Alibaba Blends Retail With Technology to Build Green Supply Chains

Alibaba บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Alibaba Blends Retail With Technology to Build Green Supply Chains

Alibaba Group is leveraging its platform power and cloud computing capabilities to create greener supply chains in China.

The platform company’s online grocery service Tmall Supermarket has teamed up with Energy Expert, Alibaba Cloud’s AI-powered sustainability and energy management system, to help companies measure and reduce their carbon emissions.

“Besides communicating the product’s environmental impact to consumers, we also want to encourage suppliers and manufacturers to adopt green measures,” said Pei Yunlong, head of green supply chain at Tmall Supermarket.

Supply chains generate more than 90% of an organization’s greenhouse gas emissions and up to 70% of operating costs, according to consultancy Ernst & Young. Targeted carbon reduction at the source will help Alibaba cut both.

Since launching in April 2022, the initiative has led to the development of 20 eco-friendly own-branded consumer products on Tmall Supermarket, ranging from biodegradable cups to compostable baking paper.

In the process, Hangzhou-based Alibaba is closer than ever to its goal of slashing carbon emissions by 1.5 gigatons across its digital ecosystem by 2035.

Make it Green

Multinational consumer companies can strongly influence their suppliers’ business practices. Retailers including Unilever and Nestle have joined forces with Alibaba to transform operations along their supply chains.

“Until recently, sustainability did not rank high on retailers’ list of priorities when it comes to sourcing suppliers,” said Zhao Yongjian, general manager of Ruikang Technology in China’s Zhejiang Province. He heads a factory of over 300 people producing household goods for retailers in China.

The company has installed heat recovery systems and industrial waste recycling at a new factory as part of its efforts to achieve carbon neutrality.

But there’s still room for improvement, according to Yuan Can, technical manager at Energy Expert from Alibaba Cloud.

Replacing old machinery in one production line with energy-efficient equipment helped save 140 tons of carbon dioxide emissions and 300,000 kilowatt hours (kWh) of electricity annually, the equivalent of nearly 400 Chinese people’s average residential energy consumption.

The platform also recommended switching to biodegradable materials in packaging and phasing out old machinery for more energy-efficient ones. Yuan’s team devised a plan to recover hot water from waste heat at the factory, while supporting them to make the shift to renewable energy by installing solar panels.

Platform Power

Multinational retailers have tried myriad ways to push their suppliers to be sustainable, including launching codes of conduct, conducting onsite assessments, or inviting third-party audits.

But most factories in China do not have the digital infrastructure to measure emissions and they lack the know-how to manage energy use.

“Most of the smaller factories in China do not produce branded products. They don’t have a strong incentive to become sustainable unless brands say so,” said Yuan.

What holds companies from greening their supply chain is primarily the cost. But investment into energy-efficient infrastructure will pay off in the long run, said Zhao. “It will help lower operational costs and become part of its competitive advantage.”

Tmall Supermarket also incentivizes suppliers to improve their sustainability performance by tagging products as “eco-friendly”. Consumers who purchase the products can earn points that can be redeemed for benefits on Alibaba’s carbon ledger platform.

Research shows that 80% of consumers in China are willing to pay a premium of up to 10% for sustainable products, according to a report from China Chain Store & Franchise Association.

Tmall Supermarket said it’s planning to expand its partnership with green suppliers to roll out more eco-friendly products. It is taking a step towards embracing zero waste in production and would work with a retailer to collect used plastic bottles and remake them into consumer goods.

Alibaba บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Alibaba บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Alibaba บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Alibaba Group ใช้สมรรถนะของแพลตฟอร์มและขีดความสามารถด้านการประมวลผลบนคลาวด์ของตน สร้างระบบซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green supply chains) มากขึ้นในจีน 

Tmall Supermarket แพลตฟอร์มการให้บริการร้านขายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคออนไลน์ของ Alibaba Group ทำงานร่วมกับ Energy Expert ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการการใช้พลังงาน และความยั่งยืนที่ทำงานด้วยระบบ AI ของ Alibaba Cloud เพื่อช่วยบริษัทต่าง ๆ วัดระดับและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

