PropertyGuru Group Launches Enterprise Brand, PropertyGuru For Business

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com เปิดตัวแบรนด์สำหรับลูกค้าองค์กร PropertyGuru For Business

PropertyGuru Group Launches Enterprise Brand, PropertyGuru For Business

Comprehensive suite of enterprise solutions under the brand to support real estate businesses and public sector stakeholders across Southeast Asia with enhanced data software, analytic tools and insights

PropertyGuru Group Limited (NYSE: PGRU) (“PropertyGuru” or the “Company”), Southeast Asia’s leading[1], property technology (“PropTech”) company, today launched its enterprise brand, at the annual PropertyGuru Asia Real Estate Summit, where top business leaders from the real estate industry gather to share insights and network.

Hari V. Krishnan, Chief Executive Officer and Managing Director, PropertyGuru Group said, “Today, PropertyGuru completes fifteen years of operations, and we mark it with the launch of our enterprise solutions brand ‘PropertyGuru For Business’, that aims to guide enterprise clients such as property developers, agencies, banks, valuers, city planners and policy makers. It is our ambition to bring transparency within the real estate journey and create a trust platform for home seekers and our business partners. By harnessing the integrated power of our proprietary data, technology and people, we hope to empower our business partners and customers to make better informed decisions.

At an enterprise or a city level, these decisions can impact thousands, or even millions of people, and PropertyGuru For Business is here to guide our clients to maximise growth opportunities, while reducing risk and uncertainty. We believe PropertyGuru for Business is a timely launch as we hope to equip our enterprise clients with the right data, tools and information to be able to navigate the uncertain economic conditions that lie ahead and be better prepared to serve their customers.”

PropertyGuru For Business includes a unified service and proprietary solutions such as DataSense, ValueNet, FastKey, event solutions as well as marketing-as-a-service (MaaS).

Hari also announced that PropertyGuru For Business market insights and intelligence platform DataSense (formerly known as Vantage+) will introduce a new suite of features and solutions catering to property developers to leverage analytics as a tool to improve their business. DataSense is currently available in Malaysia and will soon be introduced in our other markets – Singapore, Vietnam, Thailand and Indonesia.

PropertyGuru For Business’s debut at the event came at the right time as the property industry in Southeast Asia is undergoing a technology renaissance, with more enterprises and organisations looking towards digitalisation, making it an integral part of their operations transformation.

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com เปิดตัวแบรนด์สำหรับลูกค้าองค์กร PropertyGuru For Business

Shyn  Yee  Ho-Strangas,  Managing  Director for  Data  and  Software Solutions (DSS), PropertyGuru Group said, “Recognising that countries have different approaches to land and  property ownership, transaction  and  management  processes,  PropertyGuru For Business will be working with property stakeholders to improve systems in markets where it operates by championing and enabling digitalisation so that all property stakeholders can leverage deeper insights to make more confident decisions in a more transparent property ecosystem.

Most Southeast Asian countries still have legacy systems and processes that are not digitally shared  and  are difficult  to  update, optimise and customise. However, for organisations or enterprises that are ready to harness the power of digital transformation, PropertyGuru For Business’s suite of products and solutions will have an answer for a broad range of clients seeking to leverage reliable data platforms and intelligent software to boost their competitiveness. Data and insights in property is not useful only for developers or aspiring developers – digitalisation benefits practically everyone in the orbit of the property sector such as banking, construction, and those offering professional services to the real estate industry.

It is our endeavour to support sustainability, innovation, and technology efforts throughout the region.”

Responding to the changing needs of the real estate industry, Jeremy Williams, Managing Director of Marketplaces, PropertyGuru Group, said, “Southeast Asia is witnessing a surge in demand for digitisation and Big Data, coupled with the ability to provide more personalised customer experiences. Consolidating our offerings and solutions into our single unified brand will enable us to better serve our clients, but more importantly, the people who rely on property data to make critical life decisions.”

Jeremy concluded by saying, “PropertyGuru For Business will go beyond merely helping property stakeholders tap into millions of real estate listings, as it will be able to provide additional insights not available on other platforms to help clients see the larger picture.”

(From left to right) Dr. Nai Jia Lee, Head of Real Estate Intelligence, Digital and Software Solutions, PropertyGuru Group, Jeremy Williams, Managing Director, Marketplaces, PropertyGuru Group, Hari V. Krishnan, Chief Executive Officer and Managing Director, PropertyGuru Group, Shyn Yee Ho-Strangas, Managing Director, Data and Software Solutions (DSS), PropertyGuru Group, Manav Kamboj, Chief Technology Officer, PropertyGuru Group, and Bob Koppes, Director of Product and Strategy, Data and Software Solutions (DSS), PropertyGuru Group

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com เปิดตัวแบรนด์สำหรับลูกค้าองค์กร PropertyGuru For Business

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com เปิดตัวแบรนด์สำหรับลูกค้าองค์กร PropertyGuru For Business

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com เปิดตัวแบรนด์สำหรับลูกค้าองค์กร PropertyGuru For Business

แบรนด์ใหม่มาพร้อมโซลูชั่นครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจและองค์กรในภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเน้นการใช้ซอฟต์แวร์ด้านข้อมูล และเครื่องมือวิเคราะห์รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึก

บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (บริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1[1]ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: PGRU) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ ของไทย และ thinkofliving.com เว็บไซต์รีวิวอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ) เปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่งานสัมมนาประจำปี พร็อพเพอร์ตี้กูรู เอเชีย เรียล เอสเตท ซัมมิท (PropertyGuru Asia Real Estate Summit) ที่รวบรวมเหล่าผู้นำธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มาร่วมแชร์ข้อมูลเชิงลึก รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรมร่วมกัน 

