How to เริ่มต้นวางแผนซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างไรให้มั่นใจยุคดอกเบี้ยสูง

How to เริ่มต้นวางแผนซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างไรให้มั่นใจยุคดอกเบี้ยสูง

How to เริ่มต้นวางแผนซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างไรให้มั่นใจยุคดอกเบี้ยสูง

การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในชีวิตของผู้บริโภคหลายคน ซึ่งการจะเริ่มมีบ้านเป็นของตัวเองนั้นมาพร้อมรายละเอียดมากมาย ต่างจากการซื้อขายสินค้าประเภทอื่น ๆ ดังนั้น ผู้ที่กำลังวางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมให้ทุกขั้นตอนเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด 

5 สเต็ปน่ารู้ มือใหม่เริ่มวางแผนซื้อบ้านอย่างไรให้มั่นใจ ไร้กังวล

แม้หลายคนจะมองว่าการซื้อที่อยู่อาศัยในเวลานี้ต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควรชะลอแผนซื้อบ้านไว้ก่อน แต่ขณะเดียวกัน ด้านผู้พัฒนาอสังหาฯ ก็ได้จับมือกับธนาคาร/สถาบันการเงินนำเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้นและลดความกังวลเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียมในเวลานี้

ดังนั้น หัวใจสำคัญของการซื้อที่อยู่อาศัยในเวลานี้จึงอยู่ที่การวางแผนให้ละเอียดและรอบคอบ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย แนะแนวทางเตรียมพร้อมวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยให้อุ่นใจ เพื่อให้คนหาบ้านมือใหม่ได้ศึกษาทำความเข้าใจ คลายความกังวล และเริ่มต้นเส้นทางการเป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น 

  1. วาดสเปกบ้านในฝัน โฟกัสคนในครอบครัว ผู้บริโภคควรเริ่มจากการมองหาและเลือกสไตล์บ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่ชื่นชอบไว้ก่อน พร้อมทั้งกำหนดงบประมาณที่สอดคล้องกับสถานะทางการเงิน จากนั้นจึงระบุฟังก์ชั่นใช้งาน พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้องที่ต้องการ โดยอ้างอิงจากไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัยจริงของสมาชิกในครอบครัว เพื่อทำเป็นเช็กลิสต์ (Check List) รวบรวมรายการที่จำเป็นไว้เปรียบเทียบข้อมูลของโครงการต่าง ๆ นอกจากนี้ การหาความรู้เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยให้เลือกโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากขึ้น และมีประโยชน์หากต้องการต่อเติมบ้านในอนาคต

  2. ใช้มาร์เก็ตเพลสช่วยค้นหาได้ง่ายขึ้น ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด เผยว่า เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสถือเป็นเทคโนโลยีที่ผู้บริโภคนิยมใช้ในการค้นหาที่อยู่อาศัยมากที่สุดถึง 65% ดังนั้น การเลือกค้นหาโครงการบ้าน/คอนโดฯ จากเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง www.DDproperty.com จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและช่วยประหยัดเวลาสำหรับการซื้อบ้านยุคดิจิทัลนี้ ทำให้การค้นหาโครงการที่ใช่เป็นเรื่องง่าย ลดขั้นตอนที่ผู้บริโภคต้องจับคู่บ้านในฝันกับโครงการในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี

    โดยข้อดีของเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสคือจะรวบรวมข้อมูลประกาศขายและเช่าโครงการบ้าน/คอนโดฯ ที่น่าสนใจไว้มากมายทั้งจากผู้พัฒนาอสังหาฯ และเอเจนต์ที่ได้รับการยืนยันตัวตน (Agent Verification) 

    เมื่อผู้บริโภคได้โครงการที่สนใจแล้ว ให้เริ่มนัดหมายเข้าชมโครงการจริง เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษกับพนักงานขายหรือเอเจนต์ รวมทั้งสำรวจคุณภาพการก่อสร้างและพื้นที่ชุมชนรอบโครงการ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาเปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อยตามเช็กลิสต์และคัดเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์มากที่สุด

  3. จองโครงการที่ใช่ เลือกยูนิตที่ชอบ พร้อมทำสัญญา ติดต่อพนักงานขายหรือเอเจนต์เพื่อทำการจองยูนิตที่ต้องการ หากเป็นโครงการเสร็จพร้อมอยู่ ผู้ซื้อจะสามารถจองแล้วทำสัญญาได้เลยในกรณีที่พร้อมจ่ายเงินสด หรืออาจมีการนัดเข้ามาทำสัญญาภายหลังสำหรับผู้ที่ต้องยื่นกู้สินเชื่อบ้าน ส่วนกรณีที่จองโครงการใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ทางโครงการจะนัดให้เข้ามาทำ “สัญญาจะซื้อจะขาย” เมื่อโครงการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 80-90% หรือเมื่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่