Pei Yunlong, head of green supply chain ของ Tmall Supermarket กล่าวว่า “นอกจากการสื่อสารให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้ว เรายังต้องการส่งเสริมให้ซัพพลายเออร์และผู้ผลิตใช้มาตรการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

บริษัทที่ปรึกษา Ernst & Young ระบุว่า กว่า 90% ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากองค์กรหนึ่ง ๆ มาจากระบบซัพพลายเชนขององค์กรนั้น ๆ และมีมูลค่าสูงถึง 70% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน Alibaba ตั้งเป้าหมายลดก๊าซคาร์บอนตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงได้

ความร่วมมือที่เริ่มต้นเมื่อเดือนเมษายน 2565 นี้ได้นำสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ 20 รายการบน Tmall Supermarket เพื่อการอุปโภคบริโภคที่เป็นแบรนด์ของตนเอง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ถ้วยไปจนถึงกระดาษรองอบที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

ในกระบวนการนี้ทำให้ Alibaba ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองหางโจวกำลังเข้าใกล้เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากระบบนิเวศดิจิทัลทั้งหมดลง 1.5 กิกะตัน (เทียบเท่าหนึ่งพันล้านเมทริกตัน) ภายในปี พ.ศ. 2578 ได้มากกว่าที่เคยเป็นมา

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บริษัทข้ามชาติด้านสินค้าอุปโภคบริโภคมีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของซัพพลายเออร์ ผู้ค้าปลีกเช่น ยูนิลีเวอร์และเนสท์เล่ได้ร่วมมือกับ Alibaba เพื่อทรานส์ฟอร์มการดำเนินงานในระบบ
ซัพพลายเชนทั้งหมดของตน

Zhao Yongjian, general manager ของ Ruikan Technology ในมณฑลเจ้อเจียงของประเทศจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าในโรงงานที่มีพนักงานกว่า 300 คน ทำการผลิตสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนป้อนให้กับผู้ค้าปลีกในประเทศจีน กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เมื่อจะจัดหาซัพพลายเออร์ ผู้ค้าปลีกไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน”

บริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิลของเสียในอุตสาหกรรมที่โรงงานแห่งใหม่ นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

แต่ Yuan Can, technical manager ของ Energy Expert จาก Alibaba Cloud กล่าวว่า “ยังมีโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพได้อีก”

การแทนที่เครื่องจักรเก่าในสายการผลิตหนึ่งด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 140 ตัน และประหยัดไฟ 300,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยในที่พักอาศัยของชาวจีนเกือบ 400 ครัวเรือน

แพลตฟอร์มนี้ยังได้แนะนำให้เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และใช้เครื่องจักรรุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานได้มากกว่าแทนเครื่องจักรรุ่นเก่า ทีมงานของ Yuan ได้ออกแบบแผนงานเพื่อนำน้ำร้อนจากความร้อนเหลือทิ้งของโรงงานกลับมาใช้ใหม่ และสนับสนุนให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์

พลังของแพลตฟอร์ม

ผู้ค้าปลีกข้ามชาติ ได้พยายามผลักดันให้ซัพพลายเออร์ของตนเป็นซัพพลายเออร์ที่ยั่งยืนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การกำหนดกฎเกณฑ์ด้านจรรยาบรรณ (codes of conduct) หรือทำการประเมิน ณ สถานที่ของซัพพลายเออร์ หรือให้มีการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามที่ไม่มีส่วนได้เสีย

แต่โรงงานจำนวนมากในประเทศจีนไม่มีโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบดิจิทัลเพื่อวัดระดับการปล่อยมลพิษ และขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารการใช้พลังงาน

Yuan กล่าวว่า “โรงงานขนาดเล็กเกือบทั้งหมดในประเทศจีนไม่ได้ผลิตสินค้าที่มีแบรนด์ จึงไม่มีแรงจูงใจที่มุ่งมั่นกับการผลิตที่ยั่งยืน นอกจากแบรนด์ต่าง ๆ จะสั่งมา”

Zhao กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายเป็นตัวฉุดสำคัญที่ทำให้บริษัทต่าง ๆ ยังไม่ปรับระบบซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ประหยัดพลังงานจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำลง และมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน”