นายแฮรี่ วี คริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า “วันนี้พร็อพเพอร์ตี้กูรูของเรามีอายุครบ 15 ปีพอดี และเราขอใช้โอกาสนี้เปิดตัวแบรนด์ใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรของเรา นั่นคือ “พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส (PropertyGuru For Business)”  ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้คำแนะนำลูกค้าในกลุ่มธุรกิจและองค์กร อาทิ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์, เอเจนซี่อสังหาฯ, ธนาคารและสถาบันการเงิน, นักประเมินค่าทรัพย์สิน, นักวางผังเมือง รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางนโยบายต่าง ๆ ความใฝ่ฝันของเราคือการสร้างความโปร่งใสให้กับเส้นทางอสังหาฯ และสร้างแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้สำหรับทุกคนที่หาบ้านรวมไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจของเรา ด้วยการทุ่มเทสรรพกำลังทั้งข้อมูล เทคโนโลยี และบุคลากรที่เรามี เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจให้กับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าของเราได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น”

การตัดสินใจต่าง ๆ ในระดับองค์กร หรือในระดับเมือง นับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อผู้คนนับพัน หรืออาจมากกว่าหลายล้านคน พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนสจะเป็นโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ ที่ช่วยแนะแนวทางให้กับลูกค้าของเราเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนลง เราเชื่อว่า พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส เปิดตัวในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าองค์กรของเรามีข้อมูล, เครื่องมือ และรายละเอียดที่ถูกต้องในการตัดสินใจ เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า และเตรียมพร้อมให้บริการลูกค้าของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น”

บริการและโซลูชั่นหลักของพร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส ประกอบด้วย ดาต้าเซนส์ (DataSense), แวลูเน็ต (ValueNet), ฟาสต์คีย์ (FastKey), การจัดอีเวนต์ต่าง ๆ รวมไปถึงการบริการด้านกลยุทธ์การตลาด (MaaS)

นายแฮรี่ยังเผยอีกด้วยว่า ข้อมูลตลาดเชิงลึกของพร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส อย่าง “ดาต้าเซนส์” นั้น (ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ แวนเทจพลัส (Vantage+)) จะนำเสนอชุดฟีเจอร์และโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ นำข้อมูลบทวิเคราะห์ไปใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินธุรกิจของตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันดาต้าเซนส์มีให้บริการเฉพาะในประเทศมาเลเซียเท่านั้น โดยมีแผนจะขยายบริการดังกล่าวมายังประเทศสิงคโปร์, เวียดนาม, ไทย และอินโดนีเซียต่อไป

การเปิดตัวของพร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนสในครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเนื่องจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังได้รับความสนใจ และองค์กรต่าง ๆ กำลังพยายามเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ทำให้บริการและโซลูชั่นของเรามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ 

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com เปิดตัวแบรนด์สำหรับลูกค้าองค์กร PropertyGuru For Business

ด้านนางชินยี โฮ-สแตรนกาส กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจการบริการข้อมูลและซอฟต์แวร์ (DSS) พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า “เราทราบดีว่าแต่ละประเทศมีขั้นตอน กฎระเบียบในการครอบครอง รวมไปถึงการจัดการที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนสจะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบในประเทศที่เราให้บริการ โดยจะนำเอาระบบดิจิทัลเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจอสังหาฯ สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ในระบบนิเวศของธุรกิจอสังหาฯ ที่มีความโปร่งใสยิ่งขึ้น

ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ยังใช้ระบบและกระบวนการทำงานแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ได้แบ่งปันแบบดิจิทัลทำให้ยากต่อการอัปเดต แก้ไข หรือปรับปรุง อย่างไรก็ตาม สำหรับองค์กรและบริษัทต่าง ๆ ที่พร้อมจะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลแล้ว บริการและโซลูชั่นของ พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส คือคำตอบสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณ ข้อมูลเชิงลึกในภาคอสังหาฯ นั้นไม่ได้มีประโยชน์แค่เฉพาะกับผู้พัฒนาโครงการที่มีวิสัยทัศน์เท่านั้น แต่การทำให้ข้อมูลเป็นดิจิทัลยังมีประโยชน์นานัปการสำหรับทุกคนในวงจรของอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็น การเงิน-การธนาคาร, การก่อสร้าง รวมไปถึงผู้ให้บริการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมอสังหาฯ อีกด้วย 

นี่คือความตั้งใจของเราที่จะสนับสนุนความยั่งยืน, นวัตกรรม และเทคโนโลยีให้กับภูมิภาคนี้” 

ในขณะที่นายเจเรมี วิลเลียมส์ กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลส พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในภาคธุรกิจอสังหาฯ ว่า “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับความต้องการในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล และบิ๊กดาต้า ควบคู่กับความสามารถที่จะมอบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี การรวมบริการและโซลูชั่นของเราให้อยู่ภายใต้แบรนด์เดียวจะช่วยให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเราได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของผู้คนที่พึ่งพาข้อมูลด้านอสังหาฯ เหล่านี้” 

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนสจะช่วยให้ผู้คนในแวดวงอสังหาฯ เข้าถึงรายการประกาศอสังหาฯ กว่าล้านรายการบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ของเรา ซึ่งประกาศเหล่านี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมที่หาไม่ได้จากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ช่วยให้ลูกค้าของเราเห็นตลาดภาพรวมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น” นายเจเรมีกล่าวสรุป

