จับตา “เศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ” สกัดการเติบโตอสังหาฯ รายงานดัชนีตลาดอสังหาฯ ชี้เทรนด์เช่ามาแรง

กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้

จับตา “เศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ” สกัดการเติบโตอสังหาฯ รายงานดัชนีตลาดอสังหาฯ ชี้เทรนด์เช่ามาแรง

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2565 ยังมีทิศทางชะลอตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจ ผนวกกับสัญญาณเตือนเงินเฟ้อตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภครัดเข็มขัดและระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสแรกของปีมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สวนทางดัชนีอุปทานที่ยังคงเติบโต จำนวนบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นมากที่สุด หลังจากผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่มีสินค้าแนวราบอยู่ในมือนำออกมาขายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ด้านผู้พัฒนาอสังหาฯ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อรุกตลาดปี 2565 อย่างคึกคัก แม้อัตราการดูดซับสินค้ายังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ไร้สัญญาณฟองสบู่อสังหาฯ คาดมาตรการจากภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงความต้องการของผู้ประกอบการและผู้บริโภค ผลักดันให้การซื้อขายที่อยู่อาศัยปีนี้กลับมาคึกคัก มองยังเป็นช่วงโอกาสทองโค้งสุดท้ายของผู้ซื้อที่มีความพร้อมทางการเงินในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในราคาคุ้มค่า หลังผู้ประกอบการส่งสัญญาณปรับขึ้นราคาในปีนี้

ข้อมูลล่าสุดจากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q1 2565 – Powered by PropertyGuru DataSense ฉบับล่าสุด เผยดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 84 จุด หรือลดลง 1% จากไตรมาสก่อน หลังจากผู้ประกอบการยังคงแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นที่คุ้มค่าเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ด้านที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้มากกว่า เห็นได้จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นถึง 5% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 13% จากปีก่อนหน้า ส่วนดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ทรงตัวจากปีก่อนหน้า สวนทางกับคอนโดมิเนียมที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากเทรนด์การอยู่อาศัยปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจโครงการแนวราบมากกว่า ผนวกกับการที่นักลงทุนและชาวต่างชาติหายไปจากตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีราคาคอนโดมิเนียมลดลง 1% จากไตรมาสก่อน และลดลงถึง 10% ในรอบปีเลยทีเดียว

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า “แม้การเริ่มต้นศักราชใหม่ในปี 2565 นี้อาจไม่ได้สดใสตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคมายาวนาน นอกจากนี้ยังมีภาวะเงินเฟ้อที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า อัตราเงินเฟ้อล่าสุด ณ เดือนมกราคมปรับเพิ่มมาที่ 3.23% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 1.7% ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคโดยตรงทั้งในฝั่งของค่าครองชีพและภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยหรือใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้น”

“ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เปิดตัวแผนธุรกิจรุกตลาดในปีนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าโปรโมชั่นการตลาดต่าง ๆ จะช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่เอื้อต่อการซื้อบ้าน อาทิ การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ชั่วคราวของ ธปท. ถือเป็นปัจจัยบวกช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และยังเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อที่มีความพร้อมในช่วงนี้ เพราะราคาที่อยู่อาศัยมีความเหมาะสมและคุ้มค่า ก่อนที่โครงการใหม่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดและมีการปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนปัจจุบัน” นางกมลภัทรกล่าวเพิ่มเติม 

“อย่างไรก็ดี แม้ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 จะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังคงไม่เพิ่มขึ้นในไตรมาสถัดไป โดยทิศทางอสังหาฯ ไทยต่อจากนี้จะเป็นการเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังภาวะเงินเฟ้อจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคโดยตรง” นางกมลภัทรกล่าวสรุป

เกาะติดทิศทางอสังหาฯ ปี 65 “เทรนด์เช่า-ซื้อ” ยังโตได้มากน้อยแค่ไหน

รายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q1 2565 – Powered by PropertyGuru DataSense ฉบับล่าสุดเผยข้อมูลเชิงลึกของตลาดอสังหาฯ ไทยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 พร้อมอัปเดตความเคลื่อนไหวของเทรนด์ที่อยู่อาศัยทั้งเช่าและซื้อของผู้บริโภคชาวไทยที่น่าจับตามอง 