Tmall Supermarket ได้สร้างแรงจูงใจให้ซัพพลายเออร์ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนด้วยการติดแท็กสินค้าเป็น “eco-friendly” ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจะได้รับคะแนนที่สามารถแลกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม carbon ledger ของ Alibaba

ผลการวิจัยจากรายงานของ China Chain Store & Franchise Association แสดงให้เห็นว่า 80% ของผู้บริโภคในประเทศจีนยินดีจ่ายเงินเพิ่มถึง 10% ให้กับสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน  

Tmall Supermarket วางแผนขยายความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ที่มีการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อผลิตและให้บริการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มุ่งสู่การผลิตที่มีของเสียเป็นศูนย์ และจะทำงานกับผู้ค้าปลีก เพื่อรวบรวมขวดพลาสติกใช้แล้ว และนำมาทำเป็นสินค้าอุปโภคชนิดใหม่

Alibaba Cloud Unveils New AI Model to Support Enterprises’ Intelligence Transformation

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กร ทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

Alibaba Cloud Unveils New AI Model to Support Enterprises’ Intelligence Transformation

Price-competitive core cloud products with free trial and training to make computing more inclusive for enterprises and developers to thrive in the new AI era

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, today unveiled its latest large language model, Tongyi Qianwen. The new AI model will be integrated across Alibaba’s various businesses to improve user experience in the near future. The company’s customers and developers will have access to the model to create customised AI features in a cost-effective way.

Alibaba Cloud also announced lower cost options for key cloud products, including their Elastic Compute Service (ECS) and Object Storage Service (OSS), by introducing new ECS instances, OSS Reserved Capacity (OSS-RC) and OSS Anywhere Reserved Capacity (OSS-ARC). The move will make computing more accessible and affordable for companies looking to unlock emerging opportunities in the new AI era in China.

“We are at a technological watershed moment driven by generative AI and cloud computing, and businesses across all sectors have started to embrace intelligence transformation to stay ahead of the game,” said Daniel Zhang, Chairman and CEO of Alibaba Group and CEO of Alibaba Cloud Intelligence. “As a leading global cloud computing service provider, Alibaba Cloud is committed to making computing and AI services more accessible and inclusive for enterprises and developers, enabling them to uncover more insights, explore new business models for growth, and create more cutting-edge products and services for society.”

Integrating Tongyi Qianwen into Alibaba’s businesses and building tailored models with customers

Tongyi Qianwen (通义千问 in Chinese) will be integrated into all business applications across Alibaba’s ecosystem in the near future to further enhance user experience, from enterprise communication, intelligent voice assistance, e-commerce, search, to navigation and entertainment. With Chinese and English language capabilities, the model will first be deployed on DingTalk, Alibaba’s digital collaboration workplace and application development platform, and Tmall Genie, a provider of IoT-enabled smart home appliances.

    • Tongyi Qianwen-powered DingTalk is designed to make workplace communications more efficient. For example, it can summarize meeting notes, turn meeting conversations into text, write emails, and draft business proposals or promotion campaign plans through simple prompts. Users can instantly create a mini application on DingTalk by photographing a draft idea written on paper.
    • Tongyi Qianwen-powered Tmall Genie will be able to engage in more dynamic and vivid conversations with users in China. For instance, it can develop and tell stories to children, provide healthy diet recipes, offer travel tips and recommend background music for a workout.

To further enable enterprises to reap the benefits of AI-driven innovation, Alibaba Cloud will offer its clients access to Tongyi Qianwen on the cloud and help them build customized large language models. By fine-tuning Tongyi Qianwen with customers’ proprietary intelligence and industrial know-how in a secure cloud environment, enterprises can establish tailored AI models to suit their specific business needs. This is expected to spark a new wave of growth momentum for customers, eliminating the need for resource-intensive and expensive pre-training processes for building foundational models. Tongyi Qianwen is now available for general enterprise customers in China for beta testing.

In addition, developers will soon be able to access Alibaba Cloud’s Tongyi Qianwen to create their AI applications at scale. This will further bolster the AI software ecosystem across sectors ranging from logistics to media, finance, manufacturing, energy, retail and more. Tongyi Qianwen as an API is also available for developers in China to apply for beta testing now.

Multimodal capabilities, including image understanding and text-to-image, will soon be added to the Tongyi Qianwen model to provide users with more compelling AI features.