(บุคคลในภาพจากซ้ายไปขวา) ดร.ไนเจีย ลี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกด้านอสังหาริมทรัพย์ หน่วยธุรกิจการบริการข้อมูลและซอฟต์แวร์ (DSS) พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปนายเจเรมี วิลเลียมส์ กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลส พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปนายแฮรี่ วี คริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปนางชินยี โฮ-สแตรนกาส กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจการบริการข้อมูลและซอฟต์แวร์ (DSS) พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปนายมานาฟ แคมบอจ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป และ นายบ็อบ ค็อปปส์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ หน่วยธุรกิจการบริการข้อมูลและซอฟต์แวร์ (DSS) พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป

ครั้งแรก! 2 ผู้นำพร็อพเทคไทย “Think of Living – ดีดีพร็อพเพอร์ตี้” ผนึกกำลัง ปลุกตลาดอสังหาฯ คึกคักส่งท้ายปีในงาน “Living Expo 2022”

ครั้งแรก! 2 ผู้นำพร็อพเทคไทย "Think of Living - ดีดีพร็อพเพอร์ตี้" ผนึกกำลัง ปลุกตลาดอสังหาฯ คึกคักส่งท้ายปีในงาน “Living Expo 2022”

ครั้งแรก! 2 ผู้นำพร็อพเทคไทย "Think of Living - ดีดีพร็อพเพอร์ตี้" ผนึกกำลัง ปลุกตลาดอสังหาฯ คึกคักส่งท้ายปีในงาน “Living Expo 2022”

งานรวมบ้าน-คอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า และบ้านตากอากาศ กว่า 100 โครงการ

“Think of Living” เว็บไซต์รีวิวโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ผนึกกำลัง “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty)” เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย สองบริษัทในเครือบริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (NYSE: PGRU) บริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาฯ หรือพร็อพเทค (PropTech) ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศจัดงาน “Living Expo 2022” มหกรรมคอนโดฯ และบ้านครั้งยิ่งใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 27 พฤศจิกายน ณ สยามพารากอน ยกขบวนที่อยู่อาศัยจากบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 100 โครงการในทำเลศักยภาพแนวรถไฟฟ้า เสริมทัพด้วยโครงการบ้านพักตากอากาศสุดหรู จัดโปรโมชั่นมากมายจากผู้ประกอบการหวังกระตุ้นการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 

งาน “Living Expo 2022” ครั้งนี้จัดในคอนเซ็ปต์ “Anytime Anywhere” ที่นำประสบการณ์ซื้อขายอสังหาฯ ในบรรยากาศที่คุ้นเคยมาให้กับผู้สนใจและผู้เข้าชม ควบคู่ไปกับแบบ Virtual Living Expo ที่อำนวยความสะดวกและเชื่อมโยงให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถบรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกันได้อย่างราบรื่น พิเศษสุด ๆ กับหนังสือ “อยู่ได้ ไม่ใช่แค่ ได้อยู่” กูรูออฟไลน์ที่ให้คำแนะนำผู้ซื้อบ้านเพื่อยกระดับการเลือกที่อยู่อาศัยให้รองรับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วิถีใหม่ (New Normal) ที่เทรนด์ความต้องการของคนหาบ้านเปลี่ยนไปหลังเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานมากกว่า 8,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 50% จากครั้งก่อนหน้า

งาน “Living Expo 2022” นำผู้ซื้อและนักลงทุนให้กลับมาสู่บรรยากาศการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ โดยมีผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย อาทิ บริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท โบทานิก้า เดอะ วัลเล่ย์ จำกัด, กลุ่มบริษัทบันยันไทยแลนด์, บริษัท คัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), บริษัท เทียนเฉิน อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด, บริษัท ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท ดิเอเจ้นท์ (พรอพเพอร์ตี้ เอ็กซ์เพิร์ท) จำกัด, บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ฯลฯ ที่พร้อมนำเสนอโครงการคอนโดฯ และบ้านคุณภาพในหลากหลายทำเลแนวรถไฟฟ้า BTS และ MRT ตอบโจทย์การเดินทางของชาวกรุงมาให้เลือกสรรกว่า 380 ยูนิตจากกว่า 80 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านตากอากาศสุดหรูในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งตอบสนองเทรนด์การทำงานนอกออฟฟิศแบบ Work from Anywhere ที่ได้รับความนิยมในยุคโควิด-19 นี้ มาให้ผู้ที่วางแผนซื้อบ้านหลังที่สองได้จับจองเป็นเจ้าของอีกด้วย 

นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้เปรียบเทียบและรับข้อเสนอพิเศษของโครงการแล้ว ผู้ประกอบการก็สามารถเสนอขายโครงการไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงเช่นกัน เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายส่งท้ายปี 2565 ซึ่งถือเป็นช่วงโอกาสทองโค้งสุดท้ายที่ผู้บริโภคยังมีปัจจัยสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยจากมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ของภาครัฐ ทั้งมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์-ค่าจดจำนอง และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2565 นี้ 

นายวิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และหัวหน้าแผนกมาร์เก็ตเพลสประจำประเทศไทย (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) DDproperty ในฐานะผู้จัดงาน Living Expo 2022 กล่าวว่า “ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และยืดเยื้อในไทย ถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน เนื่องจากมีทิศทางการเติบโตแปรผันตามสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภค จึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ จนปัจจุบันที่ทุกคนมีภูมิต้านทานมากพอที่จะใช้ชีวิตตามปกติแบบ New Normal แล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะกลับมาจัดงานมหกรรมคอนโดฯ และบ้าน “Living Expo 2022” อีกครั้งในรอบ 3 ปี ซึ่งที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นก็คือนี่เป็นครั้งแรกที่ Think of Living และ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ สองบริษัทในเครือ พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป ได้ผนึกกำลังนำจุดแข็งด้านประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญในแวดวงอสังหาฯ มาทำให้งานครั้งนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น” 

