั้งคุณแวน ลีอูเวน และคุณแอนเดรส จะรายงานตรงต่อคุณลาร์รี่ สแต็ก รองประธานบริหารด้านการขายและบริการระดับโลกของเร้ดแฮท

เดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ ประจำอเมริกาเหนือ, เร้ดแฮท
เร้ดแฮท
มาร์เจ็ท แอนเดรส, รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, เร้ดแฮท

คุณแวน ลีอูเวน เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮทในปี 2547 เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จและขยายธุรกิจไปสู่ระดับสากล และมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งเร้ดแฮทในกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) รวมทั้งในยุโรปกลางและตะวันออก ในปี 2552 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำฝ่ายขาย การตลาด และการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ฐานลูกค้าของเร้ดแฮทในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายใต้การนำของคุณแวน ลีอูเวน ช่วยให้เร้ดแฮทได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ทั้งในตลาดที่มีการซื้อขายกันเป็นประจำซึ่งธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในตลาดนี้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของตนให้ทันสมัยขึ้น และตลาดเกิดใหม่ต่าง ๆ ที่ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนให้มีความคล่องตัว คุณแวน ลีอูเวน ในบทบาทใหม่ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเชิงพาณิชย์ในอเมริกาเหนือของเร้ดแฮท จะนำประสบการณ์ที่เขามีต่อยอดผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น รวมถึงกิจกรรมด้านการขาย การให้คำปรึกษา และช่องทางการขายต่าง ๆ  และจะย้ายจากสิงคโปร์ไปอเมริกาเหนือในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

คุณแอนเดรส เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮทในปี 2563 และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในฐานะผู้นำด้านการขายที่มีความใส่ใจและมากประสบการณ์ คุณแอนเดรสให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า และการทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ในการทำงาน ด้วยประสบการณ์อันกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากกว่า 25 ปี เธอมีประวัติการทำงานที่โดดเด่น และประสบความสำเร็จในการนำทีมที่มีบทบาทในทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคในองค์กรต่าง ๆ ทั่วทั้งยุโรปและเอเชีย รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดในภูมิภาคใหม่และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ หลังจากการเข้าซื้อกิจการ ก่อนร่วมงานกับเร้ดแฮทคุณแอนเดรสเป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเทลสตรา (Telstra) โดยก่อนหน้านี้เธอดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำระดับสูงที่แรนสตัด (Ranstad) บทบาทของเธอในตำแหน่งใหม่นี้ เธอจะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันและต่อยอดการเติบโตของเร้ดแฮทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในระยะต่อ ๆ ไป และริเริ่มแนวทางต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จด้วยการใช้เทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

คำกล่าวสนับสนุน

ความเป็นผู้นำและแนวคิดเชิงกลยุทธ์ของคุณแวน ลีอูเวน ได้กระตุ้นการเติบโตของเราในเอเชียแปซิฟิก และช่วยเปลี่ยนเร้ดแฮทให้เป็นองค์กรระดับโลกที่แท้จริง เขาจะนำความชื่นชอบแบบเดียวกับความหลงใหลด้านโอเพ่นซอร์สและการทำงานแบบเปิดนี้มาใช้กับงานในบทบาทใหม่ของเขาในอเมริกาเหนือ และจะยังคงช่วยลูกค้าของเราแก้ไขความท้าทายด้านไอทีต่าง ๆ สำหรับคุณมาร์เจ็ทซึ่งมีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับอย่างเท่าเทียมกันทั้งสองด้านคือด้านการเป็นผู้นำด้านการขาย และ เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ทำให้เธอเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับการได้รับเลือกให้มาดำรงตำแหน่งแทนคุณแวน ลีอูเวน การประกาศแต่งตั้งครั้งนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของเร้ดแฮท และเรามีผู้นำที่เหมาะสมที่จะทำงานเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จ
ลาร์รี่ สแต็ก
รองประธานบริหารฝ่ายขายและบริการระดับโลก, เร้ดแฮท
“ผมภูมิใจที่ได้เห็นว่าเร้ดแฮทในเอเชียแปซิฟิกเติบโตเพียงใดในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่งอยู่ และผมยังคงมองเห็นโอกาสเติบโตเช่นนี้อยู่ต่อหน้าเรา การทำงานร่วมกัน ทำให้เราได้พบเป้าหมายร่วมกัน และเรากำลังช่วยให้ลูกค้าของเร้ดแฮทใช้และจัดการกับลักษณะโดยรวมของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่ใหม่นี้ และได้ร่วมทำงานกับทีมอเมริกาเหนือในขณะที่ลูกค้าของเราให้การตอบรับและนำเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สไปใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรม”
เดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน
รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ประจำอเมริกาเหนือ, เร้ดแฮท
“ตั้งแต่เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮท ดิฉันประทับใจที่ชาวเร้ดแฮทแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในทุก ๆ วัน และความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้า เราได้แสดงพลังของโอเพ่นซอร์สในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ และลูกค้าก็ไว้วางใจให้เราแนะแนวทางในการใช้กลยุทธ์โอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ดิฉันยินดีที่ได้รับตำแหน่งนี้และพร้อมที่จะนำทีมเดินหน้าเพื่อมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง”
มาร์เจ็ท แอนเดรส
รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, เร้ดแฮท