“Generative AI powered by large language models is ushering in an unprecedented new phase. In this latest AI era, we can create additional value for our customers and broader communities through our resilient public cloud infrastructure and proven AI capabilities,” said Jingren Zhou, CTO of Alibaba Cloud Intelligence.

“We are witnessing a new paradigm of AI development where cloud and AI models play an essential role. By making this paradigm more inclusive, we hope to facilitate businesses from all industries with their intelligence transformation and, ultimately, help boost their business productivity, expand their expertise and capabilities while unlocking more exciting opportunities through innovations.”

Tongyi Qianwen is based on Tongyi, Alibaba’s proprietary pre-trained model framework that unifies various AI models, including models that can turn text into images and short videos. Last year, Alibaba Cloud launched ModelScope, an open-source Model-as-a-Service (MaaS) platform with hundreds of AI models, including a Tongyi-based text-to-image model for global developers and researchers. So far, with over 1 million active users, ModelScope has made 800 models available with over 16 million model downloads to date. 

More accessible and affordable computing for enterprises and students

Designed for small and medium-sized (SME) enterprises, the new ECS Universal instance family provides the same stability of its similar product, while saving costs of up to 40%. It is suitable for SMEs conducting web applications and websites, enterprise office applications and offline data analysis.

OSS-RC enables customers to reserve storage capacity in a specific region for one year. It reduces the capacity cost by up to 50% from pay-as-you-go prices. When customers have no requirement to store their data in a specific region, they can create an OSS “Anywhere Bucket” to store data in a region chosen by Alibaba Cloud. OSS-ARC can then reserve capacity for objects stored in OSS Anywhere Buckets. It reduces the capacity cost by up to 70% from pay-as-you-go prices.

To make computing resources more accessible to developers in China, Alibaba Cloud has also announced free trials of core products for up to three months, including ECS and PolarDB databases. Alibaba Cloud will also provide 1,000 free training courses on cloud technologies and around 500 hands-on experiments based on real business scenarios for developers to access cloud technologies easily.

In addition, Alibaba announced its Cloud for Youth program is partnering with UNESCO Chair on Artificial Intelligence in Education to bring more computing resources to students in China’s rural areas. Unveiled in 2021, Alibaba’s non-profit Cloud for Youth program helps to narrow the digital gap in China by providing cloud computers to schools in underdeveloped areas. The goal is to help youths strengthen their technical foundation in digital capabilities and cultivate local digital talents.

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กรทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กร ทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กร ทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

ให้บริการคลาวด์ด้วยราคาสมเหตุสมผล พร้อมให้ทดลองใช้และให้การอบรมฟรี ส่งเสริมให้องค์กรและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้คอมพิวติ้งที่มีความครอบคลุมมากขึ้น และประสบความสำเร็จกับการใช้ AI ยุคใหม่

อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัว Tongyi Qianwen โดยจะนำโมเดล AI ใหม่นี้ไปใช้กับธุรกิจต่าง ๆ ของอาลีบาบา ในอนาคตอันใกล้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ลูกค้าของบริษัท และนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะสามารถเข้าใช้โมเดลนี้ได้ เพื่อสร้างฟีเจอร์ AI ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการด้วยวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่าย

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้ประกาศทางเลือกด้านราคาของบริการหลักด้านคลาวด์ของบริษัทฯ ให้ต่ำลง เช่น Elastic Compute Service (ECS) และ Object Storage Service (OSS) ด้วยการแนะนำ ECS instance ใหม่, OSS Reserved Capacity (OSS-RC) และ OSS Anywhere Reserved Capacity (OSS-ARC) เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เข้าถึงคอมพิวติ้งได้มากขึ้น และสามารถใช้โอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ในยุค AI สมัยใหม่ในประเทศจีนให้เป็นประโยชน์ได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล

นายแดเนียล จาง ประธานและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป และซีอีโอของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “เอไอแบบรู้สร้าง (generative AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง รวมถึงการที่ธุรกิจทุกภาคส่วนได้เริ่มทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาดเพื่อให้อยู่ในแถวหน้าของการแข่งขัน เป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เราเข้าสู่ช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งชั้นนำของโลก มีความมุ่งมั่นให้บริการด้านคอมพิวติ้งและ AI ที่ครอบคลุมมากขึ้น และให้องค์กรต่าง ๆ รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าใช้งานได้มากขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้รับข้อมูลเชิงลึก สามารถเสาะหารูปแบบทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อการขยายธุรกิจ รวมถึงสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ล้ำสมัยให้กับสังคม”