เทรนด์เช่ายังไม่แผ่ว ความต้องการพุ่งกว่า 22%
    • เทรนด์เช่ายังไม่แผ่ว ความต้องการพุ่งกว่า 22% เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัยยังคงตอบโจทย์สถานะการเงินของผู้บริโภคยุคนี้ เห็นได้จากดัชนีค่าเช่าที่มีแนวโน้มลดลงซึ่งเอื้อต่อการเช่าในอัตราค่าเช่าที่ถูกลงตามกำลังซื้อผู้บริโภค รายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q1 2565 – Powered by PropertyGuru DataSense พบว่า ดัชนีค่าเช่าในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 90 จุด จาก 93 จุด หรือลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ไม่มีการแพร่ระบาดฯ พบว่าลดลงถึง 13% โดยดัชนีค่าเช่าคอนโดมิเนียมลดลงมากที่สุด 2% จากไตรมาสก่อน เป็นผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่ทำให้ผู้เช่าชาวไทยและต่างชาติหายไปจากตลาดเป็นเวลานาน ผู้ให้เช่าจึงต้องปรับลดราคาเพื่อกระตุ้นการตัดสินเช่ากับกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่แทน สวนทางกับดัชนีค่าเช่าบ้านเดี่ยวที่เพิ่มขึ้นถึง 6% ส่วนดัชนีค่าเช่าทาวน์เฮ้าส์ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับเทรนด์การหาที่อยู่อาศัยทั้งซื้อและเช่าที่แนวราบยังคงตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดเช่าทุกรูปแบบยังคงมีทิศทางเติบโต เห็นได้ชัดจากความต้องการเช่าในไตรมาสนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 22% โดยคอนโดมิเนียมครองใจผู้เช่ามาเป็นอันดับ 1 ด้วยความต้องการเช่าที่เพิ่มสูงถึง 26% จากไตรมาสก่อน ตามมาด้วยบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% และ 10% ตามลำดับ


      สวนทางกับจำนวนอุปทานอสังหาฯ สำหรับเช่าปรับตัวลดลงอย่างมากถึง 24% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 47% จากปีก่อนหน้า โดยปรับตัวลดลงทุกรูปแบบที่อยู่อาศัยจากไตรมาสก่อน ทั้งคอนโดมิเนียมที่ลดลง 24% (เพิ่มขึ้น 48% จากปีก่อนหน้า) บ้านเดี่ยวลดลง 27% (เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า) ทาวน์เฮ้าส์ ลดลง 15% (เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อนหน้า) สะท้อนให้เห็นว่า ยังเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่มีอสังหาฯ ในมือที่จะนำออกมาปล่อยเช่าเพื่อรองรับความต้องการในตลาดช่วงนี้แทนการประกาศขาย ซึ่งถือว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาในการทำกำไรจากการขายได้ดีมากนัก

อุปทานโตต่อเนื่อง โอกาสทองที่ยังรอผู้ซื้อ
    • อุปทานโตต่อเนื่อง โอกาสทองที่ยังรอผู้ซื้อ ปี 2565 เริ่มเห็นสัญญาณของผู้ประกอบการในการเปิดตัวโครงการใหม่หลังจากชะลอในช่วงปี 2564 โดยภาพรวมดัชนีอุปทานหรือจำนวนที่อยู่อาศัยในตลาดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 229 จุด จาก 223 จุด หรือเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน โดยที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 7% จากไตรมาสก่อน หรือ 42% จากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่มีสินค้าแนวราบอยู่ในมือได้นำออกมาขายมากขึ้น เพื่อรองรับเทรนด์ความต้องการของผู้ซื้อกลุ่ม Real Demand ตามมาด้วยคอนโดมิเนียมที่แม้โตไม่หวือหวาแต่ยังมีดีมานด์ในตลาด ยังคงเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน หรือ 21% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ทาวน์เฮ้าส์ทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อนหน้า ถือว่าอุปทานในตลาดตอนนี้มีจำนวนเพียงพอที่จะรองรับความต้องการซื้อของผู้บริโภค ตอบสนองกับมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในปีนี้ แม้อัตราการดูดซับสินค้าในตลาดซื้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่เป็นผลดีที่ผู้บริโภคจะมีตัวเลือกมากขึ้น และเป็นโอกาสทองโค้งสุดท้ายของผู้ซื้อและนักลงทุนระยะยาวที่มีความพร้อมในการครอบครองที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ ก่อนที่ราคาขายของที่อยู่อาศัยในโครงการใหม่ ๆ จะทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกของตลาดในอนาคต
       