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเร้ดแฮท

ระบบอัตโนมัติ คือความสำเร็จบนเส้นทางทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลขององค์กร

Red Hat

ระบบอัตโนมัติ คือความสำเร็จบนเส้นทางทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลขององค์กร

โดย กวินธร ภู่ตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เร้ดแฮท (ประเทศไทย) จำกัด

ความท้าทายของธุรกิจในปัจจุบันคือจำเป็นต้องดำเนินงานให้ฉับไวมากขึ้นกว่าในอดีต ใช้ทรัพยากรน้อยลง ทั้งด้านงบประมาณและบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางปี 2563 ซึ่งบุคลากรจำนวนมากต้องทำงานจากบ้านในช่วงที่โควิดแพร่ระบาด ส่งผลให้ฝ่ายไอทีขององค์กรหลายแห่งต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานและทบทวนขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าและการขยายธุรกิจให้เติบโตในช่วงสถานการณ์ความไม่แน่นอน  ทางออกของความท้าทายนี้อาจเป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้นำมาใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ

ระบบอัตโนมัติทางธุรกิจ: เริ่มต้นที่คำจำกัดความ

คำจำกัดความของระบบอัตโนมัติทางธุรกิจ (Business Automation) กำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ได้หันไปให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล ในอดีต องค์กรมักจะเน้นปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูล แต่ทุกวันนี้ องค์กรทุกแห่งต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) และจำเป็นต้องนำระบบอัตโนมัติต่าง ๆ มาใช้ เพื่อช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล  ก่อนหน้านี้ การใช้ระบบอัตโนมัติเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนการทำงานต่าง ๆ ให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติ แต่ปัจจุบัน ควรพิจารณานำระบบอัตโนมัติไปใช้ทางธุรกิจมากขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบใหม่ ให้สอดคล้องกับกระบวนการทางธุรกิจ แล้วจึงจัดโมเดลเหล่านี้ให้เป็นระบบที่ง่ายต่อการบำรุงรักษาและกระจายการทำงาน

แต่เดิม เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Management: BPM), การจัดการการตัดสินใจ (Decision Management) และการประมวลผลเหตุการณ์ที่ซับซ้อน (Complex Event Processing: CEP) ถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายให้กับส่วนงานต่าง ๆ ภายในองค์กร  แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่รองรับการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ให้สอดคล้องกับเครื่องมือและแนวทางการพัฒนาโมเดิร์นแอปพลิเคชั่นแบบคลาวด์เนทีฟ จะช่วยให้องค์กรนำเสนอแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

บทบาทของระบบอัตโนมัติ ต่อการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น

แม้ว่าความจำเป็นในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นจะขึ้นอยู่กับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละองค์กร แต่เป็นที่ชัดเจนว่าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นคือกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในสภาพตลาดปัจจุบัน รายงานผลการศึกษาของไอดีซี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเร้ดแฮท ชี้ว่า บุคลากรฝ่ายไอที 86% ระบุว่า “ระบบอัตโนมัติมีความสำคัญอย่างมากหรือมีความสำคัญสูงสุดต่อกลยุทธ์ด้านคลาวด์ในอนาคตขององค์กร” แนวทางการสร้างระบบอัตโนมัติที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรจะต้องรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิธีที่บุคลากร กระบวนการ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำงานร่วมกันด้วย

ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณประโยชน์ของระบบอัตโนมัติก็คือ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ (Ascend Money) ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีลูกค้ากว่า 40 ล้านคนใน 6 ประเทศ  แอสเซนด์ มันนี่เติบโตอย่างรวดเร็วจากการเข้าซื้อกิจการหลายแห่ง และการที่ทีมงานในแต่ละประเทศมีวิธีการพัฒนาและใช้ดิจิทัลแอปพลิเคชั่นแตกต่างกัน ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้วยการสร้างแพลตฟอร์มกลางสำหรับการพัฒนาและติดตั้งแอปพลิเคชั่น  แอสเซนด์ มันนี่ ได้กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับกระบวนการ และการให้บริการแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บน OpenShift Container Platform ของเร้ดแฮท ซึ่งทำงานอยู่บนเทคโนโลยี Kubernetes container orchestration  นอกจากนี้ Ansible automation ยังช่วยให้แอสเซนด์ มันนี่ สามารถขยายผลิตภัณฑ์และบริการทางธุรกิจได้อย่างง่ายดาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

ระบบอัตโนมัติขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ

การขยายระบบอัตโนมัติไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยให้ทำงานแบบแมนนวลน้อยลง  ทีมงานฝ่ายไอทีสามารถนำกระบวนการใหม่ ๆ เช่น DevOps และ DevSecOps ไปใช้ได้ และสามารถพัฒนาและอัพเดตแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ระบบอัตโนมัติยังช่วยเรื่องการบริการตนเองหรือทำงานได้ด้วยตนเองและการมอบหมายงาน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนจำนวนมากต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขใหม่ ๆ เช่น พนักงานจำนวนมากที่ทำงานจากระยะไกล ทำให้เราทุกคนล้วนได้รับแรงกดดันทั้งในเรื่องของทรัพยากรและเวลาที่จำกัด  การมอบหมายงานและการทำงานได้ด้วยตนเองมีความสำคัญมากต่อการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ เหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ทีมไอทีย่อมจะไม่สามารถเขียนโค้ดและสร้างผลิตภัณฑ์ได้หากขาดการตรวจสอบและการควบคุมที่เพียงพอ องค์กรอาจได้รับความเสี่ยงจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และทำให้ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรที่มีค่า เวลา และเงินไปกับการแก้ปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก  ดังนั้น ในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการกำกับดูแลว่า “ใครได้รับอนุญาตให้ทำอะไรได้บ้าง”

 

ก้าวต่อไป: ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ปัจจุบันระบบอัตโนมัติช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านไอที และเพิ่มความคล่องตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรม  ปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ ยกระดับขีดความสามารถด้านการคาดการณ์ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย ความผันผวน และความเสี่ยง 

เทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานสำหรับระบบอัตโนมัติทางธุรกิจมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง  ผู้รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีที่ต้องประเมินแนวทางที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนความคล่องตัวทางธุรกิจ ควรมองหาโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการนโยบาย การบังคับใช้ และกระบวนการได้ในระดับโดเมน  การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน ณ จุดเดียว จะช่วยให้ปรับขยายการทำงานได้ง่าย ควบคู่กับการใช้เวลาที่ลดลง เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรให้กับโครงการสำคัญ ๆ ได้มากขึ้น  หากการปรับตัวคือเป้าหมายหลักในปี 2563 ในปี 2564 องค์กรก็ควรยกระดับมาพิจารณานำระบบอัตโนมัติทางธุรกิจมาเป็นส่วนหนึ่งของโรดแมปการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

การขยายธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ในปี 2564 พาร์ทเนอร์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของเร้ดแฮท

Red Hat

การขยายธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ในปี 2564 พาร์ทเนอร์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของเร้ดแฮท

เร้ดแฮท
โดย กวินธร ภู่ตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทเร้ดแฮท (ประเทศไทย) จำกัด

จากโพสต์ของพอล คอร์เมียร์ ประธานและซีอีโอของเร้ดแฮท ผมขอกล่าวย้อนอดีตถึงช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเรา รวมไปถึงทิศทางในอนาคต เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พอลได้อธิบายถึงความสำคัญของพาร์ทเนอร์ต่อเรื่องราวความสำเร็จทางธุรกิจของเร้ดแฮท:

“ช่องทางจัดจำหน่ายคือหัวใจสำคัญของเร้ดแฮท  ถ้าหากไม่มีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ เร้ดแฮทก็จะไม่ได้เป็นบริษัทดังวันนี้”

พาร์ทเนอร์เปรียบเสมือนเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างเร้ดแฮทกับลูกค้า ซึ่งเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดในเกือบทุกช่วงเวลาของประวัติการดำเนินงานของเร้ดแฮท รวมถึงในช่วงปี 2563 และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปขณะที่เราร่วมกันขยายธุรกิจให้เติบโตในปี 2564  เร้ดแฮทและพาร์ทเนอร์ของเราพิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างแท้จริงก็คือ แรงขับเคลื่อนที่เกิดจากพาร์ทเนอร์ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยปัญหาท้าทายและความไม่แน่นอน