การนำ Tongyi Qianwen ไปใช้กับธุรกิจต่าง ๆ ของอาลีบาบา และการสร้างโมเดลต่าง ๆ ที่เฉพาะเจาะจงให้กับลูกค้า

Tongyi Qianwen (通义千问 ในภาษาจีน) จะผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันทางธุรกิจทั้งหมดภายในระบบนิเวศของอาลีบาบาในอีกไม่นานจากนี้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในองค์กร, ผู้ช่วยอัจฉริยะด้านเสียง, อีคอมเมิร์ซ, การค้นหา, เพื่อการนำทาง และด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โมเดลนี้มีความสามารถทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ และจะนำไปใช้ครั้งแรกกับ DingTalk ซึ่งเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกันและเป็นแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันของอาลีบาบา
และใช้กับ Tmall Genie ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะที่ใช้อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT)

    • เสริมประสิทธิภาพ DingTalk ด้วย Tongyi Qianwen ออกแบบเพื่อช่วยให้การสื่อสารในการทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น เช่น DingTalk สามารถสรุปบันทึกการประชุม เปลี่ยนการสนทนาในการประชุมให้เป็นข้อความตัวอักษร เขียนอีเมล และร่างการนำเสนอทางธุรกิจหรือแผนแคมเปญส่งเสริมการขายต่าง ๆ ผ่านคำแนะนำง่าย ๆ ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายภาพร่างไอเดียบนกระดาษ และเปลี่ยนเป็น mini application บน DingTalk ได้ทันที
    • เพิ่มสมรรถนะ Tmall Genie Tongyi ด้วย Qianwen จะช่วยให้มีส่วนร่วมในการสนทนากับผู้ใช้ในประเทศจีนได้แบบไดนามิกและมีชีวิตชีวามากขึ้น เช่น สามารถพัฒนาและบอกเล่านิทานสำหรับเด็ก จัดหาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ นำเสนอคำแนะนำในการเดินทาง และแนะนำเพลงที่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบใดแบบหนึ่ง เป็นต้น

อาลีบาบา คลาวด์ ยังนำเสนอให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้ Tongyi Qianwen บนคลาวด์ และช่วยลูกค้าสร้างโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ที่ปรับแต่งอย่างเจาะจง เพื่อเป็นการสนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ ได้เก็บเกี่ยวประโยชน์จากนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การปรับแต่ง Tongyi Qianwen อย่างละเอียดโดยใช้ข้อมูลอัจฉริยะที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้า ผนวกกับความรู้เชิงอุตสาหกรรมบนสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่ปลอดภัย ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้างโมเดล AI ที่ปรับแต่งอย่างเจาะจงของตนได้บนคลาวด์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการเฉพาะทางธุรกิจขององค์กรนั้น ๆ เป็นที่คาดการณ์ว่าสมรรถนะนี้จะจุดประกายให้เกิดคลื่นลูกใหม่ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก และไม่ต้องผ่านกระบวนการฝึกอบรมล่วงหน้าที่มีค่าใช้จ่ายสูงเพื่อสร้างโมเดลโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ปัจจุบัน Tongyi Qianwen พร้อมบริการเป็นรุ่นเบต้าให้กับลูกค้าองค์กรทั่วไปในประเทศจีน

นอกจากนี้ นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะสามารถเข้าใช้ Tongyi Qianwen ของอาลีบาบา คลาวด์ ได้เร็ว ๆ นี้ เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ตามที่ตนต้องการ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนระบบนิเวศด้านซอฟต์แวร์ AI ให้กับทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่โลจิสติกส์ ไปจนถึงวงการสื่อ การเงิน ภาคการผลิต พลังงาน ค้าปลีก และอื่น ๆ อีกมาก ปัจจุบันมีการให้บริการ Tongyi Qianwen ในลักษณะ API รุ่นเบต้าให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศจีนให้สมัครทดสอบได้แล้ว