    • รถไฟฟ้าหัวใจสำคัญ ดันคนหาบ้านชานเมือง เทรนด์การค้นหาที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยังคงมุ่งเน้นไปแถบชานเมืองที่เดินทางสะดวกเป็นหลัก เห็นได้จาก 5 อันดับทำเลที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบไตรมาสนี้จะอยู่ในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ทั้งที่เปิดให้บริการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-หลักสองที่พาดผ่านส่งผลให้เขตบางแคมีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 9% จากไตรมาสก่อน ส่วนเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกอย่างเขตตลิ่งชันที่มีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน พาดผ่าน มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน ด้านเขตมีนบุรีมีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน หลังได้อานิสงส์จากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการในปี 2567 นอกจากนี้ อีกหนึ่งทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกอย่างเขตบางขุนเทียน แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีรถไฟฟ้าพาดผ่าน แต่ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นทำเลชานเมืองที่น่าจับตามองและที่มีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจในอนาคต จากการที่มีชุมชนขนาดใหญ่ ใกล้แหล่งงาน และสถานศึกษาชั้นนำ 

อาลีบาบาเปิดตัว ตง ตง ‘เวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์’ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่งเกมส์ 2022

อาลีบาบาเปิดตัว ดอง ดอง 'เวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์'

อาลีบาบาเปิดตัว ตง ตง 'เวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์' ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่งเกมส์ 2022

ตง ตง ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI เปิดตัวครั้งแรก ณ โอลิมปิกฤดูหนาว ด้วยการเข้าร่วมการสตรีมสดกับแฟน ๆ โอลิมปิก

อาลีบาบา กรุ๊ป พันธมิตรระดับโลกของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เปิดตัว ตง ตง (Dong Dong) เวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์ใหม่ล่าสุด ณ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2556 ที่กรุงปักกิ่ง อาลีบาบาใช้เทคโนโลยีคลาวด์สร้าง Dong Dong ให้เป็นแบบจำลองบุคคลแบบดิจิทัลที่ล้ำหน้า เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับแฟน ๆ กีฬาทั้งหลาย นับว่าเป็นการนำศักยภาพของนวัตกรรมที่ทำงานบนคลาวด์มาให้ผู้บริโภคได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

Dong Dong พัฒนาโดย Alibaba DAMO Academy ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการวิจัยระดับโลกของอาลีบาบา กรุ๊ป Dong Dong เป็นแบบจำลองของหญิงสาววัย 22 ปีที่เกิดในกรุงปักกิ่ง มีความกระตือรือร้น กล้าพูด และชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว Dong Dong เป็นที่รู้จักจากรูปพรรณสัณฐานที่เสมือนมนุษย์จริงอย่างมาก มีบุคลิกที่มีเสน่ห์ และมีความพิเศษในการโต้ตอบและเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้ชม ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์กับแฟน ๆ กีฬาโอลิมปิก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี

อาลีบาบา กรุ๊ป พันธมิตรระดับโลกของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เปิดตัวดอง ดอง (Dong Dong) เวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์ใหม่ล่าสุด ณ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2556 ที่กรุงปักกิ่ง อาลีบาบาใช้เทคโนโลยีคลาวด์สร้าง Dong Dong ให้เป็นแบบจำลองบุคคลแบบดิจิทัลที่ล้ำหน้า เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับแฟน ๆ กีฬาทั้งหลาย นับว่าเป็นการนำศักยภาพของนวัตกรรมที่ทำงานบนคลาวด์มาให้ผู้บริโภคได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดมากขึ้น Dong Dong พัฒนาโดย Alibaba DAMO Academy ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการวิจัยระดับโลกของ อาลีบาบา กรุ๊ป Dong Dong เป็นแบบจำลองของหญิงสาววัย 22 ปีที่เกิดในกรุงปักกิ่ง มีความกระตือรือร้น กล้าพูด และชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว Dong Dong เป็นที่รู้จักจากรูปพรรณสัณฐานที่เสมือนมนุษย์จริงอย่างมาก มีบุคลิกที่มีเสน่ห์ และมีความพิเศษในการโต้ตอบและเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้ชม ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์กับแฟน ๆ กีฬาโอลิมปิก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี

Dong Dong มีความสามารถมากมาย นอกจากจะสามารถโปรโมทสินค้าที่ระลึกงานกีฬาโอลิมปิกที่สามารถซื้อหาได้ในร้านขายสินค้าโอลิมปิกอย่างเป็นทางการในประเทศจีน บน Tmall ระหว่างการถ่ายทอดสดการแสดงต่าง ๆ ของเธอแล้ว เธอยังสามารถตอบคำถามด้วยเสียงที่เหมือนเสียงธรรมชาติของมนุษย์ตามความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ได้อย่างมีชีวิตชีวา และสามารถแสดงอิริยาบทต่าง ๆ เช่น ยกนิ้วโป้ง โพสต์ท่านิ้วมือเป็นรูปหัวใจ และเช็ดน้ำตาเมื่อเกิดความผิดหวังได้อีกด้วย นอกจากนี้ Dong Dong ยังสามารถนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจต่าง ๆ เกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิกด้วยอิริยาบถที่สนุกสนานแก่ผู้ชม รวมถึงแสดงท่าเต้นที่ร่าเริงและกระตือรือร้นไปพร้อมกับเพลงประกอบโอลิมปิก เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย ปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ของ Dong Dong ล้วนขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลบนระบบคลาวด์

เสี่ยวหลง ลี, Leader of Alibaba Virtual Human & Intelligent Customer Service กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อยกระดับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวให้เข้าสู่โลกดิจิทัล พร้อมทั้งส่งมอบประสบการณ์กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวแก่แฟน ๆ กีฬาโอลิมปิกอย่างสร้างสรรค์ ผ่านการให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์และอีคอมเมิร์ซ นั่นเป็นเหตุผลที่เราพัฒนา Dong Dong ขึ้นมาด้วยความหวังว่า เวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์คนนี้ จะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเยาวชนที่ใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยวิธีที่น่าตื่นเต้นและเป็นธรรมชาติ”

อาลีบาบา สร้างโมเดล AI แบบเฉพาะเจาะจงบนคลาวด์ ซึ่งใช้ Text to Speech เพื่อสังเคราะห์เสียงต่าง ๆ ของมนุษย์ และใช้เทคโนโลยีแบบสามมิติ เพื่อจำลองการแสดงออกทางสีหน้าที่สมจริง และการเคลื่อนไหวร่างกายที่เป็นธรรมชาติ เพื่อทำให้ Dong Dong มีบุคลิกที่ไดนามิก มีเสน่ห์และดึงดูดใจเสมือนคนจริง ๆ และมีเสียงที่เป็นธรรมชาติ Dong Dong ใช้เทคโนโลยี AI และคลาวด์ คอมพิวติ้ง ทำให้สามารถมอง พูด และแสดงท่าทางเหมือนหญิงสาวทั่วไปได้อย่างมีชีวิตชีวา ในขณะเดียวกัน  มีการนำอัลกอริธึมหลากหลายของอาลีบาบา ซึ่งใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP), การสังเคราะห์คำพูดตามอารมณ์ความรู้สึก (Emotional Speech Synthesis) และคอมพิวเตอร์วิชันบนคลาวด์ มาใช้ร่วมกันทำให้ Dong Dong “ฉลาด” เพียงพอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติเสมือนมนุษย์ ด้วยสคริปต์ทั้งหมดที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีคลาวด์

ลี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในอนาคต เราจะผลักดันเทคโนโลยีให้ขยายขอบเขตกว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก เพื่อผสมผสานความสมจริงอันน่าหลงใหลนี้เข้าด้วยกัน แบบจำลองบุคคลแบบดิจิทัลหรือเวอร์ชวล อินฟลูเอนเซอร์จะสร้างแนวทางใหม่ ๆ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมผ่านประสบการณ์ที่สมจริง หรือจากเมทาเวิร์ส ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ระดับโลก เช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก การประชุมเสมือนจริง หรือการเที่ยวชมนิทรรศการแบบ 3 มิติ นอกจากนี้ พวกเขายังมีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยนักข่าวที่ขยัน ฉลาด และมีประสิทธิภาพอย่างมากอีกด้วย ”

เทคโนโลยีสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมกับแฟนกีฬาโอลิมปิก ที่จะเปิดเผยในช่วงการแข่งขันปักกิ่งเกมส์ 2022 มีดังนี้

