องค์กรธุรกิจแห่งอนาคตต้องเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร: จะสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นในปี 2566 และในอนาคตได้อย่างไร

องค์กรธุรกิจแห่งอนาคตต้องเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร: จะสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นในปี 2566 และในอนาคตได้อย่างไร

องค์กรธุรกิจแห่งอนาคตต้องเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร: จะสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นในปี 2566 และในอนาคตได้อย่างไร

Marjet-Andriesse

บทความโดย มาร์เจ็ท แอนเดรส, รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, เร้ดแฮท

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ปัญหาต่าง ๆ เช่น เงินเฟ้อ ความตึงเครียดทางการเมือง และซัพพลายเชนที่ประสบกับความยุ่งยาก กำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ รายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปี 2566[1] จีดีพีไทยจะขยายตัวในช่วง 3.2-4.2% โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก โดยแม้ยังไม่มองการเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่โอกาสมีมากขึ้น เนื่องจากมีหลายปัจจัยเสี่ยงให้ติดตามทั้งเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย และภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลายประเทศ

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องทำอย่างระมัดระวัง มีการวางแผนและจัดระเบียบการใช้จ่ายระยะสั้นอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถทำกำไรได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องวางเดิมพันครั้งใหญ่ควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระยะยาวเมื่อฟื้นตัวจากตลาดที่ประสบกับภาวะตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ จะต้องวางแผนยาวไปจนถึงปี 2573 ไม่ใช่เพียงแผนสำหรับปี 2566 เท่าน้้น 

คำถามสำคัญที่ธุรกิจทั้งหลายต้องถามตัวเองคือ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ต่อจากนี้ความต้องการของลูกค้าจะเป็นอย่างไร นวัตกรรมด้านการผลิตจะเป็นอย่างไร และภาพรวมของธุรกิจจะเป็นไปในทิศทางใด

เป็นการยากที่จะรับมือกับการวิเคราะห์สิ่งที่ไม่เคยรู้จักมากมายดังกล่าวนี้ แต่บริษัทที่สามารถวิเคราะห์ได้เร็ว และมีประสิทธิภาพจะพร้อมฟื้นตัวจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดได้อย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นกว่า

เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือปรับสมดุลที่ยอดเยี่ยม

ในระยะสั้น เทคโนโลยีมีบทบาทในการช่วยให้ธุรกิจดำเนินกิจการต่อไปได้ในระหว่างเกิดวิกฤต ด้วยการช่วยให้ทำงานจากระยะไกลได้ ช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัว และมีส่วนร่วมภายนอกองค์กรผ่านช่องทางดิจิทัล ในระยะยาว องค์กรต่าง ๆ ย่อมต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อเป็นฐานที่แข็งแกร่งให้กับกระบวนการทำงานทั้งหมด ความคิดริเริ่ม หรือ ห่วงโซ่ที่เชื่อมโยงขั้นตอนการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงมือผู้บริโภค (value chain) ซึ่งสนับสนุนการเดินบนเส้นทางสู่การเป็นองค์กรแห่งอนาคตของตน

องค์กรธุรกิจที่ชาญฉลาดในปัจจุบันจะจัดลำดับความสำคัญใหม่ เพื่อการลงทุนที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก, กระบวนการอัตโนมัติและการปรับขยายเสริมข้อมูล, ข้อมูลและการวิเคราะห์ และ DevOps ที่มีความคล่องตัวจะขับเคลื่อนนวัตกรรมในธุรกิจและรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ

ในขณะที่ธุรกิจเดินหน้า ดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือปรับสมดุลที่เป็นทางลัดให้องค์กรฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้องค์กรแห่งอนาคตทั้งหลายให้ใช้แพลตฟอร์ม, มีระบบนิเวศเป็นศูนย์กลางการทำงาน และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

สร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่น

ก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงในเอเชียแปซิฟิกนั้นทั้งยากที่จะรับมือและน่ากังวล การที่ดิจิทัลเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้อุตสาหกรรมเกือบทุกแขนงต้องหยุดทบทวนและประเมินกลยุทธ์ของตนใหม่

องค์กรที่อยู่ในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว สามารถก้าวข้ามความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น และมีโครงสร้างทางดิจิทัลที่มั่นคงที่สามารถลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดให้เหลือน้อยที่สุดได้

โอเพ่นซอร์สสำคัญต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างยิ่ง สามารถช่วยองค์กรลดผลกระทบต่าง ๆ เหล่านี้ได้มาก โดยมอบความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากขึ้นในอนาคต