“งานดังกล่าวจะผสมผสานการส่งมอบประสบการณ์การซื้อขายที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบออฟไลน์ ณ หน้างาน และการเข้าร่วมงานออนไลน์ Virtual Living Expo by DDproperty x Think of Living โดยติดตามได้ทาง DDproperty Facebook Fanpage ตั้งแต่วันที่ 14-27 พฤศจิกายน 2565 ที่เปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการจับคู่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกับสินค้าในสต็อกของผู้ประกอบการให้มาบรรจบกัน รวมทั้งช่วยกระตุ้นการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาเติบโตอย่างคึกคัก แม้ปีนี้จะมีปัจจัยลบเข้ามากระทบแผนการซื้อบ้านของผู้บริโภคบ้าง แต่เชื่อว่าผู้บริโภคมีการวางแผนและเตรียมพร้อมรับมืออย่างดี เห็นได้จากข้อมูลของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือน ก.ย. 2565 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 44.6 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 ถือเป็นสัญญาณบวกสะท้อนให้เห็นทิศทางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะกลับสู่ตลาดมากขึ้น” 

“ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า คุณสมบัติที่อยู่อาศัยที่สำคัญมากที่สุดเมื่อผู้บริโภคยังต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19 นั้น มากกว่า 3 ใน 5 (64%) ต้องการบ้าน/คอนโดฯ ที่ตั้งอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามมาด้วยเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (63%) และต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น (61%) เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ที่มาพร้อมการเรียนและทำงานออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับระบบระบายอากาศและแสงธรรมชาติ (59%) รวมไปถึงต้องการบ้าน/คอนโดฯ ที่มาพร้อมระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและรองรับ IoT อีกด้วย (36%) สะท้อนให้เห็นว่าการเข้ามาของโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนหาบ้านยุคนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ และยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบที่อยู่อาศัยรักษ์ธรรมชาติ หรือการนำเทคโนโลยีมายกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยให้ดีขึ้นอีกด้วย” 

“เราพร้อมเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองร่วมขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัทแม่ Think of Living และทำงานร่วมกับดีดีพร็อพเพอร์ตี้เพื่อยืนหยัดเป็นกูรูผู้ให้คำแนะนำด้านอสังหาฯ ที่ทุกคนไว้วางใจ และช่วยให้ทุกก้าวของการตัดสินใจบนเส้นทางอสังหาฯ ของคุณเป็นไปด้วยความราบรื่น และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเนื้อหาเข้มข้นในหนังสือ Limited edition ของงานปีนี้ที่มาในคอนเซ็ปต์ “อยู่ได้ ไม่ใช่แค่ ได้อยู่” ถ่ายทอดแนวคิดในการเลือกสรรที่อยู่อาศัยยุคใหม่ พร้อมทั้งพลิกมุมมองเพื่อเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเดิมของคุณให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ New Normal ให้ได้มากที่สุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าชีวิตที่ดีเริ่มต้นได้ที่บ้าน และทุกคนสามารถสร้างได้” 

งาน “Living Expo 2022” มหกรรมคอนโดฯ และบ้านทำเลสะดวกใกล้รถไฟฟ้า ภายใต้คอนเซปต์ “Anytime Anywhere” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2565 ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เวลา 11:00 – 21:00 น. มาพร้อมกับหนังสือแจกฟรีสุดพิเศษ “อยู่ได้ ไม่ใช่แค่ ได้อยู่” คู่มือความรู้เพื่อคนรักบ้านยุค New Normal ที่จะชวนทุกคนมาเปลี่ยนชีวิตให้อยู่ง่าย และอยู่สบายทั้งกายและใจหลังยุคโควิด แหล่งความรู้ออฟไลน์ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้ง่ายขึ้น หนังสือมีจำนวนจำกัด ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับหนังสือฟรี! ณ หน้างาน และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thinkofliving.com/events

มือใหม่ต้องรู้! เมื่อเส้นทางซื้อบ้านต้องสะดุด เตรียมพร้อมรับมืออย่างไรดี

มือใหม่ต้องรู้! เมื่อเส้นทางซื้อบ้านต้องสะดุด เตรียมพร้อมรับมืออย่างไรดี

มือใหม่ต้องรู้! เมื่อเส้นทางซื้อบ้านต้องสะดุด เตรียมพร้อมรับมืออย่างไรดี

การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในชีวิตของใครหลายคน โดยเฉพาะช่วงวัยทำงานที่กำลังสร้างฐานะและครอบครัว นอกจากจะตอบโจทย์ความจำเป็นในการอยู่อาศัยแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นคงในชีวิตได้อีกด้วย แม้ปัจจุบันผู้บริโภคจะยังคงเผชิญความท้าทายทั้งจากสภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมไปถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ทำให้ผู้ที่วางแผนเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในปีนี้อาจลังเลใจ แต่เมื่อพิจารณาความคุ้มค่าจากมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ทั้งมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์-ค่าจดจำนอง เหลือเพียง 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งและมือสอง ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เพิ่มโอกาสให้ผู้ซื้อบ้านสามารถกู้ได้เต็ม 100% ซึ่งใกล้สิ้นสุดลงในปลายปี 2565 ประกอบกับการที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ส่งสัญญาณปรับขึ้นราคาขายบ้าน/คอนโดฯ ในอนาคตหลังต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น จึงทำให้ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับกลางถึงล่าง

5 ขั้นตอนที่ควรรู้เมื่อคิดเป็นเจ้าของบ้าน/คอนโดฯ  

การซื้อที่อยู่อาศัยถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและยังมีรายละเอียดในเรื่องเอกสารสัญญาต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ซื้อบ้าน/คอนโดฯ มาก่อนจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น รวมทั้งป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง โดยมี 5 ขั้นตอนหลัก ๆ ในการซื้อที่อยู่อาศัยที่ผู้บริโภคควรต้องรู้ ดังนี้ 