    โดยสัญญาจะซื้อจะขายถือเป็นการแสดงเจตนาร่วมกันระหว่างผู้ซื้อว่า ต้องการจะซื้ออสังหาฯ ของผู้จะขาย และวางเงินมัดจำไว้เป็นหลักประกันว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกันอย่างแน่นอน พร้อมทั้งระบุช่วงเวลาที่จะเกิดการโอนกรรมสิทธิ์อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ถือเป็นการแสดงเจตนาของผู้ขายที่จะไม่ขายอสังหาฯ นั้นให้บุคคลอื่นในช่วงเวลาที่กำหนดในสัญญาฯ เช่นกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาจะต้องรับผิดชอบตามตามกฎหมายและเงื่อนไขที่ระบุไว้

    โดยผู้ซื้อต้องตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาจะซื้อจะขายให้ถี่ถ้วน ทั้งในส่วนรายละเอียดคู่สัญญา รายละเอียดของอสังหาฯ ที่ต้องการซื้อ จำนวนเงินมัดจำและราคาขาย โดยในสัญญาต้องกำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์และระบุค่าใช้จ่ายที่แต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบ รวมทั้งเงื่อนไขในกรณีที่มีการผิดสัญญา

    เมื่อถึงเวลาที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีความพร้อมตามเงื่อนไขในสัญญา และครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการทำ “สัญญาซื้อขาย” โดยทั้งสองฝ่ายต้องไปทำสัญญาต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่ที่ซื้อขายอสังหาฯ นั้น เพื่อโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ ให้ตกเป็นของผู้ซื้อตามกฎหมาย 

  4. ทำความเข้าใจอัตราดอกเบี้ยก่อนตัดสินใจกู้ การหาข้อมูลและทำความเข้าใจอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะช่วยให้ผู้กู้สามารถเลือกแคมเปญที่สอดคล้องกับแผนทางการเงินได้ดีขึ้น โดยแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
    • อัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดมาแล้ว ณ เวลาที่ทำสินเชื่อ แต่มีเงื่อนไขให้สถาบันการเงินสามารถปรับเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่องในระบบการเงินหรือต้นทุนการเงินของธนาคาร โดยไม่มีข้อกำหนดว่าจะปรับเมื่อไรและปรับปีละกี่ครั้ง ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้จะส่งผลกระทบต่อจำนวนที่ผู้กู้ต้องชำระต่องวดได้

      โดยอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวจะอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ระยะยาวสำหรับลูกหนี้ชั้นดีซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสุด หรือ MLR (Minimum Loan Rate) โดยจะเป็นค่าบวกหรือลบจาก MLR ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้มีข้อดีในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง จะทำให้ยอดชำระเงินกู้รายงวดลดลงตามไปด้วย แม้ในความเป็นจริงจะชำระเงินเท่าเดิม แต่จะมีเงินส่วนเกินไปลดเงินต้นได้มากขึ้น
      • อัตราดอกเบี้ยคงที่ มีข้อดีคือหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จะทำให้ผู้กู้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มตามไปด้วย แต่หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง จำนวนดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องจ่ายจะไม่ลดลงตามไปด้วย ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าที่ควรจะเป็น โดยแบ่งย่อยออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
      • อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุสินเชื่อ จะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ซึ่งกำหนดมาแบบตายตัว ส่วนมากจะยึดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของสถาบันการเงิน ณ ช่วงเวลาที่กู้ โดยจะยึดอัตราดอกเบี้ยนี้เอาไว้ตั้งต้นจนสิ้นสุดอายุสินเชื่อ ทำให้จำนวนเงินที่ชำระต่องวดในแต่ละเดือนคงที่
        • อัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วงต้นเท่านั้น จะกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยคงที่เฉพาะระยะแรกของอายุสินเชื่อเท่านั้น เช่น 1-5 ปีแรก หลังจากพ้นช่วงเวลาดังกล่าวคือตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยจะปรับเป็นแบบลอยตัว  
        • อัตราดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันไดในช่วงต้น จะกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วงแรกของอายุสินเชื่อ โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ตายตัวเป็นช่วง ๆ เหมือนขั้นบันได เช่น อัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 1-5 ปีแรก โดยปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 3% ส่วนปีที่ 3-4 อัตราดอกเบี้ย 3.5% เป็นต้น และตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไปจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลอยตัว 
      • อัตราดอกเบี้ยปรับคงที่ตามรอบเวลา จะมีการกำหนดรอบเวลาที่แน่นอนในการปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ โดยการปรับแต่ละครั้งจะอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และต้นทุนพันธบัตร คำนึงถึงสภาวะการเงิน ณ ขณะนั้น และต้นทุนการเงินของสถาบันการเงิน เช่น กำหนดให้รอบเวลาเท่ากับ 5 ปี ทุก ๆ 5 ปี จะต้องมีการปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ โดยในช่วงเวลาของแต่ละรอบจะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ข้อดีคือลดความเสี่ยงจากความผันผวนของดอกเบี้ยในระยะเวลาสั้น ๆ ตามรอบการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ส่วนข้อเสียคือเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก็อาจต้องเพิ่มจำนวนเงินที่ชำระต่องว
      • อัตราดอกเบี้ยแบบผสม มีอัตราดอกเบี้ยพร้อมเงื่อนไขอื่น ๆ ที่สถาบันการเงินผสมเข้ามากับอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งนอกจากจะมีการปล่อยอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลอยตัวเมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบุแล้ว บางธนาคารจะมีการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ดอกเบี้ยลอยตัวสูงกว่าเกณฑ์ขั้นสูงที่กำหนดเอาไว้ โดยสินเชื่อประเภทนี้มักจะกำหนดดอกเบี้ยคงที่ในระยะแรกเอาไว้ต่ำเพื่อดึงดูดใจผู้ขอสินเชื่อ ถ้าหากผู้ขอสินเชื่อชำระหนี้ได้ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยต่ำก็จะสามารถลดยอดหนี้เงินต้นได้อย่างรวดเร็ว แต่หากพ้นช่วงนั้นแล้ว ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