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในองค์กรไทยที่ได้นำโซลูชันและแพลตฟอร์มด้านโอเพ่นซอร์สของเร้ดแฮท เข้ามาช่วยให้บริการมีความคล่องตัว ปรับขนาดการทำงานได้ และยืดหยุ่น สามารถรองรับปริมาณงานพัฒนาแอปพลิเคชันจำนวนมากได้ทั้งบนคลาวด์ และระบบภายในองค์กร ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารดิจิทัลระดับแนวหน้าในอาเซียนของธนาคารได้อย่างประสบผลสำเร็จ ในขณะที่ธนาคารกสิกรไทย ผู้นำด้านธนาคารดิจิทัลในประเทศไทย โดย KBTG หน่วยงานด้านไอทีของธนาคารได้ใช้โซลูชันด้านโอเพ่นซอร์สของเร้ดแฮท เพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานหลัก และใช้แพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์ส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดเวลาในการจัดเตรียมระบบและการออกแอปพลิเคชันจากสามวันเหลือเพียงวันเดียว ทำให้ส่งมอบแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น

โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยืดหยุ่นคือรากฐานของนวัตกรรม

องค์กรแห่งอนาคตต้องมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และปรับขนาดการทำงานได้ไม่จำกัด เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ที่กว้างขวาง ผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

IDC ICT Predictions[2] คาดการณ์ว่าจะมีองค์กรธุรกิจในเอเชียมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่วางแผนและดำเนินกลยุทธ์และกิจกรรมที่เริ่มต้นด้วยดิจิทัลตั้งแต่เริ่มแรก (digital-first) มากขึ้นเรื่อย ๆ และคาดการณ์ว่าภายในปี 2566 จะมีอัตราบริษัทหนึ่งในสามบริษัท ที่สร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลมากกว่า 30% ของรายได้ทั้งหมด เทียบกับอัตราส่วน 1 ใน 5 ของปี 2563

สิ่งที่จำเป็นมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย digital-first คือ คน กระบวนการ และเทคโนโลยี ต้องสอดคล้องกัน โอเพ่นซอร์สเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนนวัตกรรมและสามารถปูทางสู่ความสำเร็จนี้ได้ เพราะโอเพ่นซอร์สนำคนที่มีประสบการณ์หลากหลายมาทำงานร่วมกันเพื่อแก้ความท้าทายที่พบเจอเหมือนกัน และจุดประกายแนวคิดใหม่ ๆ

ในขณะที่โลกในปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างเหนียวแน่นกับเศรษฐกิจแบบ digital-first ซึ่งเศรษฐกิจแบบนี้และแนวโน้มทางธุรกิจในอีกสองสามปีต่อจากนี้ยังคงมีความผันผวนสูง เพราะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจระดับโลกและเศรษฐกิจมหภาคเพิ่มมากขึ้น ความสำเร็จขององค์กรในอีก 12-36 เดือนนับจากนี้จะถูกกำหนดด้วยความสามารถขององค์กรนั้น ๆ ว่าจะสามารถจัดการกับความท้าทายที่ปะทะเข้ามาเหล่านี้ได้ดีเพียงใด

องค์กรธุรกิจต้องถามตัวเองว่า จะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร

[1] https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/KR-Press-19-12-22-pp.aspx

[2]  Source:  IDC FutureScape: Worldwide Top ICT Predictions – Asia/Pacific (Excluding Japan)  Implications, November 2021

CIMB Thai Bank and KASIKORN Business-Technology Group Announced as Winners of the Red Hat APAC Innovation Awards 2022 for Thailand

CIMB Thai Bank และ KBTG สององค์กรไทย ได้รับรางวัล APAC Innovation Awards ประจำปี 2565 จาก Red Hat

CIMB Thai Bank and KASIKORN Business-Technology Group Announced as Winners of the Red Hat APAC Innovation Awards 2022 for Thailand

The winners were recognized for using Red Hat open source to enhance customer experiences and to boost productivity to adapt in a fast-changing business landscape

Red Hat, Inc., the world’s leading provider of open source solutions, today announced the winner of the Red Hat APAC Innovation Awards 2022 for Thailand. CIMB Thai Bank and KASIKORN Business-Technology Group (KBTG) were honored at the Red Hat Summit: Connect today for leveraging Red Hat solutions to enhance their customers’ experiences and accelerate their infrastructure team’s productivity in an evolving business landscape.

In line with this year’s theme of “Explore what’s next”, the Red Hat Summit: Connect celebrates organizations’ ability to adapt to rapidly changing business environments, transform their business models and deliver better experiences to customers with open source. This year, the Red Hat APAC Innovation Awards recognizes the digital transformation success of 26 organizations in the region for their creative use of Red Hat solutions to stay ahead of industry trends and customer needs.

In today’s fast changing business environment, agility and innovation are crucial for business success. According to Red Hat’s State of Enterprise Open Source 2022 report, 95 percent of Asia Pacific enterprises say that open source is important to their organization’s overall enterprise infrastructure software strategy, helping them stay nimble and respond to changing customer demands in the long run.

The winners showcased the positive impact of their Red Hat deployments to support their business vision, workplace culture, industry and communities. They demonstrate how open source tools and culture have the power to accelerate business processes, enhance productivity, stimulate innovation and address future challenges.

The awards comprise five categories: Digital Transformation, Hybrid Cloud Infrastructure, Cloud-native Development, Automation and Resilience.