    1. หาข้อมูลและเลือกรูปแบบให้ตอบโจทย์ ผู้บริโภคควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ ว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อลงทุน หากเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยต้องมีพูดคุยสรุปความต้องการกับสมาชิกในครอบครัวเพื่อกำหนดรูปแบบของบ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ จากนั้นจึงเลือกทำเลที่สนใจ พร้อมทั้งกำหนดราคาที่อยู่อาศัยคร่าว ๆ ไว้ ก่อนทำการค้นหาข้อมูลโครงการบ้าน/คอนโดฯ จากเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง www.DDproperty.com ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลประกาศขายโครงการบ้าน/คอนโดฯ ที่น่าสนใจมากมายทั้งจากผู้พัฒนาอสังหาฯ เอเจนต์ที่เชื่อถือได้ หรือเจ้าของบ้านโดยตรง พร้อมทั้งรีวิวโครงการใหม่ที่น่าสนใจ ก่อนจะทำการคัดเลือกโครงการที่ตอบโจทย์ไม่เกิน 5 แห่งเพื่อนัดหมายเข้าชมโครงการจริง หรือเลือกเยี่ยมชมโครงการเสมือนจริง (Virtual Tour) เพื่อสอบถามข้อมูลหรือโปรโมชั่นเพิ่มเติมกับพนักงานขาย นอกจากนี้ การสำรวจพื้นที่รอบโครงการก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน โดยควรพิจารณาความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย รวมถึงศักยภาพของทำเลในปัจจุบันและอนาคต ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดมาเปรียบเทียบเพื่อเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์มากที่สุด
    1. ศึกษารายละเอียดก่อนวางเงินจองและทำสัญญา เมื่อได้โครงการที่ถูกใจแล้ว ผู้บริโภคสามารถแจ้งความจำนงกับพนักงานขายเพื่อทำการจองบ้าน/คอนโดฯ ในยูนิตที่ต้องการ โดยจ่ายเงินจองเพื่อยืนยันว่าต้องการซื้อจริง ๆ ซึ่งเงินจองจะแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน/คอนโดฯ นั้น ๆ นอกจากนี้ผู้บริโภคจะต้องศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของสัญญาจองและสัญญาจะซื้อจะขายให้ถี่ถ้วน โดยสัญญาจะซื้อจะขายนั้นทำขึ้นเพื่อเป็นการแสดงเจตนาของฝ่ายผู้จะซื้อว่าต้องการจะซื้ออสังหาฯ ของผู้จะขาย พร้อมวางเงินมัดจำไว้เป็นประกันว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน และเกิดการโอนกรรมสิทธิ์ขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมระบุรายละเอียดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งผู้บริโภคจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูล รายละเอียด และเงื่อนไขในสัญญาให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความเสียหายหากเกิดปัญหาในภายหลัง เมื่อทำสัญญาแล้วจะมีการวางเงินดาวน์จำนวนหนึ่ง หากเป็นการซื้อโครงการบ้าน/คอนโดฯ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ผู้บริโภคจะสามารถผ่อนดาวน์เป็นงวดได้ตามที่ทางโครงการระบุไว้ในสัญญา หรือบางโครงการอาจจะเสนอโปรโมชั่นฟรีดาวน์ให้
    1. เตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อยื่นขอสินเชื่อ สำหรับผู้บริโภคที่ไม่ได้ซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินสดนั้น ควรเริ่มต้นประเมินความพร้อมทางการเงินและวางแผนออมเงินให้ดี เคลียร์หนี้สินที่มีให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อตามวงเงินที่ต้องการ รวมทั้งหาข้อมูลสินเชื่อที่สนใจจากธนาคาร/สถาบันการเงินเพื่อสอบถามเงื่อนไขและโปรโมชั่นต่าง ๆ ปกติแล้วธนาคารจะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้และกำหนดเงื่อนไขของผู้กู้ให้สามารถแบกรับภาระหนี้ได้ที่ 40% ของรายได้ต่อเดือน ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรเตรียมเอกสารแสดงความสามารถทางการเงินที่มีรายละเอียดข้อมูลรายได้และศักยภาพในการผ่อนชำระของผู้ขอสินเชื่อ รวมไปถึงหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้พร้อม เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติมากขึ้น โดยสามารถเลือกกู้ร่วมกับคนในครอบครัวเพื่อเพิ่มวงเงินให้สูงขึ้น ในกรณีซื้อโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จนั้น พนักงานจะแจ้งให้ผู้บริโภคยื่นเรื่องขอสินเชื่อเมื่อโครงการก่อสร้างใกล้เสร็จ จึงมีเวลาในการเตรียมพร้อมเอกสารเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี วงเงินที่ธนาคารอนุมัติอาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด ผู้บริโภคจึงควรมีเงินสำรองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไว้ด้วย
    1. ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนโอน เมื่อธนาคาร/สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว โครงการจะนัดให้ผู้บริโภคเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยของสภาพบ้าน/คอนโดฯ ก่อนเซ็นรับ ขั้นตอนนี้ผู้บริโภคควรเตรียมรายการตรวจสอบ (Checklist) เป็นตัวช่วยในการตรวจเช็กความเรียบร้อยทั้งในส่วนงานระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ระบบสื่อสาร พื้นและผนัง ประตูและหน้าต่าง หากผู้บริโภคไม่มั่นใจก็สามารถว่าจ้างบริษัทรับตรวจสอบบ้าน/คอนโดฯ โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการตรวจสอบร่วมด้วยได้ ซึ่งการตรวจสอบโดยมืออาชีพจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและประหยัดเวลาได้มากขึ้น จากนั้นจึงแจ้งให้ทางโครงการแก้ไขจุดบกพร่องและกำหนดวันในการตรวจสอบการแก้ไขรอบสุดท้ายให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงไปโอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจากหากโอนกรรมสิทธิ์ก่อนตรวจรับงานนั้น การขอให้ทางโครงการแก้ไขจุดบกพร่องเพิ่มเติมอาจเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด
    1. เตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายการโอนกรรมสิทธิ์ ในขั้นตอนนี้นั้นทั้งผู้ซื้อ ตัวแทนโครงการ และตัวแทนจากธนาคาร/สถาบันทางการเงินจะต้องไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์พร้อมกันที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งวงเงินที่ผ่านการอนุมัติ พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อต้องเตรียม ซึ่งจะมีทั้งส่วนที่ผู้ซื้อเป็นคนจ่าย ผู้ขายเป็นคนจ่าย หรือจ่ายร่วมกัน ในกรณีที่ผู้ซื้อได้วงเงินน้อยกว่าที่ขอกู้ไป จะต้องเตรียมเงินเพื่อจ่ายค่าส่วนต่างที่เหลือให้กับทางโครงการ/ผู้ขายด้วย ดังนี้
      • ค่าธรรมเนียมโอนบ้าน คิดเป็น 2% ของราคาประเมินที่ดินรวมสิ่งปลูกสร้าง แบ่งจ่ายกันคนละ 1% ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย หรือตามข้อตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
      • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ คิดที่อัตรา 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมิน โดยใช้ราคาที่สูงกว่า เป็นค่าใช้จ่ายของผู้ขาย หากครอบครองมากกว่า 5 ปีขึ้นไป หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี จะไม่ต้องจ่ายภาษีส่วนนี้
      • ค่าอากรแสตมป์ คิด 0.5% ของราคาขายหรือราคาประเมิน โดยใช้ราคาที่สูงกว่า แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน เป็นค่าใช้จ่ายของผู้ขาย (หากเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์)
      • ค่าจดจำนอง คิดเป็น 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด และเป็นค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อบ้านโดยการกู้ 
      • ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่ผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดาต้องชำระค่าภาษีนี้ เพราะเป็นผู้มีรายได้จากธุรกรรมซื้อขาย

How to รับมือสารพันปัญหาระหว่างทาง เมื่อคิดเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย 

แม้จะมีการวางแผนเพื่อเตรียมซื้อที่อยู่อาศัยอย่างดีเพียงใดก็ตาม แต่ผู้ซื้อมือใหม่ก็อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายหรือปัญหาต่าง ๆ ในระหว่างขั้นตอนการซื้อขายอสังหาฯ ได้ จึงควรหาข้อมูลเพื่อรับมือกับปัญหาไว้ด้วยเช่นกัน ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า เรื่องที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความรู้น้อยที่สุดเมื่อต้องซื้อที่อยู่อาศัยอันดับแรก คือ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบ้าน/คอนโดฯ (19%) ตามมาด้วยเรื่องภาษี (16%) ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย และสินเชื่อบ้าน/คุณสมบัติทางการเงินในสัดส่วนที่เท่ากัน (12%) สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย รวบรวมปัญหาอันดับต้น ๆ ที่ผู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ มักเผชิญ พร้อมแนะนำแนวทางบริหารจัดการและรับมือ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เตรียมพร้อมป้องกันก่อนเกิดปัญหา

    • เงินออมไม่มี เงินดาวน์ไม่พร้อม แม้ผู้บริโภคจะสามารถยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคารได้ แต่สิ่งที่หลายคนมักลืมนึกถึงคือ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการทำธุรกรรมรวมทั้งเงินดาวน์ ซึ่งผู้บริโภคต้องมีการวางแผนออมเงินก้อนเพื่อใช้ในการวางเงินดาวน์ตอนทำสัญญาด้วย เนื่องจากปกติแล้วธนาคารจะให้วงเงินกู้ไม่เกิน 80% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน (เลือกราคาที่ต่ำกว่า) ดังนั้นผู้ซื้อต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 20% ของราคาซื้อขายเพื่อเป็นเงินดาวน์จ่ายให้กับผู้ขาย อย่างไรก็ตาม บางโครงการอาจมีการร่วมมือกับธนาคารซึ่งทำให้ผู้กู้ซื้อบ้านได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเองก็จะน้อยตามไปด้วย ขณะเดียวกัน โครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จจะให้ผู้บริโภคสามารถผ่อนดาวน์กับโครงการได้โดยตรง แต่จะมีทั้งผ่อนดาวน์เท่ากันทุกงวด หรืออาจมีงวดบอลลูน ซึ่งเป็นงวดที่ต้องจ่ายเงินสูงกว่างวดดาวน์ปกติ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้วางแผนซื้อที่อยู่อาศัยคือต้องเริ่มเก็บออมเงินเพื่อสำรองใช้ในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ ด้วย 
    • ยื่นกู้แต่ไม่ผ่าน ขั้นตอนนี้เป็นช่วงที่ผู้บริโภครอลุ้นผลอย่างใจจดใจจ่อ แม้จะมีการเตรียมตัวมาอย่างดี แต่ก็มีโอกาสที่จะกู้ไม่ผ่านได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของแต่ละธนาคาร/สถาบันการเงิน ส่วนใหญ่จะมีขั้นตอนการพิจารณาที่คล้ายคลึงกันจากข้อมูลในแบบฟอร์มยื่นแสดงความจำนงขอกู้ และหลักฐานประกอบการขอกู้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด การไม่ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่ออาจมีสาเหตุมาจากการส่งเอกสารไม่ครบ ฐานเงินเดือนหรือรายได้หลักไม่มั่นคงเพียงพอ มีภาระหนี้มากเกินไป หรือมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดีมาก่อน ดังนั้น ผู้บริโภคควรเลือกธนาคารสำรองเผื่อไว้เป็นอีกทางเลือกในกรณีที่ธนาคารแรกกู้ไม่ผ่านด้วย และหากต้องการยื่นกู้อีกครั้ง ควรกลับมาวางแผนการเงินใหม่ให้มีความมั่นคงมากขึ้น เร่งเคลียร์ปัญหาหนี้สินหรือประวัติการค้างชำระต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อน
    • วัสดุ/เฟอร์นิเจอร์ไม่เป็นไปตามโฆษณา การเลือกซื้อโครงการบ้าน/คอนโดฯ ที่สร้างไม่เสร็จนั้น อาจมีความเสี่ยงที่จะเจอปัญหาวัสดุ/เฟอร์นิเจอร์ไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ในตอนแรก หรือพื้นที่ส่วนกลางไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ ในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนเซ็นรับโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อควรเก็บเอกสารโบรชัวร์เสนอขาย โปรโมชั่น รวมทั้งรายละเอียดในสัญญาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแจ้งให้ทางโครงการปรับแก้ไขจุดบกพร่องหรือเจรจาร่วมกันเพื่อขอรับการเยียวยาอย่างอื่นทดแทน ส่วนกรณีที่ก่อสร้างไม่ตรงตามแบบที่ตกลงซื้อขายกันนั้น ผู้บริโภคสามารถไปที่เขตเพื่อขอดูเลขที่ใบอนุมัติ และนำเลขดังกล่าวไปขอดูพิมพ์เขียวของโครงการที่ขออนุญาตก่อสร้างที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อตรวจสอบว่าสร้างตรงตามแบบที่ทำการประกาศขายหรือไม่ หากพบว่าสร้างไม่ตรงกับที่โฆษณา และ/หรือ ไม่ตรงกับการยื่นขออนุญาตไป ผู้ซื้อสามารถนำหลักฐานดังกล่าวยกเลิกสัญญากับทางโครงการได้ และขอเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดคืน เพราะการก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา
    • โครงการขอ EIA ไม่ผ่าน รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment Report) มีบทบาทในการควบคุมไม่ให้โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โครงการที่อยู่อาศัยใดที่ทำ EIA ไม่ผ่านจะไม่สามารถก่อสร้างต่อได้ แต่บางโครงการมักเปิดขายล่วงหน้าก่อนยื่นเรื่องขอ EIA หรืออยู่ระหว่างการขอ EIA ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ผู้ซื้อต้องลุ้นในอนาคต ถ้าโครงการขอ EIA แล้วไม่ผ่าน จะต้องคืนเงินจองและเงินดาวน์ทั้งหมดให้ผู้ซื้อตามกฎหมาย หากผู้ซื้อยังสนใจเป็นเจ้าของห้องชุดนั้นอยู่ ควรสอบถามแนวทางแก้ไขกับโครงการว่าจะยื่นแก้ไขจนกว่า EIA จะผ่านหรือไม่และใช้เวลาเท่าไร แต่ถ้าผู้ซื้อไม่ต้องการรอ ควรสอบถามว่าโครงการจะสามารถคืนเงินจองเต็มจำนวนให้ได้ภายในเมื่อไร หากไม่มีความชัดเจนหรือไม่มีความคืบหน้า ผู้ซื้อที่เสียหายควรรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิ์เป็นกลุ่ม ไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจในท้องที่ และติดต่อสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ช่วยเหลือ 
    • โครงการเสร็จล่าช้าหรือสร้างไม่เสร็จ อาจเกิดขึ้นได้จากปัญหาด้านการก่อสร้างหรือสภาพคล่องของโครงการเอง ซึ่งผู้บริโภคควรตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาตั้งแต่ต้นว่าทางโครงการมีการระบุความรับผิดชอบในกรณีที่สร้างเสร็จล่าช้ากว่ากำหนด หรือสร้างไม่เสร็จอย่างไรบ้าง หากโครงการสร้างเสร็จล่าช้าโดยมีสาเหตุมาจากผู้ขายหรือผู้ประกอบการ กรณีนี้ผู้ขายต้องจ่ายค่าปรับให้กับผู้ซื้อเป็นรายวัน อัตราวันละ 0.01% ของราคาซื้อขาย จนกว่าจะมีการสร้างแล้วเสร็จและทำการส่งมอบให้ผู้ซื้อเป็นที่เรียบร้อย หรือแล้วแต่การเจรจาตกลงเป็นกรณีไป ส่วนกรณีที่คอนโดฯ สร้างไม่เสร็จหรือหยุดสร้าง โดยไม่มีการชี้แจงหรือแสดงความรับผิดชอบในการชดเชยเยียวยาให้กับผู้ซื้อ ผู้ซื้อมีสิทธิ์ขอยกเลิกสัญญาและขอเงินคืนได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเงินจอง เงินทำสัญญา และเงินดาวน์ พร้อมกับสามารถเรียกดอกเบี้ยได้ 7.5% ต่อปี นับจากวันที่เริ่มต้นการชำระเงินจองนั้น ๆ 

การซื้อขายที่อยู่อาศัยแม้จะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่แท้จริงแล้วกลับมีรายละเอียดมากมายกว่าที่คิด และอาจเป็นเรื่องใหม่ที่ผู้บริโภคหลายคนไม่ทราบมาก่อน อีกทั้งยังมีรายละเอียดทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องไม่น้อย ผู้ซื้อ/ขายในตลาดอสังหาฯ จึงต้องทำความเข้าใจและหมั่นอัปเดตความรู้อยู่เสมอ ล่าสุดดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เปิดตัวแบรนด์แคมเปญครั้งประวัติศาสตร์ภายใต้สโลแกน “จากบ้านของเรา…สู่บ้านของคุณ” ผ่าน https://seeyouhome.ddproperty.com เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมคำแนะนำ เครื่องมือ และโซลูชันที่พร้อมเป็นผู้ช่วยให้ทุกเส้นทางอสังหาฯ ของผู้บริโภคเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้เช่า หรือนักลงทุนก็ตาม นอกจากนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ยังได้นำเสนอความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์ให้กลายเป็นเรื่องเข้าใจง่ายผ่าน “ดีที่รู้ by DDproperty” รายการวาไรตี้เกมส์แข่งขันตอบคำถามเรื่องอสังหาฯ ที่จะชวนคนอยากมีบ้านหรือนักลงทุน มาไขข้อข้องใจคลายความสงสัยทั้งในมุมผู้ซื้อ/ผู้ขาย/ผู้เช่าให้กระจ่าง โดยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังและกูรูผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในวงการอสังหาฯ ที่พร้อมตอบทุกข้อสงสัย สามารถติดตามรายการได้ผ่านทาง DDproperty Facebook Fanpage พร้อมเชิญ​ชวนทุกคนมาร่วมสนุกตอบคำถามเพื่อลุ้นรับรางวัลประจำสัปดาห์และรางวัลใหญ่ บัตรของขวัญจาก HomePro และ CENTRAL Group eVoucher รวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 21 พฤศจิกายน 2565

PropertyGuru Group, parent company of DDproperty and thinkofliving.com repositions brand

DDproperty and thinkofliving.com repositions brand

PropertyGuru Group, parent company of DDproperty and thinkofliving.com repositions brand

with ‘Guidance’ at its core, promising property seekers, sellers, and owners – “We’ll see you home.”

    • The new brand positioning aims to establish PropertyGuru as a trusted advisor that delivers beyond ‘property search’, and provides guidance to everyone in the real estate ecosystem – seekers, sellers, agents, and developers
    • The repositioning reflects PropertyGuru’s growth in its leading marketplaces, and continued investments in Fintech and Data along with the introduction of a new enterprise brand ‘PropertyGuru For Business’
    • The Group today launched its biggest regional brand campaign to date across Singapore, Malaysia, Vietnam, and Thailand

October 5, 2022 – PropertyGuru Group Limited (NYSE: PGRU) (“PropertyGuru” or the “Group”), Southeast Asia’s leading[1], property technology (“PropTech”) company, today announced its brand repositioning that is centered around guidance to everyone in the property journey – including property seekers, sellers, agents, developers, banks, valuers, and city planners.

The new brand positioning – “Where every step of your journey will be guided by Guru”, reflects PropertyGuru’s vision to be a trusted advisor. It echoes the Group’s mission to help property seekers, sellers and owners make confident property decisions, beyond ‘property search’– as it journeys towards becoming Southeast Asia’s property ‘Trust Platform’.

The Group today introduced a new enterprise brand, ‘PropertyGuru For Business’ as it doubles down on innovative solutions that will guide its property enterprise partners to achieve their business goals. PropertyGuru For Business unifies PropertyGuru’s business-to-business (B2B) offerings and is designed to guide enterprise clients such as property developers, agencies, banks, valuers, and policy/city planners. Including proprietary solutions such as PropertyGuru FinanceDataSenseValueNet,  FastKey and event solutions, PropertyGuru For Business will deliver synergies by leveraging data and technology, to help all enterprise clients tap into new growth opportunities and optimise efficiency.

Announcing the brand repositioning, Hari V. Krishnan, Chief Executive Officer and Managing Director, PropertyGuru Group, said, “As Southeast Asia’s market leader, the Group is acting upon the responsibility of helping everyone in their property journey make more confident decisions. We will be the infrastructure through which anyone seeking or selling property can make confident property decisions because every interaction is upheld by principles that create trust between users. That infrastructure is the ‘Property Trust Platform’. We are introducing data solutions that bring transparency, use our innovations in technology to deliver efficiency and digitise property buying and selling, as we guide all our stakeholders on their property journey.

As we move beyond ‘property search’ and offer more end-to-end solutions, we will continue to deepen our investments in home finance, data, operating systems, and more – enabling every stakeholder with the right information and tools to make high-stakes decisions confidently.”

Remona Duquesne, Director of Brand, PropertyGuru Group, added, “Our brand repositioning reflects a strategic pivot into the Group’s new phase of growth outlining our value proposition that the Group offers, beyond search. We want to be right there at every step of the property journey, providing guidance in a market that is filled with complexity, mistrust, and anxiety. We will be that guide.

The brand repositioning sees a new narrative that better reflects our evolution. We will also enhance the experiences created across all platforms, from our offline presence to website, apps, and social platforms.”

The Group’s new brand positioning around ‘Guidance’ brings together all its business units. The brand tagline “We’ll see you home.” reflects different meaning of ‘home’ for stakeholders (seeker, owner, agent, developer, bank, valuer) – it could be their place of stay or their personal ambitions and goals. PropertyGuru will offer more data-led products, services, experiences, and marketing initiatives under this brand repositioning to guide consumers and partners throughout their property journeys.”

Undertaking its biggest integrated regional brand campaign that starts today and runs till the end of this year, unveils the Group’s new logo that is akin to a Trustmark – a symbol of trust in the property sector. The brand campaign spanning paid, earned, and owned channels, both above and below the line, targets property seekers, sellers, agents, and enterprise clients.  More details of the campaign can be found here.