Cloud Showcasing

Beijing 2022 Cloud Showcasing เป็นนิทรรศการเสมือนจริง เพื่อใช้แนะนำผู้สนับสนุนงานกีฬาโอลิมปิกต่าง ๆ รวมถึงการแจกของที่ระลึกให้กับแฟน ๆ กีฬาโอลิมปิก ผ่านการจับฉลากและการเล่นเกม พัฒนาโดยคณะกรรมการจัดงานการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ปักกิ่งเกมส์ 2022 (BOCOG) และได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีดิจิทัลของอาลีบาบา อาลีบาบายังได้เปิดตัว Cloud Showcasing ของตัวเอง ด้วยการใช้ความรู้ของ Alibaba DAMO Academy บนคลาวด์ ซึ่งเป็นนิทรรศการ 3 มิติเสมือนจริงที่แสดงข้อมูลของเส้นทางในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกในงานกีฬาโอลิมปิกของอาลีบาบา ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกให้เข้าสู่โลกดิจิทัล รวมถึงนวัตกรรมของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่จำหน่ายสินค้าที่ระลึกงานกีฬาโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ

ร้านขายของที่ระลึกในงานโอลิมปิกอย่างเป็นทางการบนคลาวด์ใน Tmall

Tmall แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบาได้จัดแสดงสินค้าที่ระลึกงานโอลิมปิก ปักกิ่งเกมส์ 2022 เป็นเวลา 100 วันก่อนเกมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเริ่มขึ้น ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ของอาลีบาบาบนร้านค้ามากกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศจีน จากแผงขายสินค้าในร้าน ผู้บริโภคสามารถออกแบบสินค้าที่ระลึกกีฬาโอลิมปิกในรูปแบบของตนเองได้ เช่น เสื้อยืดและกระเป๋าที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ และสินค้าที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเหล่านี้จะจัดส่งไปถึงที่บ้านภายในเวลาสองถึงสามวัน

คริส ถัง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ด้วยชุดเทคโนโลยีดิจิทัลของเรา เราต้องการมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับแฟน ๆ กีฬา ให้เข้ามามีส่วนร่วม มีปฎิสัมพันธ์ด้วยความเป็นส่วนตัวมากที่สุด และร่วมสนุกไปกับปักกิ่งเกมส์ 2022 ในขณะที่เรารังสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และสร้างรูปแบบการเข้ามามีส่วนร่วมแบบใหม่ ๆ เราหวังว่าจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้กับเกมกีฬาระดับโลก หรือกิจกรรมอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมต่าง ๆ ที่อยู่บนคลาวด์”

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการพัฒนา Dong Dong และการมีปฏิสัมพันธ์ของ Dong Dong กับผู้ชมกรุณาชมวิดีโอของ Alizila https://www.alizila.com/video/alibabas-virtual-influencer-dong-dong-makes-her-debut-at-the-olympic-games/

กู้ซื้อบ้านร่วมกับคนรัก ปูทางสร้างครอบครัวหรือเพิ่มภาระผูกพันระยะยาว?

กู้ซื้อบ้านร่วมกับคนรัก ปูทางสร้างครอบครัวหรือเพิ่มภาระผูกพันระยะยาว?

กู้ซื้อบ้านร่วมกับคนรัก ปูทางสร้างครอบครัวหรือเพิ่มภาระผูกพันระยะยาว?

คู่รักที่คบหากันมานานจนตกลงปลงใจจะสร้างครอบครัวร่วมกัน มักจะมีการวางแผนซื้อบ้านเพื่อใช้เป็นเรือนหอ และแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวในอนาคต เมื่อเลือกรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ตรงใจและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของทั้งคู่แล้ว ขั้นตอนที่มีความสำคัญหลังเตรียมเอกสารและประเมินความสามารถในการเป็นหนี้ คือการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่ง “การกู้ร่วม” ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคู่รักที่จะเริ่มต้นซื้อบ้านเพื่อเป็นสินสมรส เนื่องจากช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติที่มากขึ้นพร้อมทั้งวงเงินกู้ที่สูงขึ้นด้วย โดยการกู้ร่วมเป็นการทำสัญญายื่นกู้ทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน เพื่อให้ทางธนาคารเห็นว่าจะมีอีกคนมารับผิดชอบหรือรับภาระหนี้ร่วมกัน เพิ่มความมั่นใจว่าผู้กู้จะสามารถผ่อนชำระคืนได้ตามที่สัญญากำหนด และทำให้การอนุมัติการขอสินเชื่อง่ายขึ้นตามไปด้วย โดยผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมที่ได้รับการอนุมัตินั้นจะมีสถานะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน สามารถกู้ร่วมได้สูงสุดไม่เกิน 3 คนต่อหนึ่งสัญญา 

กู้ร่วมกับใครได้บ้าง? เป็นแฟนกันกู้ร่วมได้หรือไม่? 