5. เตรียมเอกสารให้พร้อม ติดต่อธนาคารเพื่อยื่นกู้ หลังจากได้โปรโมชั่นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่พึงพอใจแล้ว ให้ติดต่อธนาคารเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับวงเงินกู้ที่ได้รับ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลากู้สูงสุด จำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่องวด รวมไปถึงเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมจำนองหลักประกัน ค่าประกันภัยอัคคีภัย หรือจำเป็นต้องทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MRTA) เพื่อรับดอกเบี้ยพิเศษหรือไม่ เป็นต้น เมื่อได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่เพียงพอแล้ว ให้ผู้กู้เตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมตามที่ธนาคารกำหนด  

เมื่อจบกระบวนการพิจารณาสินเชื่อแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อแจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อให้ทราบอีกครั้ง หากได้รับอนุมัติเงินกู้ ผู้กู้ต้องนัดหมายกับเจ้าหน้าที่เพื่อลงนามในสัญญากู้เงินและสัญญาจำนอง พร้อมทั้งนัดวันทำนิติกรรมจำนองที่สำนักงานที่ดิน โอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองที่ดิน เมื่อเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนแล้ว ธนาคารจะให้เงินแบบแคชเชียร์เช็คเพื่อให้ผู้กู้นำไปจ่ายเงินให้โครงการ และเริ่มผ่อนจ่ายให้แก่ธนาคารทุกเดือนต่อไป

เคล็ด (ไม่) ลับ เตรียมพร้อมซื้อบ้านยุคดอกเบี้ยสูงอย่างไรให้มีชัยไปกว่าครึ่ง

แม้สภาพเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงจะสร้างความลังเลใจให้คนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐและโปรโมชั่นพิเศษจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น เป็นโอกาสอันดีในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินหรือมีเงินเก็บเพียงพอ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำแนวทางเตรียมความพร้อมเมื่อต้องซื้อบ้าน/คอนโดฯ ในยุคดอกเบี้ยสูง วิธีไหนที่จะช่วยให้ซื้อได้อย่างคุ้มค่า ปูทางไปสู่การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น 

  • ประเมินความพร้อมทางการเงินให้แน่ใจ สิ่งสำคัญในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ คือผู้บริโภคต้องวางแผนทางการเงินให้มั่นคงเสียก่อน โดยสร้างวินัยทางการเงินให้ดีตั้งแต่เริ่มต้น ควรเริ่มทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เป็นระบบ เก็บออมเงินเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์และเงินสำรองฉุกเฉิน พยายามปิดหนี้ที่มีให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งจะทำให้ทราบความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือนของตนเองได้ และนำมาคำนวณวงเงินกู้สูงสุดที่คาดว่าจะได้รับ ทั้งนี้ ผู้กู้ควรมีรายจ่ายไม่เกิน 40% ของรายได้ และลองซ้อมผ่อนบ้าน/คอนโดฯ โดยหักเงินตามจำนวนที่ใช้ผ่อนจริงเป็นระยะเวลา 3-6 เดือนติดต่อกัน จะช่วยให้สามารถประเมินความพร้อมทางการเงินเบื้องต้นได้ว่าควรซื้อบ้านในเวลานี้จริงหรือไม่

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถทำ “Pre-approve สินเชื่อบ้าน” หรือการยื่นประเมินสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเบื้องต้นกับธนาคาร เพื่อขอตรวจสอบสถานภาพทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะพิจารณาจากราคาขายบ้าน/คอนโดฯ ที่ผู้ขอสินเชื่อแจ้งไว้ ประกอบกับรายได้-รายจ่าย รวมทั้งเครดิตหรือความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ เช่น ประวัติทางการเงินกับเครดิตบูโร หากทำ Pre-approve ผ่าน หมายความว่าผู้บริโภคมีโอกาสที่จะขอสินเชื่อผ่านสูง แต่ถ้าผลไม่ผ่านก็ยังไม่ควรที่จะซื้อในเวลานี้ เพราะหากยื่นกู้จริงไม่ผ่าน จะได้ไม่เสียเงินจอง เงินดาวน์ หรือเสียค่าปรับเมื่อผิดสัญญากับโครงการ 