นอกจากนี้จะมีการเพิ่มเติมขีดความสามารถอีกหลากหลายรูปแบบให้กับ Tongyi Qianwen ในเร็ว ๆ นี้ เช่น ความเข้าใจรูปภาพ และการเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้ฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายจินเหริน โซว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของอาลีบาบา คลาวด์ กล่าวว่า “Generative AI ขับเคลื่อนด้วยโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ กำลังนำเราเดินสู่ช่วงเวลาใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ในยุค AI ล่าสุดนี้ เราสามารถสร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้กับลูกค้าของเรา และคอมมูนิตี้ต่าง ๆ ที่กว้างขวางขึ้น ผ่านโครงสร้างพื้นฐานพับลิคคลาวด์ที่ยืดหยุ่น และความสามารถด้าน AI ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของเรา”

“เราเห็นกระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนา AI ที่คลาวด์และโมเดล AI มีบทบาทสำคัญ เราหวังว่าการทำให้กระบวนทัศน์นี้ครอบคลุมมากขึ้น จะช่วยให้ธุรกิจจากอุตสาหกรรมทุกประเภทสามารถทรานฟอร์มอย่างชาญฉลาดได้อย่างสะดวกง่ายดาย และท้ายที่สุด ช่วยเพิ่มผลผลิตทางธุรกิจ เพิ่มความเชี่ยวชาญและความสามารถด้านต่าง ๆ ควบคู่กับการปลดล็อกให้ธุรกิจได้รับโอกาสที่น่าตื่นเต้นผ่านนวัตกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น”

Tongyi Qianwen สร้างจาก Tongyi ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กโมเดลพรีเทรนด์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของอาลีบาบา ที่รวมเอาโมเดล AI ต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน รวมถึงโมเดลที่สามารถเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพและวิดีโอสั้น ๆ เมื่อปีที่ผ่านมา อาลีบาบา คลาวด์ ได้เปิดตัว ModelScope ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม model-as-a-service (MaaS) ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส และมาพร้อมกับโมเดล AI หลายร้อยแบบ เช่น โมเดล Tongyi-based text-to-image สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และนักวิจัยทั่วโลก ปัจจุบัน ModelScope มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านราย มีโมเดล 800 แบบ และมีการดาวน์โหลดโมเดลไปแล้วมากกว่า 16 ล้านครั้ง

องค์กรและนักศึกษาสามารถเข้าถึงคอมพิวติ้งได้มากขึ้นด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

กลุ่มอินสแตนซ์ ECS Universal ใหม่นี้ออกแบบสำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) มีความเสถียรเหมือนกับบริการอื่นที่คล้ายกัน แต่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 40% จึงเหมาะกับ SME ที่ใช้เว็บแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ต่าง ๆ แอปพลิเคชันที่ใช้ในองค์กร และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบออฟไลน์

OSS-RC ช่วยลูกค้าให้สามารถสำรองพื้นที่สตอเรจใน region ที่กำหนดได้เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้าน capacity ได้มากถึง 50% จากราคาที่เป็นแบบ pay-as-you-go และเมื่อลูกค้าไม่ต้องการจัดเก็บดาต้าใน region ใด region หนึ่ง ก็สามารถสร้าง OSS “Anywhere Bucket” เพื่อเก็บดาต้าไว้บน region ที่อาลีบาบาคลาวด์เลือกให้ ทั้งนี้ OSS-ARC สามารถสำรอง capacity สำหรับ objects ที่เก็บไว้ใน OSS Anywhere Buckets จึงเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้าน capacity ลงได้ถึง 70% จากราคาที่เป็นแบบ pay-as-you-go

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้ประกาศให้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ เช่น ECS และ PolarDB database ได้นานสูงสุดสามเดือนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศจีนเข้าถึงทรัพยากรด้านคอมพิวติ้งได้มากขึ้น อาลีบาบา คลาวด์ จะมอบคอร์สฝึกอบรมผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ 1,000 คอร์ส โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงการทดลองภาคปฏิบัติตามฉากทัศน์สถานการณ์จริงทางธุรกิจประมาณ 500 รายการ เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ได้อย่างไม่ยุ่งยาก