เมื่อโลกเปลี่ยนไป เร้ดแฮทได้พึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สของเรา รวมถึงเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่กว้างขวาง เพื่อช่วยให้ลูกค้าดำเนินการปรับเปลี่ยนและปรับขนาดธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ  องค์กรต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานและบริการต่างๆ ภายในเวลาชั่วข้ามคืน และในหลายๆ กรณี จำเป็นต้องเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)  ระบบโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ (Open Hybrid Cloud) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือกสำหรับธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ

ด้วยเหตุนี้ พาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทจึงมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในการนำพาลูกค้าองค์กรทั่วโลกก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตที่เปิดกว้างและปลอดภัยมากขึ้น  และจากผลงานที่ผ่านมา เร้ดแฮทเชื่อมั่นในศักยภาพของพาร์ทเนอร์ซึ่งจะช่วยผลักดันความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต

เร้ดแฮท

ยอมรับความเปลี่ยนแปลง

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงและมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  แน่นอนว่าปี 2563 คือช่วงเวลาสำคัญที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เร้ดแฮทและพาร์ทเนอร์ของเราก็สามารถฟันฝ่าวิกฤติและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์และปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อปีที่แล้ว เราได้เปิดตัว แพลตฟอร์ม Renewals Intelligence ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน สามารถนำไปใช้งานในทางปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนของการต่ออายุสัญญาการใช้บริการร่วมกับเร้ดแฮท  ตั้งแต่ข้อมูลผลการดำเนินงานในอดีตไปจนถึงข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับการขาย แพลตฟอร์ม Renewals Intelligence ช่วยให้พาร์ทเนอร์ตรวจสอบติดตามโอกาสทางธุรกิจ เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้าที่มีอยู่  ปัจจุบันพาร์ทเนอร์ด้านช่องทางจัดจำหน่ายของเร้ดแฮทกว่า 180 รายกำลังใช้งานแพลตฟอร์ม Renewals Intelligence

ในปี 2563 องค์กรต่างๆ ทั่วโลกกำลังสานต่อหรือปรับเปลี่ยนโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น พาร์ทเนอร์ของเราได้ให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรเหล่านี้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการใช้ Red Hat OpenShift และ  Red Hat Ansible Automation Platform เป็นแพลตฟอร์มสำหรับรองรับเวิร์กโหลดอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นและคล่องตัว โดยครอบคลุมเครือข่ายพาร์ทเนอร์ทั่วโลกของเรา

 

เสริมศักยภาพให้กับพาร์ทเนอร์ด้วยการฝึกอบรมและการรับรองความเชี่ยวชาญ

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้พาร์ทเนอร์ประสบความสำเร็จก็คือ โครงการ Red Hat Online Enablement  Network (OPEN) ของเรา ซึ่งมีการจัดฝึกอบรมในหลากหลายหลักสูตรและการรับรองความเชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์เพิ่มพูนทักษะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเร้ดแฮท รวมไปถึงเทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

ในปี 2563 เราได้เปิดตัวหลักสูตรใหม่และหลักสูตรปรับปรุง 131 หลักสูตร เช่น หลักสูตรที่เกี่ยวกับบริการแอพพลิเคชั่น, OpenShift, Ansible Automation Platform และ Quarkus เป็นต้น  นอกจากนี้ เร้ดแฮทยังได้ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้สำหรับระบบการฝึกอบรม Red Hat OPEN โดยเพิ่มเติมฟังก์ชั่นใหม่สำหรับการแชร์ข้อมูล เพื่อให้พาร์ทเนอร์สามารถแชร์ลิงค์ที่เชื่อมโยงไปยังทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับให้พาร์ทเนอร์ขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมที่ควรเรียนรู้ โดยอ้างอิงจากหัวข้อที่สนใจเป็นพิเศษ

ที่สำคัญก็คือ เมื่อปีที่แล้ว มีพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทได้รับการรับรองความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและการขายกว่า 44,000 รายการทั่วโลก

 

อนาคตข้างหน้า

สำหรับปีนี้ เร้ดแฮทมีแผนที่จะกระตุ้นการมีส่วนร่วมในเครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเรา โดยใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลูกค้า โดยเราจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อผลักดันความสำเร็จที่ต่อเนื่องของลูกค้า โดยอาศัยเทคโนโลยีของเร้ดแฮทและนวัตกรรมของพาร์ทเนอร์  ด้วยการผสานรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเพ่นซอร์สชั้นนำของเร้ดแฮทเข้ากับทักษะความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พาร์ทเนอร์จะสามารถสร้างโซลูชั่นแบบครบวงจร จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ และนำเสนอบริการที่มอบมูลค่าทางธุรกิจที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า