  • คำนวณหาดอกเบี้ยที่คุ้มค่าในระยะยาว สำหรับเคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อ หากเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ควรเลือกในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งสามารถติดตามได้จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ จะทำให้ยอดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระลดลงตามไปด้วย แต่หากอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ผู้กู้ควรเลือกสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี แม้ค่าเฉลี่ย 3 ปีจะสูงกว่าแบบลอยตัว แต่จะช่วยลดความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อาจปรับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นได้ 

วิธีเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดคือการนำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัวมาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อ โดยปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ผู้กู้ควรพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 3 ปีแรกเป็นหลักว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้วจึงยื่นเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) หรือดำเนินการรีไฟแนนซ์ (Refinance) กับธนาคารใหม่ วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดเงินค่าดอกเบี้ยได้มากขึ้น 

  • เลือกโครงการสร้างเสร็จในต้นทุนเดิม ในช่วงที่ผ่านมาผู้พัฒนาอสังหาฯ จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาที่อยู่อาศัยเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นรอบด้าน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีหลายโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างด้วยต้นทุนเดิมและยังไม่ได้ปรับราคาขาย จึงถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย เนื่องจะได้รับบ้าน/คอนโดฯ ที่มีมาตรฐานการก่อสร้างและคุณภาพที่ดีในราคาที่ย่อมเยากว่าการซื้อโครงการที่เพิ่งเปิดตัว ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการบางส่วนหันมาเน้นระบายสต็อกสินค้าคงค้างเพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ จึงมีการจัดโปรโมชั่น/แคมเปญการตลาดที่น่าสนใจออกมากระตุ้นการขายมากขึ้นเช่นกัน
  • เพิ่มความคุ้มค่าด้วยมาตรการจากภาครัฐ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในปี 2567 ถือเป็นโอกาสอันดีของกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ในการพิจารณาเลือกซื้อโครงการที่ตรงตามเงื่อนไขมาตรการภาครัฐ เพื่อช่วยให้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ดังนี้
    • มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาฯ จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567
    • โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี
    • โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life โดย ธอส. อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี วงเงินต่อรายตั้งแต่ 2,500,000 บาทขึ้นไป
    • โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน โดยธนาคารออมสิน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 7,000,000 บาทต่อราย
  • ได้บ้าน/คอนโดฯ ตรงปกเมื่อซื้อโครงการพร้อมอยู่ การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อ เนื่องจากจะได้เห็นสภาพที่อยู่อาศัยจริง สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทันที และพร้อมเข้าอยู่แน่นอน นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังเลือกขอสินเชื่อธนาคารในแคมเปญที่สนใจในเวลานั้นได้ทันที ไม่ต้องรอเหมือนการซื้อโครงการที่กำลังก่อสร้างซึ่งอัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนไปจากที่คาดการณ์ไว้ได้ 

อีกหนึ่งข้อควรพิจารณาคือเมื่อผู้ซื้อวางเงินจองและเงินดาวน์ให้กับโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ อาจต้องเผชิญความเสี่ยงจากการที่โครงการก่อสร้างล่าช้าหรือถูกระงับการก่อสร้างหากไม่ผ่านการอนุมัติรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment Report) เนื่องจากบางโครงการอาจเปิดขายไปด้วยในระหว่างที่ยื่นขอ EIA ซึ่งกลายเป็นความเสี่ยงที่กระทบต่อผู้ซื้อในภายหลังได้

นอกจากนี้ การเลือกซื้อโครงการพร้อมอยู่จะมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจให้ผู้ซื้อเห็นภาพการอยู่อาศัยในอนาคตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือจะได้รับโปรโมชั่นที่คุ้มค่าทั้งจากผู้ประกอบการเองหรือการร่วมมือกับธนาคารมอบโปรโมชั่นสินเชื่อและจัดแคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์คนหาบ้าน ซึ่งทางฝั่งของดีดีพร็อพเพอร์ตี้เองก็ได้ปล่อยแคมเปญล่าสุด อย่าง “H.O.M.E. Campaign” แคมเปญที่ร่วมมือกับดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำของไทย นำร่องโดย บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) ยกทัพบ้าน/คอนโดฯ คุณภาพในทำเลศักยภาพที่ไม่ควรพลาด มาให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของพร้อมเลือกรับของขวัญต้อนรับบ้านใหม่ได้ตามใจ 1 รางวัล ดังนี้

  1. Home: รับบัตรกำนัลมูลค่า 30,000 บาทจาก NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ ให้คุณช็อปปิ้งเพื่อตกแต่งบ้านในสไตล์ที่ใช่ได้ด้วยตนเอง
  2. Organise: ฟรี! รับค่าส่วนกลาง เพิ่มอีก 1 ปี (มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท)
  3. Manage: ฟรี! บริการเอเจนต์จากดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ช่วยให้คุณหาผู้เช่าได้ง่ายขึ้น (จ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ มูลค่าไม่เกิน 30,000 บาท)
  4. Experience: ฟรี! รับคำแนะนำการจัดฮวงจุ้ยบ้าน/คอนโดฯ สุด Exclusive จากอาจารย์ฮวงจุ้ยชั้นนำของไทย (มูลค่าไม่เกิน 30,000 บาท)

ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในฝันพร้อมรับความพิเศษสุดคุ้มเหล่านี้ได้ง่าย ๆ เพียงลงทะเบียนซื้อบ้าน/คอนโดฯ ที่เข้าร่วมแคมเปญและโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 31 ส.ค. 2567 สำหรับโครงการของบริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และภายในวันที่ 30 พ.ย. 2567 สำหรับโครงการของบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) เท่านั้น! สิทธิพิเศษนี้มีจำนวนจำกัด ดูรายละเอียดและโครงการที่เข้าร่วมได้ทาง https://homecampaign.ddproperty.com หรือสังเกตโครงการที่มีริบบิ้น H.O.M.E. สีแดง บนเว็บไซต์ DDproperty.com

 

The International Olympic Committee to Deploy Alibaba Cloud’s Energy Expert to Optimize Power Consumption at Future Olympic Games across all 35 Paris 2024 Competition Venues

IOC ใช้ Energy Expert ของ Alibaba Cloud เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสถานที่จัดการแข่งขัน 35 แห่ง ณ Olympic Games Paris 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น

The International Olympic Committee to Deploy Alibaba Cloud’s Energy Expert to Optimize Power Consumption at Future Olympic Games across all 35 Paris 2024 Competition Venues

AI-powered features to provide forecasts and recommendations to future hosting citie

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, today announced that the International Olympic Committee (IOC) will deploy its data-driven sustainability solution – Energy Expert – to help measure and analyze the electricity consumption at the competition venues of the forthcoming Olympic Games Paris 2024 (“Paris 2024”). By migrating the intelligence related to the power consumption and demand of the competition venues to the cloud-based platform for the first time, the solution aims to enable more accurate analysis and better-informed power consumption planning for future Olympic Games. 

The deployment of Energy Expert will be applied to all 35 competition venues during Paris 2024. With this solution, the IOC will be able to consolidate all energy-related data during the Olympics and Paralympics – such as electricity consumption, power demand contingency, venue capacity, competition-related information and onsite weather conditions – into one easy to understand dashboard for a user-friendly experience.

Based on the integrated cloud-based intelligence and thanks to the deep-learning based AI models from Alibaba Cloud, Energy Expert aims to provide more accurate analysis to produce venue specific forecasts and recommendations such as power demand optimization to minimize power wastage.

“Sustainability is one of the three pillars of Olympic Agenda 2020+5 alongside credibility and youth. With Energy Expert, we can now forecast our energy related impacts well into the future and accurately measure our progress,” said llario Corna, Chief Information and Technology Officer at the International Olympic Committee (IOC). “Electricity consumption is a large contributor to the Olympic Games’ carbon emissions. The data-driven insight produced by Energy Expert will help us learn from each Games edition, and apply that knowledge intelligently to make future events even more energy efficient.”

In addition, real-time electricity consumption at the level of operational spaces on-venue will be gathered from a selection of competition venues with 100 smart electric meters installed to gather more comprehensive datasets. For example, real-time electricity consumption from various operational spaces on-venue, including the playing fields, broadcast and media working areas, technology operational spaces and specific equipment, food and beverage equipment and a host of other temporary operational areas and equipment. Datasets collected will vary, taking into account temperature conditions and real-time occupancy of the areas at different times of the day. Collection of these detailed datasets will enable a more accurate context for Organising Committees for the Olympic Games (OCOGs) when referring to the energy consumption data from the Paris Games.

To support OCOGs in undertaking a more comprehensive analysis of Games energy consumption trends, electricity data from previous Games, including the Olympic Games London 2012, Olympic Winter Games PyeongChang 2018 and Olympic Games Tokyo 2020, will also be available for analysis within Energy Expert.

“Energy Expert will further prove its value in the most high-profile and challenging arena of all the fast-paced and highly competitive world of international sports. The insights Energy Expert delivers, will form part of the solution to assist the IOC and future Games to be more sustainable,” said William Xiong, Vice President of Alibaba Cloud Intelligence and General Manager for International Industry Solutions.

Outside the competition venues, Energy Expert’s AI-driven recommendations have been applied to help Alibaba itself to optimize the energy consumption and minimize carbon emission at its temporary exhibition venues during Paris 2024. For example, at the Alibaba Wonder Avenue in the Avenue des Champs-Élysées, sustainable wooden materials and recyclable steel will be used for the main structure of the venue in order to cut the carbon footprint. The semi-open design of the space has also contributed to optimizing the energy consumption and minimizing carbon emissions, primarily by leveraging the natural lighting and ventilation.

Introduced in June 2022, Energy Expert’s first application at a sports event was in 2023 at the first Olympic Esports Week in Singapore. The solution was trialed for the purpose of measuring and analyzing carbon emissions from temporary constructions built to host the Olympic Esports Week, in order to generate data-driven insights on the choice of materials and equipment used at the event. A series of metrics – including the impact of energy consumption, waste management, signage and decoration – were assessed, enabling the comparison of the relative impacts of several types of materials and equipment used at the event.