ธุรกิจในเอเชียส่วนใหญ่วางแผนลงทุนด้านคลาวด์มากขึ้นในปี 2566

Alibaba Cloud Launches Carbon Management Solution

ธุรกิจในเอเชียส่วนใหญ่วางแผนลงทุนด้านคลาวด์มากขึ้นในปี 2566

    • สี่ในห้าของธุรกิจในเอเชียวางแผนย้ายไปใช้คลาวด์อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2567
    • ความปลอดภัย บริการด้านการสนับสนุนช่วยเหลือที่อยู่ภายในประเทศ และราคา ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการใช้พับลิคคลาวด์

อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เผยผลสำรวจล่าสุดที่สนับสนุนโดยอาลีบาบา คลาวด์ เรื่อง “The Next-Generation Cloud Strategy in Asia”  ที่ระบุว่าแปดสิบสี่เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้คลาวด์ในปัจจุบันคาดว่าจะลงทุนด้านคลาวด์เพิ่มขึ้นในปี 2566 ขณะที่มากกว่าสี่ในห้า (84%) กำลังวางแผนที่จะย้ายการดำเนินงานทั้งหมดไปยังคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบภายในสองปี

การลงทุนด้านคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทต่าง ๆ ย้ายการดำเนินงานทางธุรกิจที่สำคัญของตนไปไว้บนออนไลน์มากขึ้นหลังการแพร่ระบาดเพื่อให้สามารถจัดการกับเวิร์กโหลดได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ส่วนธุรกิจในเอเชียที่ใช้บริการคลาวด์อยู่แล้ววางแผนเพิ่มการลงทุนด้านคลาวด์ให้กับแผนกลยุทธ์การใช้คลาวด์ที่หลากหลายในปีหน้า 

สำหรับประเทศที่มีแนวโน้มลงทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ ประเทศไทย (95%) อินโดนีเซีย (94%) ฟิลิปปินส์ (91%) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง (83%) และสิงคโปร์ (83%) ขณะที่ผลสำรวจในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ระบุว่า จะคงระดับการลงทุนในปัจจุบันนี้ไว้ต่อไป ทั้งนี้ในบรรดาอุตสาหกรรมหลักต่าง ๆ คาดว่าอุตสาหกรรมเกมจะมีการลงทุนด้านคลาวด์เพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมาคืออุตสาหกรรมสื่อและโทรคมนาคม อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี และบริการทางการเงินตามลำดับ

เมื่อระบุถึงลำดับความสำคัญในการลงทุน ธุรกิจในเอเชียจำนวนมากจะให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลและ AI (53%) คลาวด์คอมพิวติ้ง (52%) และระบบอัตโนมัติ (46%) การที่ธุรกิจมากกว่าครึ่งวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นการย้ำให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ

คุณเซลินา หยวน รองประธาน อาลีบาบา กรุ๊ป และประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศ อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “การวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึก ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้ให้บริการคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย คลาวด์เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ธุรกิจต้องใช้ก่อนอย่างอื่นเพื่อปูทางสู่ความสำเร็จ และลูกค้าของเราก็กำลังใช้กลยุทธ์คลาวด์ที่หลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เป็นรากฐานสำคัญที่สุดที่สามารถรองรับนวัตกรรมล้ำสมัยต่าง ๆ เช่น generative AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงมุ่งมั่นให้บริการโซลูชันที่ใช้งานบนคลาวด์ซึ่งได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้ว ให้กับธุรกิจต่าง ๆ เสมอมา ไม่ว่าธุรกิจนั้นจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม และเราสนับสนุนธุรกิจเหล่านั้นให้สามารถย้ายการทำงานไปยังบริการคลาวด์ต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น”

ธุรกิจมากกว่าสองในสาม (69%) ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด มีการใช้คลาวด์มาแล้วอย่างน้อยที่สุดสามปี และในกลุ่มผู้เริ่มใช้คลาวด์เป็นกลุ่มแรก ๆ คือ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงค์โปร์นั้น มีเพียงหนึ่งในห้า (20%) เท่านั้นที่ใช้บริการคลาวด์มาน้อยกว่าสามปี ผลสำรวจยังพบว่า อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี, ภาคการผลิต และ บริการทางการเงิน เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เชี่ยวชาญในการใช้คลาวด์มากที่สุด