Category: Digital Transformation and Hybrid Cloud Infrastructure
Winner: CIMB Thai Bank

CIMB Thai Bank Public Company Limited (CIMB Thai Bank), envisions becoming a leading digital bank within ASEAN and aims to shape itself as a high-performing sustainable organization to advance customers and society through leveraging best-in-class financial solutions, ASEAN networks and technology. Today, CIMB Thai Bank is the 8th largest commercial bank in Thailand and is listed on the Stock Exchange of Thailand.

To fulfill their vision of becoming a leading digital bank and better meet the demands of their digitally savvy customers, CIMB Thai Bank prioritized the development of digital banking solutions, such as e-payments and cross bank transfer services. In their initial efforts to build these solutions, CIMB Thai Bank wanted to accelerate their development cycles as their digital infrastructure needed to support a higher volume of workloads. In order to ensure the building and scaling of innovative applications, and to deliver these apps at accelerated speeds, CIMB Thai Bank identified the need for a new digital banking platform.  CIMB Thai Bank leveraged open source solutions Red Hat OpenShift and Red Hat OpenShift on AWS (ROSA) to provide the new banking platform’s agility, scalability and resiliency to support high development volumes on both cloud and on-premise environments.

The solutions have managed to speed up the delivery of new digital banking solutions which has also contributed to improvements in their customer experience scores. The Bank’s infrastructure team has also experienced cost savings, and now has greater flexibility to build more digital business functions and leverage new technologies thanks to the benefits offered by open source solutions.

Category: Digital Transformation and Cloud-Native Development
Winner: KASIKORN Business-Technology Group (KBTG)

KASIKORNBANK (KBank) is a banking group founded in 1945 that provides services to a comprehensive set of consumers, including commercial and corporate banking products such as foreign exchange, lending, credit card, and personal-home-car loan and hire purchases. KBank is currently Thailand’s number one mobile banking provider with more than 18.6 million users on K PLUS. As of 2022, KBank is ranked the fourth highest bank in Thailand in terms of assets and deposits, and ranked third in terms of loans market share. KBTG is the dedicated IT arm of the bank that maintains its digital infrastructure and develops technology for the future of KBank.

To maintain their leadership as Thailand’s top digital banking provider and to support continuous business growth, KBTG looked to further modernize their digital infrastructure and continue delivering a broader range of digital services and offerings. KBTG sought greater flexibility and agility than its previous platform, in order to deploy more services and applications that would keep pace with the rapid growth of digital transactions. This required KBTG to enhance their platform to speed up the time-to-market for digital channel services and products. In January 2022, KBTG expanded their use of open source solutions Red Hat OpenShift and Red Hat Advanced Cluster Management, which helped orchestrate, build and deploy new applications on-premise quickly by modernizing key infrastructure technologies such as programming languages and containers. Leveraging Red Hat’s solutions enabled KBTG’s infrastructure team to reduce time to provision systems and deploy applications from 3 days to within a day, improving the team’s speed in delivering new applications and features.

Supporting Quotes

Marjet Andriesse, senior vice president and general manager, APJC, Red Hat
“As digital transformation via the Thailand 4.0 plan continues to accelerate, we celebrate the achievements of our customers who have demonstrated how open source can help them stay agile and responsive to market and customer trends. Our Thailand winners have showcased exceptional agility and innovation when it comes to using technologies like hybrid cloud to increase application development speed and time-to-market for their business and customers. I hope that they will serve as an inspiration for more organizations in Asia Pacific to unlock the potential of open source.”

Paisan Thumpothong, Head of Technology and Data , CIMB Thai Bank

“As part of our efforts to remain competitive in Thailand’s financial landscape, CIMB Thai Bank has prioritized the need for more personalized digital banking solutions for our customers. To ensure that our digital infrastructure could keep up with the increased pace of product development efforts, we built a new digital banking platform to harness the flexibility and scalability of hybrid cloud technologies. Red Hat’s open source solutions were instrumental in supporting this shift by providing the ability, scalability and resiliency capabilities for this platform on both our on premise and cloud environments.”

Tawan Jithavech, Chief Technology Officer, KBTG

“KBank has been the number one digital bank in Thailand, and we are constantly innovating to make sure we maintain that position. Modernizing our application infrastructure was thus a necessity for us to ensure that we could continue enhancing our customers’ digital experiences by delivering new digital services and offerings. Red Hat’s solutions ensured that our infrastructure’s key components, such as our programming languages and containers, were optimized to deliver new applications and features to market quickly.”