Beyond the sports environments and applications, Energy Expert also helps over 3,000 customers worldwide measure, analyze and manage the carbon emissions of their business activities and products. The solution also provides actionable insights and energy saving recommendations to help customers accelerate their sustainability journeys.

IOC ใช้ Energy Expert ของ Alibaba Cloud เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสถานที่จัดการแข่งขัน 35 แห่ง ณ Olympic Games Paris 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น

IOC ใช้ Energy Expert ของ Alibaba Cloud เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสถานที่จัดการแข่งขัน 35 แห่ง ณ Olympic Games Paris 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น

IOC ใช้ Energy Expert ของ Alibaba Cloud เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสถานที่จัดการแข่งขัน 35 แห่ง ณ Olympic Games Paris 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ฟีเจอร์ที่ใช้ศักยภาพของ AI จะแสดงผลการคาดการณ์ และให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าภาพการแข่งขันครั้งต่อ ๆ ไป

อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศว่า คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) จะนำ Energy Expert ซึ่งเป็นโซลูชันของบริษัทฯ ด้านความยั่งยืนและขับเคลื่อนการทำงานด้วยข้อมูล ไปใช้วัดและวิเคราะห์การใช้ไฟฟ้า ณ สถานที่จัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปารีส (Paris 2024) ที่จะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนกรกฎาคมต่อถึงเดือนสิงหาคมปีนี้  นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำข้อมูลเชิงลึกด้านการใช้พลังงาน และข้อมูลของสถานที่จัดการแข่งขันต่าง ๆ เข้าสู่ระบบคลาวด์ เพื่อทำการวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และเป็นข้อมูลเพื่อใช้วางแผนการใช้พลังงานของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จะมีการนำ โซลูชัน Energy Expert ไปใช้ในสถานที่จัดการแข่งขัน 35 แห่งใน Paris 2024 ซึ่งจะช่วยให้ IOC สามารถรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก และ พาราลิมปิก เช่น ข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ความต้องการพลังงานฉุกเฉิน ศักยภาพของสถานที่ ข้อมูลที่เกี่ยวกับการแข่งขัน รวมถึงสภาพอากาศในแต่ละวันของการแข่งขัน ไว้บนแดชบอร์ดที่เข้าใจง่ายเพื่อผู้เกี่ยวข้องได้รับประสบการณ์การใช้งานที่เรียบง่าย

Energy Expert ซึ่งมีความชาญฉลาดบูรณาการอยู่บนคลาวด์ บวกกับโมเดล deep-learning based AI จาก Alibaba Cloud นี้ ตั้งเป้าหมายทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้ข้อมูลคาดการณ์ของสถานที่ต่าง ๆ อย่างเจาะจง และให้คำแนะนำต่าง ๆ เช่น การปรับความต้องการด้านพลังงานให้เหมาะสม เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุด

llario Corna, Chief Information and Technology Officer ของ IOC ระบุว่า “ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของ Olympic Agenda 2020+5 ควบคู่กับ ความน่าเชื่อถือ (credibility) และการส่งเสริมเยาวชน (youth) Energy Expert ช่วยให้เราคาดการณ์การใช้พลังงานในปัจจุบันได้ดี และส่งผลไปยังการแข่งขันในอนาคต รวมถึง การวัดผลความก้าวหน้าของกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ การใช้ไฟฟ้ามีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ได้จาก Energy Expert จะช่วยให้เราได้เรียนรู้จากการแข่งขันแต่ละครั้ง และนำความรู้อันชาญฉลาดนี้ไปประยุกต์ใช้กับการจัดการแข่งขันในอนาคต ให้ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์จากระดับพื้นที่ปฏิบัติงาน ณ สถานที่จัดงานที่กำหนดไว้ โดยมีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ 100 รายการ เพื่อเก็บรวมรวมชุดข้อมูลได้ครบถ้วนมากขึ้น เช่น ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์จากพื้นที่แข่งขันและพื้นที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ อาทิ สนามฝึกซ้อม พื้นที่ถ่ายทอดการแข่งขันและพื้นที่ทำงานของสื่อ พื้นที่ทำงานด้านเทคโนโลยีและจัดวางอุปกรณ์เฉพาะ อุปกรณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่ทำงานชั่วคราวและอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งนี้ ชุดข้อมูลที่รวบรวมได้นี้จะแตกต่างกันไป ตามสภาพของภูมิอากาศและการใช้งานเรียลไทม์ในเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละวัน การรวบรวมรายละเอียดของชุดข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คณะกรรมจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (OCOGs) มีข้อมูลที่แม่นยำเมื่อต้องการอ้างอิงถึงข้อมูลการใช้ไฟฟ้าจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการใช้ไฟฟ้าจากการจัดการแข่งขันที่ผ่านมาซึ่งประกอบด้วย Olympic Games London 2012, Olympic Winter Games PyeongChang 2018 และ Olympic Games Tokyo 2020 ไว้เป็นข้อมูลสนับสนุนการทำงานของ OCOGs ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลแนวโน้มการใช้พลังงานในการจัดการแข่งขันได้อย่างครอบคลุมด้วย Energy Expert

William Xiong, Vice President of Alibaba Cloud Intelligence and General Manager for International Industry Solutions กล่าวว่า “Energy Expert จะพิสูจน์คุณประโยชน์อย่างต่อเนื่องในเวทีสำคัญและกับทุกขอบเขตความท้าทายในโลกแห่งการแข่งขันกีฬานานาชาติที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว Energy Expert มอบข้อมูลเชิงลึกที่จะเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้ IOC และการจัดการแข่งขันในอนาคตยั่งยืนมากขึ้น”

นอกจากนี้ Alibaba ยังได้นำคำแนะนำต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Energy Expert มาใช้ช่วยปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสม และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด ณ สถานที่จัดแสดงชั่วคราวของ Alibaba ระหว่างงาน Paris 2024 นี้ด้วย เช่น โครงสร้างหลัก ๆ ของ Alibaba Wonder Avenue in the Avenue des Champs-Élysées จะใช้วัสดุไม้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และโลหะรีไซเคิล เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ทั้งยังใช้การออกแบบพื้นที่แบบกึ่งเปิดโล่ง (semi-open design) เพื่อให้ใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการใช้ประโยชน์จากแสดงธรรมชาติและการถ่ายเทอากาศ 

Energy Expert เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อเดือนมิถุนายน 2022 มีการใช้งานครั้งแรกในการจัดการแข่งขันกีฬาในปี 2023 ณ Olympic Esports Week ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการทดลองใช้วัดและวิเคราะห์การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากสถานที่ชั่วคราวที่สร้างขึ้นเพื่อจัดงาน เพื่อให้สามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่มี ให้เป็นทางเลือกในการเลือกใช้วัสดุและเครื่องมือสำหรับการสร้างสถานที่ชั่วคราวต่าง ๆ โดยมีการประเมินผ่านชุดตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น การประเมินผลกระทบของการใช้พลังงาน การจัดการของเสีย ป้ายและการตกแต่ง ทำให้สามารถเปรียบเทียบผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์หลากหลายที่ใช้ในการจัดงาน

นอกจากการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Energy Expert กับวงการกีฬาแล้ว โซลูชันนี้ยังช่วยลูกค้าของบริษัทฯ ทั่วโลกกว่า 3,000 ราย ตรวจวัด วิเคราะห์ และบริหารจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากกิจกรรมทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของตน โซลูชันนี้ยังมอบข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำด้านการประหยัดพลังงานที่นำไปใช้ได้จริงให้กับลูกค้า เพื่อช่วยให้พวกเขาเดินสู่แนวทางแห่งความยั่งยืนได้เร็วขึ้น

G-Able Leverages Workday to Enhance HR Efficiencies and Drive Organisational Agility

จีเอเบิลเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรแบบครบวงจร บนแพลตฟอร์มของเวิร์กเดย์

G-Able Leverages Workday to Enhance HR Efficiencies and Drive Organisational Agility

Workday Human Capital Management to Provide 1,500 G-Able Employees Across Thailand with Elevated User Experiences and Best-In-Class Capabilities

 Workday, Inc. (NASDAQ: WDAY), a leading provider of solutions to help organisations manage their people and money, today announced that G-Able, one of Thailand’s leading IT and digital solutions providers, is leveraging Workday to transform its HR processes, attract and retain talents, in driving our company’s growth and success. The deployment of Workday Human Capital Management (HCM), which began in April 2024, is expected to benefit 1,500 employees across G-Able’s operations in Thailand to create a workplace of the future.

G-Able, founded in 1989, as a leading IT and digital solutions provider in Thailand that provides end-to-end modern digital solutions such as IT infrastructure, big data analytics, cybersecurity including digital solutions etc. to help its clients successfully drive digital transformation through strategic partnerships with world-leading tech companies.

Since G-Able’s listing on the Stock Exchange in Thailand in mid-2023, the Thai technology company has sought a HR solution that could scale and fit the needs of its growing operations.

With the deployment of Workday HCM, G-Able has been able to centralise multiple HR functions on a single platform that can be accessed from anywhere in the world. This comes at an opportune moment for the company to manage its scalability as it looks to expand its operations in the future. Additionally, Workday Skills Cloud and Workday Time Tracking helps G-Able streamline its operations by effectively managing its employees’ time and skillsets, which helps optimise resource allocation and enhance productivity across the organisation.

“Nowadays, to adjust workforce within an organization towards business growth, ‘People’ are the greatest asset. HR department acts like a crucial partner for organization’s leader. They play a significant role in helping organizations adapt to the wind of change during the digital transformation.” said Dr.Chaiyuth Chunnahacha, Chief Executive Officer, G-Able “Our collaboration with Workday, as a user of Workday solutions, significantly enhances our operational efficiencies and strengthens our potential for future growth. Additionally, our partnership as a Workday representative in Thailand further enhances G-Able’s comprehensive IT solution services, providing stronger and more holistic offerings. This collaboration also increases opportunities for expanding our customer base.”

In addition to being a Workday customer, G-Able is a Workday partner that offers consistent Workday support, advisory, and business solutions to organisations in Thailand, enabling customers to have access to the Workday technology platform and G-Able’s unmatched service experience to drive their success.

แพนนี่ เซีย ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอาเซียน เวิร์กเดย์

“We are proud to support G-Able in the digital transformation of its workforce,” said Pannie Sia, general manager, ASEAN, Workday. “Seeing how G-Able has leveraged our solutions to streamline their operations and drive productivity is a testament to the power of innovation and partnership in today’s highly competitive business landscape. We look forward to continuing to empower G-Able as they navigate their path to international success.”

จีเอเบิลเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรแบบครบวงจร บนแพลตฟอร์มของเวิร์กเดย์

จีเอเบิลเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรแบบครบวงจร บนแพลตฟอร์มของเวิร์กเดย์

จีเอเบิลเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรแบบครบวงจร บนแพลตฟอร์มของเวิร์กเดย์

Workday Human Capital Management ช่วยยกระดับประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ดีให้กับบุคลากรของจีเอเบิล (G-Able) กว่า 1,500 คน

Workday, Inc. (NASDAQ: WDAY) ผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและการเงินระดับองค์กรประกาศว่าบริษัท จีเอเบิล หนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชันด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีและดิจิทัลโซลูชันชั้นนำของไทย เลือกผลิตภัณฑ์ของเวิร์กเดย์มาใช้ในองค์กรเพื่อยกระดับศักยภาพการบริหารงานทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร ตั้งแต่การคัดสรรบุคลากรที่ใช่ ไปจนถึงรักษาบุคลากรที่มีความสามารถให้พร้อมขับเคลื่อนและเติบโตเคียงข้างความสำเร็จไปพร้อมกับองค์กร จีเอเบิลได้นำระบบ Workday Human Capital Management หรือ ระบบ HCM เข้ามาใช้ในองค์กรตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับบุคลากรของจีเอเบิลทั้งองค์กรกว่า 1,500 คน ให้พร้อมสอดรับกับการทำงานในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

จีเอเบิลก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันด้านไอทีแบบครบวงจรและดิจิทัลโซลูชันชั้นนำของประเทศไทย มีบริการด้านเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ระดับองค์กรที่หลากหลาย อาทิ ผู้ให้บริการด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมไปถึงดิจิทัลโซลูชันอื่น ๆ ที่สามารถช่วยต่อยอดความสำเร็จให้แก่ลูกค้าในการพาองค์กรสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชัน ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก

บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทย ได้มองหาดิจิทัลโซลูชันด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคลที่สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การนำระบบ HCM ของเวิร์กเดย์เข้ามาใช้ในองค์กร ทำให้ จีเอเบิล สามารถผสานฟังก์ชันการทำงานด้านทรัพยากรบุคคลที่มีความหลากหลายมาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะช่วยตอบโจทย์การบริหารงานทรัพยากรบุคคลขององค์กรที่มีแนวโน้มขยายตัวในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังมีโซลูชันที่น่าสนใจอย่าง Workday Skills Cloud และ Workday Time Tracking ตัวช่วยบริหารจัดการทักษะและเวลาทำงานของบุคลากรในองค์กร ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานจีเอเบิลทั้งองค์กรให้เห็นผลลัพธ์ที่วัดผลได้ชัดเจนมากขึ้น

ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันการปรับกระบวนทัพภายในองค์กรเพื่อนำพาธุรกิจให้เติบโต สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ ‘คน’ เพราะหน่วยงานทรัพยากรบุคคลเป็นเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญของผู้นำองค์กรที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยองค์กรปรับตัวให้พร้อมรับกับคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่กำลังเข้าสู่โลกดิจิทัล การได้ร่วมมือกับเวิร์กเดย์ ในฐานะผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้ถือได้ว่า แพลตฟอร์มนี้ได้เข้ามาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรให้มีศักยภาพพร้อมรองรับการเติบโตในอนาคตได้ดีขึ้นกว่าเดิม”

นอกเหนือจากการเป็นผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มของเวิร์กเดย์ จีเอเบิลยังได้เป็นพันธมิตรตัวแทนของเวิร์กเดย์ในประเทศไทย ในฐานะผู้ให้คำปรึกษาแนะนำโซลูชันของเวิร์กเดย์ให้แก่องค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อช่วยให้ผลักดันองค์กรต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเวิร์กเดย์ ควบคู่ไปกับการสัมผัสประสบการณ์การบริการที่ดีของจีเอเบิลแบบครบวงจร ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้จีเอเบิลมีบริการดิจิทัลโซลูชันที่แข็งแกร่งและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในขณะเดียวกัน

แพนนี่ เซีย ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอาเซียน เวิร์กเดย์

แพนนี่ เซีย ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอาเซียน เวิร์กเดย์ กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สนับสนุน จีเอเบิล ในการยกระดับพนักงานสู่ยุคดิจิทัล การที่ได้เห็น จีเอเบิล นำโซลูชันของเราไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนากระบวนการทำงานและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงพลังของนวัตกรรมและความร่วมมือในสภาวะธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน เรามุ่งหวังที่จะสนับสนุน จีเอเบิลอย่างต่อเนื่องในเส้นทางสู่ความสำเร็จระดับสากล”