อาลีบาบา คลาวด์ ได้มอบหมายให้ NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก ทำการสำรวจครั้งนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เข้าใจสถานะของการนำกลยุทธ์ไพรเวท พับลิค และ ไฮบริดคลาวด์มาใช้งานในภูมิภาคเอเชียได้ถ่องแท้มากขึ้น

การโยกย้ายไปยังคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2567

ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า 84% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจวางแผนที่จะย้ายไปใช้คลาวด์อย่างเต็มรูปแบบในอีกสองปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งเพื่อตอบความต้องการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการแพร่ระบาด โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าหนึ่งในสาม (36%) คาดว่าจะย้ายไปใช้คลาวด์อย่างเต็มรูปแบบในอีกหกเดือนข้างหน้า

ในบรรดาธุรกิจที่ทำการสำรวจพบว่า โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการใช้ไอทีอย่างมีนัยสำคัญ โดย 54% รายงานว่ามีการใช้ซอฟต์แวร์บนคลาวด์เพิ่มขึ้น และ 41% รายงานว่าองค์กรของตนกำลังเร่งย้ายไปใช้คลาวด์

กลยุทธ์สู่การใช้คลาวด์หลายประเภทมากขึ้น

จากการสำรวจพบว่า ไพรเวทคลาวด์ เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเอเชีย (40%) รองลงมาคือ พับลิคคลาวด์ (27%) ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เลือกใช้พับลิคคลาวด์ คือคุณสมบัติที่โดดเด่น ด้านความปลอดภัย ความเชื่อถือในบริการด้านการสนับสนุนช่วยเหลือที่อยู่ภายในระเทศ และราคาที่สมเหตุสมผล โดย 38% ของธุรกิจที่ตอบแบบสำรวจคาดว่าจะเพิ่มการลงทุนมากกว่าหนึ่งในห้าในปีหน้า

ผลสำรวจจากผู้ตอบแบบสำรวจที่อยู่ในตลาดเอเชีย พบว่า เกาหลีใต้มีอัตราการใช้พับลิคคลาวด์สูงสุด (43%) และกลุ่มที่มีการใช้พับลิคคลาวด์ติดอันดับต้น ๆ ในปัจจุบันนี้ คือ ธุรกิจเกม ภาครัฐ ค้าปลีก รวมถึงอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี  

ในขณะเดียวกัน การใช้ไฮบริดคลาวด์ก็กำลังพุ่งสูงขึ้น ผลสำรวจพบว่าการใช้ไฮบริดคลาวด์ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นสุทธิ 7 percentage-point เมื่อเทียบกับการนำกลยุทธ์คลาวด์มาใช้ในครั้งแรกของผู้ตอบแบบสำรวจนอกจากนี้เมื่อสำรวจเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์คลาวด์ ผลสำรวจพบว่า การเปลี่ยนไปใช้ไฮบริดคลาวด์มีสัดส่วนสูงสุดถึง 39% ทั้งนี้นอกจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยแล้ว ธุรกิจต่าง ๆ มักเลือกใช้ไฮบริดคลาวด์ กับ customized cloud services ต่าง ๆ ที่สามารถปรับให้ตรงกับความต้องการทางธุรกิจได้

คุณเซลินาได้กล่าวเสริมว่า “กลยุทธ์คลาวด์หลากประเภทที่ใช้ในเอเชีย บ่งบอกว่าธุรกิจจำนวนมากกำลังมองหาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น ปลอดภัย และคล่องตัว เพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำ อาลีบาบา คลาวด์ ยังคงนำเสนอบริการด้านไฮบริดใหม่ ๆ ที่มีความปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านนี้อย่างต่อเนื่อง”

เกี่ยวกับการสำรวจ

การสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม 2565 โดยรวบรวมความคิดเห็นผ่านแบบสอบถามออนไลน์จากผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านกลยุทธ์คลาวด์ 1,000 รายในธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ที่กำลังใช้บริการคลาวด์ในตลาดเอเชีย 8 แห่ง ได้แก่ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้  ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ บริการทางการเงิน อุตสาหกรรมเกม อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ภาคการผลิต อุตสาหกรรมสื่อและโทรคมนาคม ภาครัฐ และภาคค้าปลีก