CIMB Thai Bank และ KBTG สององค์กรไทย ได้รับรางวัล APAC Innovation Awards ประจำปี 2565 จาก Red Hat

CIMB Thai Bank และ KBTG สององค์กรไทย ได้รับรางวัล APAC Innovation Awards ประจำปี 2565 จาก Red Hat

CIMB Thai Bank และ KBTG สององค์กรไทย ได้รับรางวัล APAC Innovation Awards ประจำปี 2565 จาก Red Hat

พิจารณาจากความสำเร็จในการใช้โซลูชันด้านโอเพ่นซอร์สของ Red Hat เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อปรับกระบวนทัพให้ทันกับแนวทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Red Hat, Inc. ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของโลก ประกาศรายชื่อผู้ประกอบการไทยที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Red Hat APAC Innovation Awards) ประจำปี 2565 ได้แก่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMB Thai Bank) และ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ณ งาน Red Hat Summit: Connect รางวัลนี้พิจารณาจากการนำโซลูชันของ Red Hat ไปใช้เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และเร่งให้ทีมงานด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รองรับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลง

การจัดงาน Red Hat Summit: Connect ภายใต้ธีม “Explore what’s next” ในปีนี้ได้ยกย่องความสามารถขององค์กรต่าง ๆ ที่นำเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สไปใช้เพื่อปรับตัวได้ทันกับสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการทำธุรกิจได้อย่างเหมาะสม และมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้ Red Hat APAC Innovation Awards ให้การยกย่ององค์กรจำนวน 26 แห่งในภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล จากการนำโซลูชันของRed Hat ไปใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อก้าวล้ำเทรนด์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

ความคล่องตัวและนวัตกรรมมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จของธุรกิจในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน รายงาน State of Enterprise Open Source 2022 ของ Red Hat ระบุว่า 95 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า โอเพ่นซอร์สเป็นเทคโนโลยีสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดขององค์กร โอเพ่นซอร์สช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้ในระยะยาว

ผู้ได้รับรางวัลในสาขาต่าง ๆ จะต้องแสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกจากการนำโซลูชันของ Red Hat ไปใช้สนับสนุนวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร อุตสาหกรรมและชุมชนต่าง ๆ โดยต้องแสดงให้เห็นว่าเครื่องมือและวัฒนธรรมแบบโอเพ่นซอร์สสามารถเร่งให้กระบวนการทางธุรกิจ และการทำงานรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม และสามารถแก้ไขความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคตได้อย่างไร

รางวัลในปีนี้แบ่งเป็นห้าสาขา ได้แก่ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation), โครงสร้างพื้นฐานไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud Infrastructure), การพัฒนาคลาวด์-เนทีฟ (Cloud-native Development), ระบบอัตโนมัติ (Automation) และความยืดหยุ่น (Resilience) สำหรับประเทศไทยมีองค์กรได้รับรางวัลสอง แห่ง คือ CIMB Thai Bank และ KBTG

สาขา: Digital Transformation และ Hybrid Cloud Infrastructure
องค์กรที่ได้รับรางวัล: ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMB Thai Bank)

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMB Thai Bank) มีวิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารดิจิทัลระดับแนวหน้าในอาเซียน และมุ่งมั่นสร้างองค์กรให้เป็นธนาคารที่มีสมรรถนะสูงอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างความก้าวล้ำให้ลูกค้าและสังคม ผ่านบริการทางการเงินที่ดีที่สุดในแต่ละด้าน ผ่านความแข็งแกร่งของเครือข่ายของธนาคารในอาเซียน และด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุด ปัจจุบันธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศไทย

เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารดิจิทัลระดับแนวหน้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลจำนวนมาก ธนาคารจึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการต่าง ๆ ในรูปแบบธนาคารดิจิทัล เช่น การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-payments) และบริการโอนเงินระหว่างธนาคาร เป็นต้น ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของธนาคารฯ จำเป็นต้องมีวงจรในการพัฒนาให้รวดเร็วขึ้น รองรับปริมาณเวิร์กโหลดที่มากขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างและปรับขนาดแอปพลิเคชันใหม่ ๆ และส่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ธนาคารฯ จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องนำแพลตฟอร์มใหม่ด้านธนาคารดิจิทัลมาใช้ โดย Red Hat OpenShift และ Red Hat OpenShift on AWS (ROSA) เป็นโซลูชันด้านโอเพ่นซอร์สแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้บริการด้านธุรกรรมการเงินของธนาคารมีความคล่องตัว ปรับขนาดการทำงานได้ตามต้องการ และมีความยืดหยุ่น สามารถรองรับปริมาณงานพัฒนาแอปพลิเคชันจำนวนมากทั้งบนระบบคลาวด์และในระบบภายในองค์กรได้ 

โซลูชันดังกล่าว ช่วยให้ธนาคารฯ สามารถทำการพัฒนาและส่งมอบแอปพลิเคชัน รวมทั้งบริการด้านธนาคารดิจิทัลใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ซึ่งส่งผลถึงการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างฟังก์ชั่นทางธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งยังได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่โซลูชันด้านโอเพ่นซอร์สมีให้อีกด้วย

สาขา: Digital Transformation และ Cloud-Native Development
องค์กรที่ได้รับรางวัล: กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)

ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2488 เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการธนาคารแบบครบวงจรแก่ผู้บริโภค การพาณิชย์ และองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การให้กู้ยืม บัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน รถ และสินเชื่อเช่าซื้อ เป็นต้น ปัจจุบัน KBank เป็นผู้ให้
บริการ K PLUS โมบายแบ้งกิ้งอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 18.6 ล้านคน และในปี พ.ศ. 2565 KBank เป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์และเงินฝากสูงสุดเป็นอันดับสี่ในประเทศ ทั้งยังมีส่วนแบ่ง ตลาดด้านสินเชื่อมากสุดเป็นอันดับสาม โดย KBTG หน่วยงานด้านไอทีของ KBank ทำหน้าที่ดูแล Infrastrucutre และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับธุรกิจของธนาคารทั้งในปัจจุบันและอนาคต

KBTG จำเป็นต้องพัฒนาระบบ Infrastructure ของธนาคารให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้า และนำเสนอผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ ๆ ที่หลากหลาย รวมถึงการคงสถานะการเป็นผู้นำทางด้านธนาคารดิจิทัลของไทย KBTG จึงมองหาแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และมีประสิทธิภาพการทำงานเท่าทันการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกรรมดิจิทัล ให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันจำนวนมาก ทั้งยังทวีความรวดเร็วในการส่งผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลออกสู่ตลาด เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 KBTG ได้นำ Red Hat OpenShift และ Red Hat Advanced Cluster Management ซึ่งเป็นโซลูชันด้านโอเพ่นซอร์สที่ช่วยอำนวยความสะดวก ให้การสร้างและออกแอปพลิเคชันใหม่ ๆ แบบ On-premise สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยี Infrastructure ที่สำคัญให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น ภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรม และคอนเทนเนอร์ การนำโซลูชันของ Red Hat มาใช้ ช่วยให้ KBTG สามารถลดเวลาในการจัดเตรียมระบบ และออกแอปพลิเคชันจาก 3 วัน เหลือเพียงวันเดียว ทำให้เราสามารถส่งมอบแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น

คำกล่าวสนับสนุน

Marjet Andriesse, senior vice president and general manager, APJC, Red Hat

“ในขณะที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลตามแผน Thailand 4.0 ยังคงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว Red Hat ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของลูกค้าของเรา ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าโอเพ่นซอร์สสามารถช่วยให้พวกเขามีความคล่องตัวและตอบสนองเทรนด์ของตลาดและลูกค้าได้อย่างไร ลูกค้าไทยของเราที่ได้รับรางวัลล้วนยืนยันให้เห็นถึงความคล่องตัว และสมรรถนะของนวัตกรรมในแง่มุมของการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ไฮบริดคลาวด์ เพื่อให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชัน และส่งผลิตภัณฑ์/บริการออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วขึ้น เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและลูกค้าขององค์กรเหล่านั้น ฉันหวังว่าความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิกให้ปลดล็อก และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของโอเพ่นซอร์สได้เต็มประสิทธิภาพ”

นายไพศาล ธรรมโพธิทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เทคโนโลยีและวิทยาการข้อมูล ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย

“ความมุ่งมั่นอย่างหนึ่งของเราเพื่อคงความสามารถในการแข่งขันในตลาดด้านการเงินในประเทศไทย คือการให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าด้วยบริการธนาคารดิจิทัลที่ปรับให้เจาะจงตามความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเราจะสามารถรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการที่เพิ่มมากขึ้นได้ เราจึงสร้างแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัลขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดการทำงานซึ่งเป็นคุณสมบัติของเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์ เราใช้โซลูชันโอเพ่นซอร์สของ Red Hat เป็นเทคโนโลยีสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้ เราจึงมั่นใจว่าแพลตฟอร์มที่เราใช้มีประสิทธิภาพ สามารถปรับขนาดการทำงานได้ตามความเหมาะสม และมีความยืดหยุ่น ทั้งการใช้งานในระบบที่อยู่ภายในองค์กรและบนคลาวด์ต่าง ๆ”

นายตะวัน จิตรถเวช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี, KBTG

“ในฐานะที่ KBank เป็นธนาคารดิจิทัลอันดับหนึ่งของไทย เราจำเป็นที่จะต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่าง ต่อเนื่องเพื่อคงจุดยืนนี้ไว้ ดังนั้นการปรับโครงสร้างพื้นฐานแอปพลิเคชันของธนาคารฯ ให้ทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลาย ที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในโลกดิจิทัลของลูกค้า โซลูชันของ Red Hat ช่วยให้เรามั่นใจว่าองค์ประกอบสำคัญใน Infrastructure ของเรา เช่น ภาษาที่ใช้การเขียนโปรแกรมและคอนเทนเนอร์ นั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด และเราจะสามารถส่งมอบแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ใหม่ ๆ สู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว”

Open source on any cloud: How Red Hat brings greater choice to cloud marketplaces

ใช้โอเพ่นซอร์สบนคลาวด์ใดก็ได้: อีกหนึ่งทางเลือกที่ Red Hat มีให้บน Cloud Marketplaces

Open source on any cloud: How Red Hat brings greater choice to cloud marketplaces

Article by: Maryam Zand, Vice President of Cloud Partners at Red Hat

At theToday at AnsibleFest, Red Hat announced the availability of Ansible Automation Platform in AWS Marketplace and Ansible Automation Platform in Azure Marketplace. This is the latest milestone in Red Hat’s long-standing collaborations with AWS and Microsoft as we work together to help customers more efficiently migrate, develop and modernize applications in the cloud. 