พาร์ทเนอร์หลายรายของเราเริ่มต้นจาก Red Hat Enterprise Linux (RHEL) แล้วต่อด้วย Red Hat OpenShift แต่เราทำงานอย่างจริงจังเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ขยายขีดความสามารถให้ครอบคลุมสถาปัตยกรรมโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ทั้งหมด และตอนนี้ พาร์ทเนอร์มีโอกาสที่จะขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอ เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทคโนโลยีของเร้ดแฮท นอกเหนือไปจาก RHEL และ OpenShift ซึ่งจะช่วยให้สามารถรองรับการจัดการเวิร์กโหลดในสภาพแวดล้อมคลาวด์หรือระบบที่ติดตั้งภายในองค์กร รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นแบบคลาวด์เนทีฟ และอื่นๆ  ขั้นถัดไปเรามีแผนที่จะผลักดันในส่วนของระบบประมวลผลเอดจ์คอมพิวติ้ง (Edge Computing), บริการ Managed Services และระบบรักษาความปลอดภัย

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เราได้ขยายกิจกรรมที่ดำเนินการร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลก และยกระดับความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์รายสำคัญที่ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน  เครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทครอบคลุมขอบเขตที่กว้างขวาง ตั้งแต่ผู้ให้บริการโซลูชั่นไปจนถึงบริษัทซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และผู้ติดตั้งระบบ (SI) ทั้งยังมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะอีกด้วย  ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปี 2564 ลูกค้าหลายรายกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาไปสู่ไฮบริดคลาวด์ ขณะที่พาร์ทเนอร์ของเรากำลังเสริมสร้างทักษะและความเชี่ยวชาญในระดับที่สูงขึ้น และเราคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จร่วมกับพาร์ทเนอร์มากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต

การดำเนินการของเราร่วมกับพาร์ทเนอร์มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยอาศัยเครื่องมือใหม่ๆ เช่นแพลทฟอร์ม Renewals Intelligence และการขยายการฝึกอบรมหลักสูตร OPEN และเรามีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ครอบคลุมส่วนอื่นๆ ภายในระบบนิเวศน์ของเรา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ISV และ SI มีความพร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับเร้ดแฮท ด้วยการสร้าง การจัดจำหน่าย และการให้บริการซัพพอร์ตสำหรับโซลูชั่นต่างๆ ร่วมกันในปี 2564

พร้อมกันนี้ เรามองว่าบริการ Managed Services เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดำเนินงานบนระบบไฮบริดคลาวด์ และพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนนี้  ผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะรายสำคัญได้นำเสนอ OpenShift Dedicated ในรูปแบบของบริการที่ได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์สำหรับ Red Hat OpenShift บน AWS, Google Cloud Platform และ Microsoft Azure  ขณะที่เราขยายขอบเขตการนำเสนอเทคโนโลยีโดยอาศัยความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ รวมไปถึงผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ เรามีเป้าหมายที่จะช่วยให้พาร์ทเนอร์และลูกค้าที่ใช้ระบบคลาวด์ใดๆ ก็ตามได้รับประโยชน์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ เร้ดแฮทยังมีการมอบรางวัล Red Hat ASEAN Partner Synergy Awards ประจำปี 2564 ให้แก่พาร์ทเนอร์ดูแลกลุ่มองค์กรธุรกิจและภาครัฐ เพื่อยกย่องความสำเร็จและความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นโดยใช้เทคโนโลยีของเร้ดแฮท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและปรับปรุงผลประกอบการทางด้านธุรกิจ สำหรับรางวัลในปีนี้ มีพาร์ทเนอร์ไทยได้รับรางวัลเจ็ดรายในแปดสาขาด้วยกัน คือ

บริษัท จีเอเบิล จำกัด [Advanced Partner of the Year], บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

[Commercial Partner of the Year และ Strategic Products Partner of the Year], บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด [Distributor of the Year], บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด [Net New Business Partner of the Year], บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด [OEM Partner of the Year], บริษัท สิริซอฟต์ จำกัด [Ready Partner of the Year] และ บริษัท วีโนฮาว (ประเทศไทย) จำกัด [Training Partner of the Year] รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล