จับตาอสังหาฯ หัวเมืองใหญ่ พร้อมรับกำลังซื้อต่างชาติหลังเปิดประเทศหรือไม่

Pattaya

จับตาอสังหาฯ หัวเมืองใหญ่ พร้อมรับกำลังซื้อต่างชาติหลังเปิดประเทศหรือไม่

แผนเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เป็นความหวังในการฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การเปิดประเทศจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 64% เมื่อเทียบกับช่วงที่ไม่มีมาตรการ โดยจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อชะลอตัวยาวนาน การเปิดประเทศจึงเป็นโอกาสที่จะฟื้นตลาดที่อยู่อาศัยให้กลับมาคึกคักเช่นกัน สอดคล้องกับข้อมูลจากนายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาสมาคมการค้า เผยว่า นักลงทุนที่เป็นกลุ่มคนจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทยที่ยังไม่มีการโอน และบางรายต้องทิ้งการโอนไปเนื่องจากไม่สามารถเดินทางมาทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ รวมเป็นเม็ดเงินราว 5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นนโยบายการเปิดประเทศและการแก้ไขร่างกฎหมายการถือครองอสังหาฯ และที่ดินใหม่สำหรับชาวต่างชาติจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ไทยอีกครั้ง

ข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ DDproperty.com พบว่า ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 มีการเข้าค้นหาข้อมูลอสังหาฯ ในประเทศไทยจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นความสนใจจากกลุ่มชาวต่างชาติที่มีต่ออสังหาฯ ในไทยไม่น้อย สอดคล้องกับข้อมูลของเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง Anjuke ที่เผยว่า ไทยติดอันดับสอง (21%) ของประเทศที่ชาวจีนค้นหาอสังหาฯ มากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 รองจากญี่ปุ่น (22%) ตามมาด้วยสหรัฐฯ และมาเลเซียในสัดส่วนเท่ากัน (12%) ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ชาวจีนสนใจมาจากความคุ้มค่าของผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าของอสังหาฯ ในไทยซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5-10% สูงกว่าการลงทุนในจีนที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 2% นอกจากนี้ชาวจีนยังถือเป็นกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ ที่มีศักยภาพสำหรับไทย เห็นได้จากสถิติการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในภาพรวมทั้งประเทศของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า ผู้ซื้อสัญชาติจีนถือครองกรรมสิทธิ์มาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยรัสเซีย และสหราชอาณาจักร โดยจังหวัดที่มีพื้นที่การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 49.4% จังหวัดชลบุรี 30.2% จังหวัดเชียงใหม่ 7.1% และจังหวัดภูเก็ต 4.9% ซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพและมีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยว

DDproperty
  • จับตาแนวโน้มดัชนีราคาและอุปทานหัวเมืองใหญ่ พร้อมรับกำลังซื้อต่างชาติแค่ไหน
    ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลเชิงลึกอัปเดตตลาดที่อยู่อาศัยไทยใน 5 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, เชียงใหม่, เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเผยความต้องการซื้อ/เช่าล่าสุดจากข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ DDproperty.com ทั่วประเทศในเดือนกันยายนที่ผ่านมา สะท้อนทิศทางการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ควบคู่ไปกับแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคที่ไม่ควรมองข้าม
    • กรุงเทพมหานคร การแพร่ระบาดฯ ที่ยาวนานตั้งแต่ต้นปี ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ในช่วงไตรมาส 3 นี้ ลดลงจากไตรมาสก่อน 2% ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อออกไป อีกทั้งยังขาดกำลังซื้อจากชาวต่างชาติที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ ด้านดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าอัตราการดูดซับยังไม่กลับมาเท่าที่ควร อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาความสนใจซื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่า เพิ่มขึ้นถึง 10% จากเดือนก่อนหน้า สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงที่เริ่มกลับมาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ คลี่คลาย ประกอบกับการจัดโปรโมชั่นดึงดูดใจอย่างต่อเนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ขณะที่ความสนใจเช่าก็เพิ่มขึ้น 2% จากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน
    • ภูเก็ต ถือเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยที่แทบทุกธุรกิจในจังหวัดล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กันอย่างถ้วนหน้า ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตชะลอตัวตามกำลังซื้อผู้บริโภคไปด้วย โดยแนวโน้มดัชนีราคาในภูเก็ตลดลงถึง 22% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนที่จะมีแพร่ระบาดฯ ดัชนีราคาลดลง 6% ส่วนดัชนีอุปทานลดลงถึง 16% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หลังการเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยเรียกความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้กลับมา ส่งผลให้ความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยในเดือนกันยายนนี้เพิ่มขึ้น 14% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ความสนใจเช่าเพิ่มขึ้น 29%
    • เชียงใหม่ แม้การแพร่ระบาดฯ ระลอกล่าสุดจะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเชียงใหม่ซบเซาลงไปตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ดี ตลาดอสังหาฯ ในเชียงใหม่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากแนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดฯ ในช่วง 2 ปีก่อนหน้า พบว่า ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นถึง 9% ส่วนดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้านความต้องการซื้อของผู้บริโภคเริ่มมีสัญญาณบวกเห็นได้จากความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยในเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น 11% สวนทางกับความสนใจเช่าที่ลดลง 11% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ราคาที่อยู่อาศัยมีความเหมาะสมและคุ้มค่า จึงดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินซื้อแทนการเช่าอยู่
Chiangmai
    • พัทยา ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ทำให้พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผู้บริโภคซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่สอง หรือนักลงทุนสนใจเลือกซื้ออสังหาฯ ไว้เพื่อปล่อยเช่า แม้ช่วงที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจจะซบเซา ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน พบว่าแนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในพัทยาลดลง 7% จากไตรมาสที่แล้ว โดยลดลงถึง 47% เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้าที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดฯ ในไทย ในขณะที่อัตราดูดซับยังคงไม่กลับมาเป็นปกติ เห็นได้ชัดจากดัชนีอุปทานในตลาดที่เพิ่มขึ้นถึง 52% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี ตลาดที่อยู่อาศัยเมืองพัทยายังคงมีสัญญาณบวกจากความสนใจซื้อในเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น 22% จากเดือนก่อนหน้า แม้ว่าความสนใจเช่าจะลดลงถึง 25% ก็ตาม
    • หัวหิน สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ส่งผลให้การเติบโตของภาคธุรกิจในเมืองท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักตามไปด้วย โดยเฉพาะในตลาดอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้พบว่าแนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในหัวหินลดลงถึง 24% จากไตรมาสก่อน โดยลดลงถึง 64% เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดฯ ในขณะที่ดัชนีอุปทานลดลง 18% จากไตรมาสก่อน สะท้อนให้เห็นการปรับตัวของผู้พัฒนาอสังหาฯ ในพื้นที่ที่ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปก่อน เพื่อรอให้กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมา อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตลาดอสังหาฯ ก็ได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน พบว่าความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยในเดือนกันยายนนี้เพิ่มขึ้น 18% จากเดือนก่อนหน้า ส่วนความสนใจเช่าลดลง 38%

กำลังซื้อจากชาวต่างชาติถือเป็นกุญแจสำคัญที่มีอิทธิพลในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ภาครัฐเองได้พยายามออกมาตรการ/นโยบายเพื่อช่วยดึงดูดกำลังซื้อต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในภาคอสังหาฯ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในไทย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ฉบับล่าสุด เผยมุมมองผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อร่างกฎหมายการถือครองอสังหาฯ และที่ดินของชาวต่างชาติฉบับใหม่ พบว่า มีผู้บริโภคเห็นด้วย 26% และไม่เห็นด้วยในสัดส่วนไล่เลี่ยกันที่ 24% เมื่อพิจารณาจากเหตุผลหลักของฝ่ายที่เห็นด้วย 79% มองว่าร่างกฎหมายนี้จะช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดอสังหาฯ และเศรษฐกิจไทยโดยรวม ในขณะที่ 62% ของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าร่างกฎหมายนี้จะทำให้ราคาที่ดินและอสังหาฯ ในไทยแพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับคนไทยที่อยากมีบ้าน ดังนั้น การแก้ไขร่างกฎหมายการถือครองอสังหาฯ และที่ดินของชาวต่างชาติฉบับใหม่จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ภาครัฐควรศึกษาผลกระทบทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างรอบด้าน พร้อมเร่งทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน หากต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจประเทศและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในระยะยาว

อาลีบาบา คลาวด์ เดินหน้าพันธสัญญาต่อประเทศไทย เสริมแกร่งโครงการด้านพันธมิตรและเสริมศักยภาพทักษะดิจิทัล

อาลีบาบา คลาวด์ เดินหน้าพันธสัญญาต่อประเทศไทย เสริมแกร่งโครงการด้านพันธมิตรและเสริมศักยภาพทักษะดิจิทัล

พร้อมแผนเปิดไฮเปอร์สเกลดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของอาลีบาบา คลาวด์ ในไทยปีหน้า

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เดินหน้าสานต่อพันธกิจในประเทศไทย เพิ่มความช่วยเหลือ เสริมความแข็งแกร่งด้านกลยุทธ์ในไทยด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งาน พร้อมให้การสนับสนุนระบบนิเวศ การฝึกอบรมบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

อาลีบาบา คลาวด์ ได้รับการจัดอันดับจากการ์ทเนอร์ให้เป็นผู้บริการคลาวด์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดตัว Thailand Partner Alliance 100 ระบบนิเวศที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพันธมิตรในท้องถิ่นและส่งเสริมการทำงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการตลาด การขายและสนับสนุนทางด้านเทคนิค องค์กรธุรกิจสามารถเข้าใช้งานเครื่องมือดิจิทัลที่สำคัญต่าง ๆ ในระบบนิเวศนี้ได้ และพันธมิตรด้านโซลูชัน (solution partners) จะได้รับผลกำไรที่แข่งขันได้ในระดับสูงเมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ เช่น ECS, Database, Content Delivery Networks and Short Message Services รวมถึงการให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและเงินทุนด้านการผสานรวมเทคโนโลยีสำหรับพันธมิตรด้านโซลูชันที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนอาลีบาบา คลาวด์ สำหรับพันธมิตรด้านบริการ (service partners) จะสามารถเข้าใช้การสนับสนุนด้านการโยกย้ายการทำงานระหว่างระบบต่าง ๆ และได้รับคลาวด์เครดิตฟรี

เซลินา หยวน ผู้จัดการทั่วไปด้านธุรกิจระหว่างประเทศ อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการเติบโตของผู้ใช้งานบริการพับลิคคลาวด์ทั่วโลกจะอยู่ที่ 23.1 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2564 เมื่อเทียบกับในปี พ.ศ. 2563[1] ด้วยอัตราการใช้คลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก และโอกาสต่าง ๆ ที่ธุรกิจในท้องถิ่นจะได้รับจากระบบคลาวด์ ทำให้หนึ่งในพันธกิจหลักของเราคือการทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรไทย เพื่อเสริมศักยภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลให้กับลูกค้า ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่ทรงคุณค่าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นสามารถรองรับและสนับสนุนได้หลากหลายภาคอุตสาหกรรม เมื่อใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีโซลูชันชั้นนำที่เราให้บริการลูกค้าทั่วโลก จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับพันธมิตรของเราในการพัฒนาความสามารถใหม่ ๆ และขยายความสำเร็จทางธุรกิจไปพร้อมกับเรา”

ตัวอย่างผู้ค้าปลีกไทย จะได้ประโยชน์จากโซลูชันของอาลีบาบา คลาวด์ ที่รองรับการใช้งานกับลาซาด้า (Lazada) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอาลีบาบา กรุ๊ป และจะสามารถเข้าใช้งานชุดโซลูชันต่าง ๆ ตั้งแต่โซลูชันในการผสานการทำงานระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ บนเส้นทางการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของผู้บริโภค ไปจนถึงบริการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และการตลาดที่เจาะลูกค้าเป็นรายบุคคล นอกจากนี้อาลีบาบา คลาวด์ ยังให้บริการด้านต่าง ๆ กับบริษัทด้านการเงินของไทย เช่นบริการที่รองรับเทคโนโลยี eKYC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการยืนยันพิสูจน์ตัวตนและการทำความรู้จักลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการที่รองรับการหาลูกค้าใหม่ผ่านอุปกรณ์โมบาย และโซลูชันการให้สินเชื่อดิจิทัลที่ใช้ AI เป็นต้น

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Academic Empowerment Program ซึ่งเป็นโครงการเสริมศักยภาพทางวิชาการให้กับนักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัย เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับทรัพยากรด้านคลาวด์คอมพิวติ้งฟรี รวมถึงโอกาสในการฝึกอบรม และความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ 20 ปีของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมนวัตกรรมด้านดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมทักษะดิจิทัลให้กับผู้เข้าร่วมโปรแกรมจำนวน 20,000 คนภายในปี พ.ศ. 2566 โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมกับอาลีบาบา คลาวด์ ในโครงการด้านนี้

ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดลและอาลีบาบา คลาวด์ เป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้นักศึกษาได้มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งใหม่และเรียนรู้ทักษะดิจิทัลที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อร่วมกันสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ”

อาลีบาบา คลาวด์ ยังวางแผนจะเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้ตั้งเป้าหมายจะเปิดตัวในปี พ.ศ. 2565 เพื่อรองรับการเติบโตด้านคลาวด์ของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น[2]  และความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19

นายไทเลอร์ ชิว ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “ขณะนี้อาลีบาบา คลาวด์ มีแผนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย เพราะเล็งเห็นถึงความต้องการของธุรกิจไทยในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลสำคัญต่อประเทศมากเพียงใด และประเทศจะได้ประโยชน์อะไรบ้างในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงนี้ อาลีบาบา คลาวด์ได้ทุ่มเทเพื่อให้โซลูชันต่าง ๆ ของเราพร้อมใช้สำหรับทุกคน รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศที่รองรับอนาคตทางดิจิทัล”

ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในประทศไทยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจไทยและธุรกิจจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้สนับสนุนการดำเนินงานในระดับสากลของอาลีบาบา กรุ๊ปเอง ในด้านค้าปลีก โลจิสติกส์ Fintech สื่อและความบันเทิง และการตลาดดิจิทัล

ข้อมูลจากรายงาน BOI’s Data Center and Cloud Service in Thailand[3] ได้คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2570 เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะมีสัดส่วน 25% ของ GDP ของประเทศ ตัวขับเคลื่อนที่สำคัญคืออีคอมเมิร์ซ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ต่าง ๆ เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจดิทัลทั่วโลก และเป็นที่คาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของอาเซียนจะมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2567 ปัจจุบันผู้บริโภคไทยและในอาเซียนได้รับแรงจูงใจให้ใช้บริการดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็กำลังปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างมาก ซึ่งจะเพิ่มความต้องการดาต้าสตอเรจและบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่ทำงานบนคลาวด์ และอาลีบาบา คลาวด์ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของบริษัทในประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จตามนโยบาย Thailand 4.0 ของประเทศไทย

[1] https://www.gartner.com/en/newsroom/press-releases/2021-04-21-gartner-forecasts-worldwide-public-cloud-end-user-spending-to-grow-23-percent-in-2021

[2] Source: https://techwireasia.com/2021/05/public-cloud-spending-set-to-spike-in-thailand/

[3] https://www.boi.go.th/upload/content/DataCenterANdCloudService.pdf

ภาครัฐได้ประโยชน์อะไรจากเอดจ์คอมพิวติ้ง

ภาครัฐได้ประโยชน์อะไรจากเอดจ์คอมพิวติ้ง

บทความโดยคุณสุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เร้ดแฮท

เอดจ์คอมพิวติ้ง สามารถช่วยให้การบริหารจัดการบริการสาธารณะต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าการลงทุนมากขึ้น แต่การนำเทคโนโลยีเอดจ์คอมพิวติ้งต่าง ๆ มาใช้ในหน่วยงานภาครัฐนั้นยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง ปัจจุบันภาคส่วนอื่น ๆ ได้มีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้และได้รับผลลัพธ์ที่ทรงคุณค่าให้ได้เก็บเกี่ยวแล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่หน่วยงานภาครัฐจะพิจารณาถึงประโยชน์และโอกาสที่จะได้รับจากการนำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้ในหน่วยงานตน เร้ดแฮทมีตัวอย่างผลลัพธ์จากการใช้เอดจ์คอมพิวติ้งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ภาคการผลิต และรูปแบบการใช้งานที่หน่วยงานภาครัฐสามารถนำไปใช้ได้ ดังนี้

มีการใช้เอดจ์คอมพิวติ้งเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต และที่อยู่อาศัย

เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ศักยภาพและอัจฉริยะของไอทีในองค์กรวางอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ แต่ปัจจุบันเรามาถึงจุดที่เวิร์กโหลดบางประเภทสามารถย้ายไปวางไว้ที่อุปกรณ์ปลายทาง (edge) ได้แล้ว 

เมื่อมีการนำกระบวนการประมวลผลไปวางไว้ ณ จุดกำเนิดของข้อมูลหรือที่ใกล้ข้อมูลที่สุด (แทนที่จะวางอยู่บนคลาวด์หรือรีโมทดาต้าเซ็นเตอร์) เอดจ์คอมพิวติ้งจะช่วยให้สามารถตัดสินใจจากข้อมูลที่ส่งออกมาจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ ณ จุดสำคัญที่สุดได้รวบรวมไว้

ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง เพื่อนำความสามารถในการประมวลผลให้อยู่ใกล้เครือข่ายเอดจ์ และลดเวลาที่ใช้ในการตอบสนองลง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากต่อความเร็วในการให้บริการและความพร้อมใช้งานตามคุณสมบัติของ 5G ที่ต้องมีให้กับผู้รับบริการ

มีการนำเอดจ์คอมพิวติ้งไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในวงกว้าง รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเอดจ์คอมพิวติ้งช่วยลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการตรวจสอบให้สินค้าและบริการได้มาตรฐานตามการรับประกันระดับคุณภาพของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ (QA) และรอบการผลิต ช่วยให้นำสินค้าและบริการออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย ข้อมูลที่เซ็นเซอร์ต่าง ๆ รวบรวมไว้ ณ เครื่องจักรแต่ละตัว ช่วยให้วิศวกรสามารถระบุและแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหากับระบบ

ตามปกติแล้ว เซ็นเซอร์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้มีไมโครโปเซสเซอร์ที่มีความสามารถในการคิดและเรียนรู้ที่มีขอบเขต ซึ่งใช้ตรวจสอบและตรวจวัดปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความดัน ความร้อน หรือการไหลของน้ำ ในทำนองเดียวกัน สมาร์ทมิเตอร์หรืออุปกรณ์ตรวจวัดอัจฉริยะที่ติดตั้งอยู่ ณ จุดหนึ่ง ๆ ก็มีความสามารถในการประมวลผลบางประการ เช่น บันทึกปริมาณการใช้ก๊าซ ไฟฟ้า หรือน้ำในครัวเรือน และนำข้อมูลที่บันทึกไว้นั้นไปใช้ประโยชน์ จะเห็นได้ว่าสมาร์ทมิเตอร์คืออุปกรณ์ปลายทางหรืออุปกรณ์เอดจ์ที่มีประสิทธิภาพ

การใช้งานลักษณะนี้ในปัจจุบันยังอยู่ในขอบเขตจำกัด แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่สมาร์ทมิเตอร์จะนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้นั้นไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้มากกว่าแค่การคำนวณค่าบริการ สมาร์ทมิเตอร์อาจช่วยให้ค่าธรรมเนียมการใช้ไฟลดลง ทำการปิดอุปกรณ์เมื่อไม่ได้ใช้งาน และแม้แต่เปิดหน้าต่างหากอุณหภูมิในอาคารสูงถึงระดับที่ตั้งไว้

การบริหารจัดการเมืองด้วยระบบอัจฉริยะ

หากพิจารณาตามหลักการดังกล่าวนี้ การใช้เอดจ์คอมพิวติ้งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับภาครัฐในแต่ละท้องถิ่น คือการนำเอดจ์คอมพิวติ้งไปใช้ในการบริหารจัดการเมืองให้มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้นหรือสมาร์ทซิตี้ และในไม่ช้าก็เร็ว สมาร์ทมิเตอร์จะถูกนำไปใช้ในการบริหารจัดการการใช้พลังงานในท้องถิ่นและครัวเรือน และอุปกรณ์เอดจ์ต่าง ๆ จะสามารถใช้บริหารจัดการสถานการณ์หลากหลายด้านของเมือง ๆ หนึ่งได้

เมื่อพิจารณางานที่เกี่ยวกับการจัดการจราจรใจกลางเมือง ผู้ควบคุมเพียงรู้และเข้าใจว่าถนนแต่ละสายมีการจราจรหนาแน่นเพียงใดในเวลาใดเท่านั้น ก็จะสามารถตัดสินใจได้เลยว่าต้องปรับการจราจรบนถนนช่วงใดหรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนระยะเวลาของสัญญาณไฟจราจรช่วงใดบ้าง เพื่อบรรเทาความแออัด แต่หากต้องใช้เวลาส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นกลับไปประมวลผลยังหน่วยงานกลาง ข้อมูลนั้นอาจล้าสมัยไปแล้ว เมื่อมีการสั่งการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ก็ไม่ทันกาลเพราะปัญหาอาจไม่ได้อยู่ ณ จุดเดิมแล้ว อาจย้ายไปอยู่จุดอื่นหรือขยายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น หรือหมดปัญหาไปแล้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม การนำระบบการประมวลผลไปวางไว้ใกล้กับถนนต่าง ๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเสริมระบบการประมวลผลนั้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) อาจทำให้ระบบสัญญาณไฟจราจรสามารถควบคุมการทำงานได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เทคโนโลยี AI/ML สามารถทำความเข้าใจสาเหตุและผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันมาแล้ว และเรียนรู้ว่าเคยแก้ปัญหานั้นอย่างไร ดังนั้นเราสามารถติดตั้งอุปกรณ์เอดจ์ที่มี AI/ML ไว้บนเสาสัญญาณไฟจราจร เพื่อให้ระบบแยกแยะระบุปัญหาที่พบและทำการแก้ไขได้ในเวลาเกือบจะทันทีที่เกิดปัญหานั้น

การใช้เอดจ์คอมพิวติ้งกับงานด้านอื่น ๆ ของภาครัฐ

การนำความสามารถของเอดจ์เทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการด้านการจราจรเป็นเพียงหนึ่งในแนวทางที่ใช้ในการบริหารจัดการเมืองเท่านั้น ตัวอย่างอื่น เช่น การติดตามตรวจสอบระบบปรับสภาวะอากาศ (HVAC) ในอาคารสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นทรัพย์สินของราชการ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่คุ้มค่ามากขึ้น และตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้สาธารณูปโภคของครัวเรือนและธุรกิจ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำ หรือของที่ไม่ต้องการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ เอดจ์คอมพิวติ้งยังมีบทบาทในการวางแผนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เอดจ์ไว้ที่จุดสำคัญต่าง ๆ ที่ภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสตรีมส่งข้อมูลสภาพแวดล้อมหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ในกรณีเกิดแผ่นดินไหว ข้อมูลที่สตรีมมานี้ช่วยให้บริการฉุกเฉินต่าง ๆ ตอบสนองได้เกือบจะทันที ด้วยการส่งทีมบุคลากรฉุกเฉินไปยังสถานที่เกิดเหตุในช่วงเวลาที่ทันต่อสถานการณ์

ศักยภาพของการประมวลผล ณ จุดรับข้อมูลหรือที่เอดจ์ยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ เราสามารถนำข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่บนเสาสัญญาณไฟจราจรในเมืองมาใช้บริหารจัดการการไหลเวียนของการจราจร ด้วยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การจดจำภาพ รวมถึงการปรับช่วงเวลาของสัญญาณไฟจราจรได้เอง

ประโยชน์ของเอดจ์คอมพิวติ้งต่อหน่วยงานรัฐ

เป็นเรื่องปกติที่หน่วยงานรัฐทั่วไปมักมีงบประมาณหรือทรัพยากรที่จำกัด และไม่สามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้ ระบบอัตโนมัติที่ทำงานอยู่ที่เอดจ์ มีขนาดเล็กกว่าดาต้าเซ็นเตอร์ที่หน่วยงานต่าง ๆ ใช้อยู่ในอดีต และนั่นคือการใช้คนเพื่อมาบริหารจัดการเทคโนโลยีน้อยลง ช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นเพื่อทำงานอื่นที่มีคุณค่ากว่าและมีประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น

เทคโนโลยีเอดจ์ยังมีความยืดหยุ่นที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการเก็บ และกำหนดได้ว่าเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตัดสินใจได้ว่าควรเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งใด และอุปกรณ์เอดจ์บางรายการจำเป็นต้องเชื่อมต่อตลอดเวลาหรือไม่

การโยกย้ายการทำงานจากดาต้าเซ็นเตอร์ไปใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง สามารถช่วยให้หน่วยงานรัฐให้บริการได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และคุ้มค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป

ทำความรู้จักการขายคอนโดฯ เลือกขายแบบไหนให้โดนใจผู้บริโภค

DDproperty

ทำความรู้จักการขายคอนโดฯ เลือกขายแบบไหนให้โดนใจผู้บริโภค

เทรนด์ Work from Home และการเว้นระยะห่างทางสังคมมีผลต่อมุมมองผู้บริโภคในการเลือกที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี แม้ตลาดคอนโดมิเนียมไม่ได้เติบโตอย่างหวือหวาในช่วงที่ผ่านมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงเป็นตัวเลือกที่อยู่อาศัยอันดับต้น ๆ ของผู้บริโภค ข้อมูลจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในไทย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ฉบับล่าสุด พบว่า คนไทยส่วนใหญ่ต้องการซื้อคอนโดฯ มาเป็นอันดับสอง (16%) รองจากบ้านเดี่ยว (53%) เนื่องจากสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นนักศึกษาหรือวัยทำงานได้มากกว่า ประกอบกับการที่ผู้ประกอบการหันมาแข่งขันสงครามราคาเพื่อเร่งระบายสินค้าในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ราคาคอนโดฯ อยู่ในราคาที่เอื้อมถึงและคุ้มค่าสำหรับกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) หรือนักลงทุนที่มีความพร้อมทางการเงิน เห็นได้จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุด เผยว่า ดัชนีราคาคอนโดมิเนียมลดลง 3% จากไตรมาสก่อน และลดลงมากถึง 8% ในรอบปีเลยทีเดียว

จากข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ DDproperty.com ทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2564 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่มีการคลายล็อกดาวน์หลังจากมีการระบาดฯ ระลอกล่าสุด พบว่า ความสนใจซื้อคอนโดฯ ภาพรวมในประเทศเพิ่มขึ้น 6% จากเดือนก่อนหน้า ส่วนความสนใจซื้อคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 3% จากเดือนก่อนหน้า โดย 3 ทำเลที่มีความสนใจซื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ บางแค เพิ่มขึ้น 115%, บางพลัด เพิ่มขึ้น 54% และหลักสี่ เพิ่มขึ้น 49% ด้วยความคุ้มค่าจากราคาและโปรโมชั่นที่ร้อนแรงเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคและนักลงทุนที่มีความพร้อมหันมาพิจารณาในการซื้อคอนโดฯ มากขึ้น โดยมีตัวเลือกหลากหลายทั้งโครงการใหม่จากผู้พัฒนาอสังหาฯ หรือการประกาศขายจากผู้ที่มีสินค้าอยู่ในมือ หากผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของคอนโดฯ แต่ไม่ได้อยู่อาศัยเองหรือจองไปแล้วแต่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่พร้อมผ่อนต่อ หรือต้องการแบ่งเบาภาระหนี้อสังหาฯ ด้วยการประกาศขายคอนโดฯ ก็ควรเข้าใจเทคนิคหรือรูปแบบวิธีการขายและความต้องการในตลาดให้ดีเสียก่อน

  • ขายคอนโดฯ อย่างไรให้ปล่อยได้เร็ว
    การซื้อขายคอนโดมิเนียมมี 3 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ การขายใบจอง การขายดาวน์ และการขายโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงระยะเวลาที่ดำเนินธุรกรรม ผู้บริโภคหรือนักลงทุนมือใหม่จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ก้อนโตตามมาในภายหลัง

    • การขายใบจองคอนโดฯ ใบจองคอนโดฯ คือเอกสารยืนยันความสนใจของบุคคลที่มีต่อคอนโดมิเนียม ใบจองจะเป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแสดงว่ายูนิตที่สนใจจะถูกล็อกไว้สำหรับผู้จอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของยูนิตนั้น ๆ หากผู้บริโภคสนใจโครงการใดแล้วควรติดตามประกาศของโครงการเพื่อไม่ให้พลาดการจอง โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในความสนใจของตลาดพร้อมกับโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ซึ่งหากจองไปแล้วเกิดเปลี่ยนใจภายหลังก็สามารถนำใบจองคอนโดฯ มาประกาศขายต่อได้ ถือเป็นการลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นในรูปแบบหนึ่ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่จองคอนโดฯ ไม่ทัน หรือพลาดวันเปิดจองและอยากได้โครงการนั้นจริง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯ ในทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ของผู้บริโภค เช่น ติดรถไฟฟ้า ราคาดี คุ้มค่าแก่การลงทุน จนทำให้ยอมจ่ายส่วนต่างให้กับผู้ขายใบจองคอนโดฯ ซึ่งส่วนนี้จะถือเป็นกำไรที่ผู้ขายจะได้รับ

      อย่างไรก็ดี การขายใบจองเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่น้อย เนื่องจากต้องขายต่อให้ได้ก่อนถึงช่วงผ่อนดาวน์ ผู้ขายใบจองคอนโดฯ จึงควรศึกษาปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้สามารถขายใบจองได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ควรมีเงินสำรองไว้สำหรับการผ่อนดาวน์ 2-3 เดือน ในกรณีที่ยังไม่สามารถขายได้ทันกำหนด ซึ่งนับเป็นต้นทุนที่ต้องคำนวณเพิ่มขึ้นเมื่อประกาศขายเช่นกัน

    • การขายดาวน์คอนโดฯ โครงการส่วนใหญ่มักเปิดขายตั้งแต่ก่อนการก่อสร้างเพื่อระดมทุน ผู้สนใจซื้อสามารถทำสัญญาจองห้องที่ต้องการได้ทันที โดยผ่อนดาวน์ในระหว่างรอการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนดไว้ ซึ่งหากผู้ซื้อกู้ไม่ผ่านหรือสนใจไปซื้อโครงการอื่นแทนก็สามารถขายดาวน์ให้กับผู้อื่นไปผ่อนดาวน์ต่อก่อนถึงเวลาโอนกรรมสิทธิ์ได้ ด้วยการเปลี่ยนสัญญาจะซื้อจะขายกับทางโครงการ ซึ่งบางโครงการอาจมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนสัญญา กรณีเป็นโครงการที่มีศักยภาพและปิดการขายไปแล้ว (Sold Out) แต่ยังมีความต้องการสูงอยู่จะยิ่งมีโอกาสขายได้มากขึ้น

      การขายรูปแบบนี้ผู้ขายสามารถเป็นเจ้าของคอนโดฯ ได้โดยชำระค่าจอง ค่าทำสัญญา และเงินผ่อนดาวน์ในแต่ละเดือน หากคอนโดฯ ที่มีได้รับความนิยมสูงจะสามารถขายต่อได้ราคาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโครงการส่วนใหญ่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับการเปลี่ยนสัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อป้องกันการลงทุนขายดาวน์คอนโดฯ เพื่อเก็งกำไร

    • การขายโอนคอนโดฯ หรือการขายคอนโดฯ มือสอง เกิดขึ้นเมื่อผู้ขายมีกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของคอนโดฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย (แม้ว่ายังต้องผ่อนกับธนาคารอยู่) ข้อดีของการขายคอนโดฯ รูปแบบนี้คือผู้ซื้อจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากได้เห็นห้องชุดของจริง และหากเป็นโครงการที่เป็นที่ต้องการในตลาดก็จะยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับห้องชุดนั้น ๆ นอกจากนี้ การนำเสนอจุดเด่นที่สร้างความแตกต่าง เช่น การตกแต่ง แถมเฟอร์นิเจอร์ ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์หรือค่าส่วนกลาง 1 ปี จะช่วยดึงดูดให้ผู้ซื้อสนใจห้องชุดนั้น ๆ มากขึ้น

      อย่างไรก็ตาม การขายโอนคอนโดฯ จะเสร็จสมบูรณ์ได้เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินหรือราคาขายคอนโดฯ, ค่าอากรแสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3% ของราคาประเมิน, ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามขั้นบันไดจากราคาประเมินและปีที่ถือครอง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าประกัน นอกจากนี้ในระหว่างรอการขาย ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบค่าส่วนกลางและค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ จนกว่าจะขายออก

ศึกษาความต้องการตลาด เพิ่มโอกาสทำกำไรเมื่อคิดขาย
รายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุดเผยว่า จำนวนคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนสูงถึง 87% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงมีการแข่งขันและมีความเสี่ยงสูงสำหรับผู้ขายมือใหม่ที่ไม่ใช่นักลงทุนหรือนายหน้าที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดอสังหาฯ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ขอแนะนำแนวทางในการวางแผนขายคอนโดฯ สำหรับผู้บริโภคที่ไม่สามารถผ่อนคอนโดฯ ต่อได้จากปัญหาสภาพคล่องการเงิน กู้ไม่ผ่าน รวมไปถึงผู้ที่ต้องการเริ่มลงทุนสร้างกำไรจากคอนโดฯ ที่มีอยู่

    • เริ่มต้นวางแผนการขายอย่างรอบคอบ คำนวณต้นทุนให้ครบถ้วน ผู้บริโภคต้องมีเป้าหมายการจองหรือซื้อที่ชัดเจน ศึกษา/ทำความเข้าใจรูปแบบการขายคอนโดฯ แต่ละประเภทก่อนจอง เช่น ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือปล่อยเช่าในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนขาย หรือเน้นการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ต้องคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาการเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนจากการจอง ผ่อนดาวน์คอนโดฯ ราคาสุทธิของคอนโดฯ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ก่อนที่จะตั้งราคาขายคอนโดฯ โดยคำนวณกำไรให้เหมาะสมกับมูลค่าโครงการในตลาด หรือถ้าจำเป็นต้องขายอย่างเร่งด่วน ควรตั้งราคาให้ต่ำแต่ไม่ขาดทุน หรือรอจังหวะที่เหมาะสม หากเป็นการขายโอน เจ้าของห้องชุดควรมีชื่อในทะเบียนบ้านของห้องชุดนั้นอย่างน้อย 1 ปี เพื่อลดภาระในส่วนของภาษีธุรกิจเฉพาะที่จะเป็นต้นทุนเพิ่มเติม

    • ศึกษาความต้องการในตลาด เพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การศึกษาอุปสงค์และอุปทานในตลาดโดยเฉพาะในทำเลของห้องชุดเพื่อนำมาใช้เป็นจุดขาย ช่วยดึงดูดและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น การเลือกซื้อคอนโดฯ ในโครงการที่มีชื่อเสียงและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ขายออกได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการเลือกลงทุนในระดับราคาคอนโดฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดก็จะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นเช่นกัน ข้อมูลจากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index พบว่า เกือบ 1 ใน 4 ของผู้บริโภค (24%) สนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-3 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นความต้องการที่สอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินของผู้บริโภคในช่วงนี้

      นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งโครงการเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่มีผลในการพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ หากผู้ขายเลือกลงทุนในทำเลที่มีความต้องการสูงก็ย่อมเพิ่มโอกาสในการขายที่มากขึ้น โดย 5 ทำเลยอดนิยมน่าลงทุนในกรุงเทพฯ ที่ราคาคอนโดฯ เติบโตมากที่สุดในรอบไตรมาสที่ผ่านมา อันดับ 1 ได้แก่ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน ราคาเพิ่มขึ้นสูงที่สุด 6% จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตามมาด้วยแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ, แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่, แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ราคาเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเท่ากันที่ 5% และแขวงลาดยาว เขตจตุจักร มีราคาคอนโดฯ เพิ่มขึ้น 4%
DDproperty
    • อยากเก็งกำไรแบบไม่ขาดทุน ต้องเลือกขายให้ถูกประเภท หากต้องการลงทุนกับคอนโดฯ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น วิธีการขายใบจองและขายดาวน์คอนโดฯ ก่อนจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้ขายไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุน แต่ผู้ขายต้องศึกษาอุปสงค์และอุปทานในตลาดพร้อมทั้งจองยูนิตที่น่าสนใจให้ทัน ซึ่งมักจะมีความต้องการในตลาดรองรับอยู่แล้ว ในกรณีที่เจ้าของห้องชุดต้องการเก็งกำไรระยะยาว แนะนำให้ขายโอน โดยรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อขายอีกครั้ง เนื่องจากมูลค่าของคอนโดฯ มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตาม การประกาศขายในช่วงนี้อาจไม่ใช่เวลาที่ดีนัก เพราะนอกจากสงครามราคาที่ดุเดือดจากผู้พัฒนาอสังหาฯ แล้ว สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอาจทำให้ผู้ขายไม่ได้กำไรตามที่ตั้งเป้าไว้ จึงควรชะลอการขายออกไปก่อน ซึ่งผู้ขายต้องมีความพร้อมทางการเงินและความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนพอสมควร

การขายคอนโดฯ แต่ละรูปแบบล้วนมีความแตกต่างและเป็นโอกาสในการทำกำไรได้ เจ้าของคอนโดฯ จึงควรทำความเข้าใจเพื่อเสริมความรู้ประกอบการตัดสินใจหากต้องขายคอนโดฯ ในอนาคต ในขณะเดียวกัน ผู้ขายและนักลงทุนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนคอนโดฯ ให้รอบคอบ โดยประเมินความพร้อมทางการเงินและโอกาสในตลาดควบคู่กันไป เนื่องจากทุกการลงทุนล้วนมีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ ปัจจุบันการค้นหาที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยเชื่อมต่อความต้องการของผู้ขายและผู้ซื้อให้มาบรรจบกันได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวกและลดข้อจำกัดด้านการเดินทาง เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com) ได้รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/เช่าอสังหาฯ ที่น่าสนใจทั้งโครงการใหม่และมือสองในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอความรู้ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ในการซื้อ/ขาย/เช่า เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกคนสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด

ทรูมันนี่แนะ ‘3 สเต็ป’ เสริม ‘สติ’ เกราะป้องกันไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งลวงให้กู้

TrueMoney

ทรูมันนี่แนะ '3 สเต็ป' เสริม ‘สติ’ เกราะป้องกันไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งลวงให้กู้

ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็นหนี้ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ที่เคยมีก็หดหาย และภาวะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง ธปท. เผยไตรมาส 2 ปี 2564 คนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 14.27 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 89.3% ต่อ GDP ส่งผลให้ความต้องการ “สินเชื่อเงินด่วน” เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะ “สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล” ที่ได้กลายเป็นช่องทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มอบความสะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่าย และมีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยช่วงมิถุนายนที่ผ่านมามีลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลทั่วประเทศกว่า 2 แสนราย และมียอดปล่อยสินเชื่อกว่า 2 พันล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการด้านสินเชื่อออนไลน์และพัฒนาการของนวัตกรรมทางการเงินที่ก้าวล้ำ

เมื่อธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลเติบโตก้าวกระโดดไปสู่ยุค Cashless Lending เหล่าแก๊งมิจฉาชีพก็ปรับตัวตามเช่นกัน ปัจจุบันมีการล่อลวงออนไลน์มากมายหลายรูปแบบ แต่ที่กำลังระบาดที่มีให้เห็นบ่อยในตอนนี้คือการหลอกให้กู้เงิน ข้อมูลจาก บช.สอท. เผยว่าช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบเรื่องร้องเรียนกว่า 700 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยแก๊งเหล่านี้จะใช้กลวิธีล่อลวงผู้บริโภคในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ส่ง SMS พร้อมแนบลิงค์ปลอมให้คลิก โทรมาหว่านล้อมและเสนอเงินกู้พร้อมล้วงเอาข้อมูลส่วนบุคคล หรือปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชั่นให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล และหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมหรือชำระดอกเบี้ยเงินกู้ก่อนที่จะได้เงินต้น

true money

ด้วยความห่วงใย ทรูมันนี่ ในฐานะผู้ให้บริการฟินเทคชั้นนำในประเทศไทย ขอนำเสนอ ‘3 สเต็ป’ เสริมเกราะป้องกัน ‘สติ’ ให้ผู้ใช้อีวอลเล็ทไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งลวงให้กู้ ดังนี้

สเต็ป 1 – พิสูจน์ตัวตนผู้ให้กู้ และเช็คให้มั่นใจว่าใช่จริง
ปัจจุบันเราสามารถเช็ครายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อต่าง ๆ ที่ได้รับการอนุญาตให้ประกอบกิจการอย่างเป็นทางการได้ที่เว็บไซต์ของ ธปท. ซึ่งรวบรวมรายชื่อบริษัทฯ ที่ให้บริการด้านสินเชื่อไว้อย่างครบครัน อาทิ รายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อที่เป็นแบงก์และนอนแบงก์, รายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และรายชื่อผู้ให้บริการระบบ Peer to Peer Lending Platform ซึ่งมีรวมกันกว่า 200 ราย แต่เห็นแค่ชื่อแล้วก็ยังวางใจเต็มร้อยไม่ได้ เพราะก็มีมิจฉาชีพที่ใช้วิธีลอกเลียนแบบโลโก้ ไปเปิดเว็บไซต์ หรือห้องแชตต่างๆ เพื่อล่อลวงเช่นกัน ดังนั้น ถ้าอยากให้ชัวร์ เมื่อสนใจบริการควรติดต่อผู้ให้บริการนั้น ๆ ผ่านช่องทางที่เป็นทางการเช่นในแอปฯ หรือฝ่ายบริการลูกค้าที่ได้รายละเอียดจาก Official website จะดีที่สุด

สเต็ป 2 – มีสติ เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล อย่ารีบตัดสินใจ
เปรียบเทียบรายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วน และระวังว่าเวลา “กิเลส” และ “ความจำเป็น” มันมาคู่กันมักจะทำให้ขาดการวิเคราะห์ แยกแยะ จนตกเป็นเหยื่อได้โดยไม่ทันระวัง ดังนั้น หากรู้สึกมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่การให้โอนเงินก่อนเป็นค่าธรรมเนียมในการขอกู้เงินหรือค่าดอกเบี้ยก่อนได้รับเงินต้น หรือการเสนอดอกเบี้ยที่แพงเกินกฎหมายกำหนด ไปจนถึงการขอเอกสารข้อมูลส่วนตัวที่มากมายเกินความจำเป็น ต้องตั้งสติให้ดี และอย่ารีบตัดสินใจ เพราะเหยื่อหลายคนหลงโอน แต่เมื่อรู้ว่าไม่ได้เงินต้นสักบาทก็สายไปแล้ว และบัญชีที่โอนเงินไปก็ตามตัวไม่ได้ เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้มักหลอกให้คนอื่นเปิดบัญชีมาให้อีกทอดหนึ่ง โดยการใช้ค่าตอบแทนล่อเพื่อนำมาใช้ในทางทุจริตและให้สาวถึงตัวไม่ได้

สเต็ป 3 – ต้องขอความช่วยเหลือให้เร็ว อย่ารอจนผู้ร้ายลอยนวล
บางคนที่โชคร้ายตกเป็นเหยื่อแก๊งให้กู้เงิน นอกจากจะสูญเสียเงินก้อนแล้วไม่ได้เงินกู้ หรือต้องเสียสุขภาพจิตจากการโดนก่อกวนในรูปแบบต่าง ๆ ตอนถูกทวงหนี้มหาโหด ดังนั้นเมื่อเรารู้สึกแคลงใจกับเว็บไซต์หรือแอปฯ ที่หลอกกู้เงิน ขอให้รีบติดต่อหรือปรึกษากับผู้ให้บริการหรือบริษัทฯ ต้นทางเพื่อสอบถามทันที และเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกโดยมิจฉาชีพ ให้รีบแจ้งความกับตำรวจท้องที่ หรือร้องศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือคลิกดูข้อแนะนำเมื่อถูกมิจฉาชีพล่อลวงให้โอนเงินจากทรูมันนี่

สุดท้ายนี้ ทรูมันนี่ ขอย้ำเตือนให้ผู้ใช้ระมัดระวังผู้แอบอ้างหลอกให้บริการสินเชื่อ โดยใช้ชื่อ ทรูมันนี่ หรือ แอสเซนด์ นาโน และขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายขอให้ลูกค้าโอนเงินค่าธรรมเนียมใด ๆ เพื่อสมัครสินเชื่อทุกประเภท รวมถึงการขอหมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัส OTP หากลูกค้าท่านใดพบการกระทำดังกล่าวที่แอบอ้างตราสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้าหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับชื่อแบรนด์ TrueMoney โปรดแจ้งได้ที่ Call Center เบอร์ 1240 บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและดำเนินตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

 

Truemoney