As customers continue to evolve their hybrid cloud strategy, ease of access is critical in order to flexibly deploy solutions at the necessary scale and spanning the full spectrum of their cloud footprint. By working with leading cloud providers such as AWS, Microsoft and Google to develop native offerings and make Red Hat solutions available in cloud marketplaces, Red Hat is committed to accelerating hybrid cloud innovation and enhancing customer experience by making it easier for organizations to purchase and deploy the solutions they need faster. 

Powering innovation and value on cloud marketplaces 

Organizations are increasingly turning to cloud marketplaces as a means of more simply procuring and deploying cloud services and software solutions to accelerate digital innovation. In fact, IDC predicts that by 2024, 55% of organizations will use cloud marketplaces to source software.[1]

For Red Hat, we see this shift in consumption as an opportunity to better serve organizations with greater choice, flexibility and ease in deploying open source solutions across the hybrid cloud in support of nearly any enterprise cloud operating model. Cloud marketplaces open up hundreds of software solutions and cloud services at the click of a button, while enabling organizations to utilize committed spend with cloud providers and benefit from streamlined billing models.

In recent years Red Hat has been deepening collaboration with the leading cloud providers, AWS, Google and Microsoft, to make Red Hat software and cloud services available in cloud marketplaces and within native cloud provider consoles. Fully managed services such as Red Hat OpenShift Service on AWS and Microsoft Azure Red Hat OpenShift are purchased through the provider’s console and jointly supported by Red Hat and the cloud partner. This offers an enhanced customer buying experience to accelerate procurement, development and deployment of applications in the public cloud, and unlocking the benefits of open source in bringing together disparate systems across a hybrid cloud footprint.

Other Red Hat products are also available in the cloud marketplaces, including industry leading solutions such as Red Hat Enterprise Linux and Red Hat OpenShift. Let’s take a look at how Red Hat is showing up in cloud marketplaces today: 

AWS Marketplace

In addition to the upcoming listing for Red Hat Ansible Automation Platform, the following
Red Hat solutions are currently available in AWS Marketplace

    •  Red Hat OpenShift
    •  Red Hat Enterprise Linux
    • Red Hat Enterprise Linux for SAP Solutions 
    • Red Hat Enterprise Linux with Microsoft SQL Server 

As evidenced by today’s announcement, Red Hat is continuing to expand the availability of solutions in AWS Marketplace. Customers and partners can expect to see more from Red Hat and AWS to deliver future-ready, friction-free solutions.

Google Cloud Marketplace

Red Hat OpenShift is now available in Google Cloud Marketplace! Since 2013, Red Hat and Google have worked together to enable greater flexibility and choice in hybrid cloud, beginning with Red Hat Enterprise Linux support for Google Compute Engine. Now, we are evolving our offerings with Google to bring Red Hat hybrid cloud solutions to Google Cloud Marketplace

    • Red Hat OpenShift
    • Red Hat Enterprise Linux
    • Red Hat Enterprise Linux for SAP Solutions

With flexible configurations based on an open source, security-focused foundation, global network infrastructure and advanced data analytics, Red Hat and Google Cloud can provide customers with the tools and technologies they need to build and operate hybrid and multicloud environments more effectively and efficiently.

Microsoft Azure Marketplace

Red Hat and Microsoft have steadily built upon years of collaboration to introduce two new fully managed services within the last three years, Red Hat Ansible Automation Platform on Microsoft Azure and Microsoft Azure Red Hat OpenShift. Both of these jointly developed and supported native offerings pair industry leading open source technology with the convenience and support of a managed service. 

Red Hat and Microsoft continue to extend our work together to enhance customer experience and simplify deployment. Customers and partners can take advantage of several Red Hat solutions available in the Microsoft Azure Marketplace today: 

    •       Red Hat OpenShift
    •       Red Hat Enterprise Linux
    •       Red Hat Enterprise Linux for SAP Solutions 
    •       Red Hat Ansible Automation Platform

Red Hat’s close collaboration with major cloud providers also brings together our respective partner ecosystems to further extend customer support. Service providers, systems integrators and independent software vendors are able to integrate Red Hat cloud offerings into their own digital transformation initiatives to benefit customers and optimize existing resources through cloud providers.

Delivering enhanced customer experiences

Red Hat has always been committed to making it as easy as possible for customers to engage with Red Hat solutions. Not only is Red Hat built on open source, but we were one of the first technology companies to introduce a subscription-based business model to help customers remain agile and dynamic in building their IT environments. 

Like everything in IT, the ways in which organizations are buying and deploying software is constantly evolving. That’s why Red Hat is enhancing our business practices to introduce flexible methods of purchasing and deploying Red Hat solutions on the public cloud – through investments in native offerings with cloud providers, channel enablement programs and cloud marketplaces. 

We look forward to our continued collaboration with leading cloud providers to further excel innovation across hybrid multicloud and create value for customers in accessing and deploying open source to support their business needs into the future. Learn more about how Red Hat is driving high-value customer experiences in the cloud.

[1] Source: IDC FutureScape: Worldwide Future of Digital Innovation 2022 Predictions, October 2021, Doc # US47148621.

ใช้โอเพ่นซอร์สบนคลาวด์ใดก็ได้: อีกหนึ่งทางเลือกที่ Red Hat มีให้บน Cloud Marketplaces

ใช้โอเพ่นซอร์สบนคลาวด์ใดก็ได้: อีกหนึ่งทางเลือกที่ Red Hat มีให้บน Cloud Marketplaces

ใช้โอเพ่นซอร์สบนคลาวด์ใดก็ได้: อีกหนึ่งทางเลือกที่ Red Hat มีให้บน Cloud Marketplaces

บทความโดย มาร์แยม แซนด์, Vice President of Cloud Partners, Red Hat

ณ งาน AnsibleFest งานประจำปีด้าน automation จัดโดย Red Hat ประจำปี 2022 นี้ Red Hat ประกาศว่า Ansible Automation Platform พร้อมให้ใช้ได้บน AWS Marketplace และ Ansible Automation Platform พร้อมใช้บน Azure Marketplace แล้ว ซึ่งนับเป็นความคืบหน้าล่าสุดของความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานของ Red Hat กับ AWS และ Microsoft ในการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเคลื่อนย้าย พัฒนา และปรับปรุงแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานบนคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่ลูกค้าพัฒนากลยุทธ์ในการใช้ไฮบริดคลาวด์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความง่ายในการเข้าถึงการใช้งานกลายเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการนำโซลูชันต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการสเกลและขยายการทำงานไปยังคลาวด์ได้เต็มรูปแบบ การทำงานร่วมกันของผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น AWS, Microsoft และ Google เพื่อพัฒนาการนำเสนอแบบเนทีฟ และทำให้โซลูชันของ Red Hat พร้อมให้บริการบน cloud marketplaces ทั้งนี้ Red Hat เร่งพัฒนานวัตกรรมไฮบริดคลาวด์ และเพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกค้าทำให้องค์กรสามารถซื้อและปรับใช้โซลูชันที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

เสริมแกร่งนวัตกรรมและคุณประโยชน์บน cloud marketplaces

องค์กรหันมาใช้ cloud marketplaces เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นวิธีการที่ช่วยให้จัดหา และใช้บริการ คลาวด์/ซอฟต์แวร์โซลูชันต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพื่อช่วยเร่งการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ IDC คาดการณ์ว่า ภายในปี 2567, 55% ขององค์กรจะค้นหาซอฟต์แวร์ที่ต้องการจาก cloud marketplaces[1]

Red Hat เห็นว่าพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนไปนี้ เป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะให้บริการองค์กรต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ผ่านทางเลือกที่มากขึ้น ความยืดหยุ่น และความง่ายในการใช้โซลูชันโอเพ่นซอร์สบนไฮบริดคลาวด์ เพื่อสนับสนุนรูปแบบการทำงานด้านคลาวด์ขององค์กรเกือบทุกรูปแบบ ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์โซลูชัน และบริการด้านคลาวด์หลายร้อยรายการได้เพียงคลิกเดียวบน cloud marketplaces ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้องค์กรใช้รูปแบบค่าใช้จ่ายที่ตกลงไว้กับผู้ให้บริการคลาวด์ต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากรูปแบบการเก็บเงิน
ที่คล่องตัว

ในปีที่ผ่านมา Red Hat ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำเช่น AWS, Google และ Microsoft เพื่อทำให้ซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์ของบริษัทฯ พร้อมใช้งานบน cloud marketplaces และภายในคอนโซลของผู้ให้บริการด้านเนทีฟคลาวด์ บริการที่มีการบริหารจัดการ (managed services) เต็มรูปแบบ เช่น Red Hat OpenShift Service on AWS และ Microsoft Azure Red Hat OpenShift มีวางจำหน่ายผ่านการซื้อจากคอนโซลของผู้ให้บริการ และจะได้รับการสนับสนุนจาก Red Hat และพันธมิตรด้านคลาวด์นั้น ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าที่ซื้อได้รับประสบการณ์การซื้อที่ดีขึ้น ช่วยให้การจัดหา การพัฒนา และการใช้แอปพลิเคชันบนพับลิคคลาวด์ทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น และนำศักยภาพของโอเพ่นซอร์สที่สามารถนำระบบที่แตกต่างกันทั้งหลายที่อยู่บนไฮบริดคลาวด์มาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์และบริการอื่นของ Red Hat ที่จำหน่ายผ่าน cloud marketplaces ต่าง ๆ เช่น โซลูชันชั้นนำของอุตสาหกรรมอย่าง Red Hat Enterprise Linux และ Red Hat OpenShift ทั้งนี้การวางจำหน่ายโซลูชันของ Red Hat บน cloud marketplace มีดังนี้

AWS Marketplace

นอกจาก Red Hat Ansible Automation Platform ที่กำลังจะตามมาเเล้ว โซลูชันของ Red Hat ที่วางจำหน่ายบน AWS Marketplace แล้ว มีดังนี้:

    • Red Hat OpenShift
    • Red Hat Enterprise Linux
    • Red Hat Enterprise Linux for SAP Solutions
    • Red Hat Enterprise Linux with Microsoft SQL Server 

Red Hat ยังคงเพิ่มการวางจำหน่ายโซลูชันต่าง ๆ บน AWS Marketplace อย่างต่อเนื่อง Red Hat และ AWS เดินหน้านำเสนอโซลูชันที่พร้อมใช้งานในอนาคตได้อย่างราบรื่นอย่างต่อเนื่องและจะได้ประกาศให้ผู้ใช้งานทราบต่อไป

Google Cloud Marketplace

Red Hat OpenShift เปิดให้บริการแล้วบน Google Cloud Marketplace นับตั้งแต่ปี 2556 Red Hat และ Google ได้ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และทางเลือกในการใช้ไฮบริดคลาวด์ โดยเริ่มต้นด้วยการใช้ Red Hat Enterprise Linux ใน Google Compute Engine ปัจจุบัน Red Hat กำลังพัฒนาข้อเสนอร่วมกับ Google ในการนำโซลูชันไฮบริดคลาวด์ของ Red Hat ต่อไปนี้ วางจำหน่ายบน Google Cloud Marketplace:

    • Red Hat OpenShift
    • Red Hat Enterprise Linux
    • Red Hat Enterprise Linux for SAP Solutions

Red Hat และ Google Cloud สามารถให้บริการลูกค้าด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการสร้างและใช้งานไฮบริดและมัลติคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น จากความสามารถ
ในการตั้งค่าที่ยืดหยุ่นตามแบบฉบับของโอเพ่นซอร์ส พื้นฐานความคิดในการพัฒนาที่ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก โครงสร้างพื้นฐานที่มีเครือข่ายทั่วโลก และการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพล้ำหน้า

Microsoft Azure Marketplace

Red Hat และ Microsoft ได้ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องหลายปี เพื่อแนะนำบริการใหม่ในลักษณะ managed services เต็มรูปแบบสองรายการในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาก คือ Red Hat Ansible Automation Platform on Microsoft Azure และ Microsoft Azure Red Hat OpenShift โซลูชันทั้งสองที่ได้ร่วมกันพัฒนานี้ เป็นการจับคู่เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เข้ากับความสะดวกและ
การสนับสนุนที่ managed service มีให้

Red Hat และ Microsoft ยังคงขยายการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าและทำให้การใช้งานง่ายขึ้น ลูกค้าและพันธมิตรสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชันของ Red Hat ที่มีอยู่บน Microsoft Azure Marketplace ได้แล้วดังนี้

    • Red Hat OpenShift
    • Red Hat Enterprise Linux
    • Red Hat Enterprise Linux for SAP Solutions 
    • Red Hat Ansible Automation Platform

ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง Red Hat กับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่นี้ ยังนำมาซึ่งระบบนิเวศด้านพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้การสนับสนุนลูกค้าได้มากขึ้น ผู้ให้บริการด้านคอมพิวเตอร์ ผู้ออกแบบและสร้างระบบ และผู้ขายซอฟต์แวร์อิสระ สามารถนำข้อเสนอหรือผลิตภัณฑ์ด้านคลาวด์ของ Red Hat ไปรวมไว้ในโครงการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของตนเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทรัพยากรด้านไอทีที่มีอยู่ ผ่านผู้ใหบริการคลาวด์ต่าง ๆ

เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า

Red Hat มุ่งมั่นในการช่วยให้ลูกค้านำโซลูชันของ Red Hat ไปใช้งานได้ง่ายที่สุดมาโดยตลอด นอกจากที่ Red Hat เป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นบนโอเพ่นซอร์สแล้ว ยังเป็นหนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีรายแรก ๆ ที่นำโมเดลธุรกิจแบบ subscription มาให้ลูกค้าใช้ เพื่อช่วยให้มีความคล่องตัวและสามารถสร้างสภาพแวดล้อมไอทีของตนได้อย่างต่อเนื่อง

แนวทางที่องค์กรจัดซื้อและใช้ซอฟต์แวร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวด้านไอทีในแง่มุมอื่น  และนี่คือเหตุผลที่ Red Hat ปรับปรุงการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำวิธีการจัดซื้อและใช้โซลูชันของ Red Hat บนพับลิคคลาวด์ที่ยืดหยุ่น ผ่านการลงทุนใน native offerings กับผู้ให้บริการคลาวด์ต่าง ๆ ผ่านโปรแกรมส่งเสริมการขายให้กับพันธมิตร (channel enablement programs) และการวางจำหน่ายบน cloud marketplaces

[1] Source: IDC FutureScape: Worldwide Future of Digital Innovation 2022 Predictions, October 2021, Doc # US47148621.