คุณสมบัติหลัก ๆ ของผู้ที่สามารถเป็นผู้กู้ร่วมได้นั้นจะต้องเป็นสายโลหิตเดียวกัน หรือมีความสัมพันธ์ในเครือญาติ หรือเป็นครอบครัวเดียวกับผู้กู้หลัก เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก เครือญาติ หรือคู่สมรส หากเป็นพี่น้องที่ใช้คนละนามสกุลก็สามารถกู้ร่วมกันได้แต่ต้องนำหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม เช่น ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรที่แสดงให้เห็นว่ามีพ่อแม่เดียวกัน โดยผู้กู้ร่วมจำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามที่สถาบันการเงิน/ธนาคารกำหนดเช่นเดียวกับผู้กู้หลัก คือ มีความสามารถในการชำระหนี้ ไม่มีภาระหนี้มากเกินไป และไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้

สำหรับคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้นจะไม่สามารถยื่นเรื่องกู้ร่วมได้ ยกเว้นว่ามีการหมั้นและเตรียมพร้อมที่จะแต่งงาน ส่วนกรณีคู่รักที่แต่งงานแล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนจะสามารถกู้ร่วมได้ โดยแสดงหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ เช่น ภาพถ่ายวันแต่งงาน หรือใบลงบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจที่ระบุว่าอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียน หรือหากมีบุตรร่วมกันให้แสดงใบเกิดที่ระบุชื่อพ่อแม่ หรือใช้สำเนาทะเบียนบ้านที่ระบุชื่อของคู่สมรสที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่ด้วยกัน ซึ่งรายละเอียดของเอกสารเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับนโยบายพิจารณาการให้สินเชื่อของแต่ละธนาคารด้วยเช่นกัน

กู้ร่วมกับคนรักดีอย่างไร ควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนตัดสินใจ 

    • เพิ่มโอกาสได้รับอนุมัติ พร้อมวงเงินกู้ที่สูงขึ้น การกู้ร่วมนั้นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกรณีที่ผู้กู้หลักมีรายได้ไม่เพียงพอ การมีผู้กู้ร่วมถือเป็นการเพิ่มฐานรายได้ของผู้กู้ให้เพียงพอต่อการผ่อนชำระหนี้ในวงเงินที่ต้องการ เปรียบเสมือนการเพิ่มความสามารถในการขอสินเชื่อ อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความน่าเชื่อถือของผู้ยื่นขอสินเชื่ออีกด้วย โดยสถาบันการเงินและธนาคารจะประเมินวงเงินสินเชื่อจากผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมรวมกัน จึงช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และอาจได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน และยังถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การขยายครอบครัวได้มากขึ้นตามงบประมาณที่เพิ่มขึ้น 
    • มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ ร่วมกัน ผู้กู้ร่วมซื้อบ้านสามารถตกลงได้ว่าจะยกกรรมสิทธิ์ให้เป็นของผู้กู้รายใดรายหนึ่ง หรือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของผู้กู้ทั้งหมด ในกรณีการกู้ร่วมของคู่สามีภรรยามักจะเลือกมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันเนื่องจากต้องรับผิดชอบภาระหนี้ร่วมกัน ซึ่งการถือกรรมสิทธิ์ร่วมนี้มีข้อควรพิจารณาว่า หากในอนาคตต้องการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์บ้าน หรือประกาศขาย จะต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุกคนเสียก่อน หรือหากต้องการยกกรรมสิทธิ์ให้เป็นของคนใดคนหนึ่งที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่แล้วในภายหลัง จะถือว่ามีการซื้อขายเกิดขึ้นและจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอสังหาฯ เช่น ค่าจดจำนอง ค่าโอน ค่าอากรแสตมป์ หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วย นอกจากนี้ ในกรณีที่เลิกราหย่าร้าง หากคู่รักกู้ซื้อบ้านร่วมกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเมื่อทำการโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์เช่นกัน
    • รับผิดชอบหนี้ร่วมกัน ต้องตกลงเรื่องผ่อนบ้านให้ชัดเจน การกู้ร่วมนั้นธนาคารได้พิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ร่วมรวมกัน ผู้กู้ร่วมจึงถือว่ามีภาระผูกพันในการรับผิดชอบหนี้ร่วมกันตามไปด้วย จึงควรมีการตกลงเรื่องความรับผิดชอบในการผ่อนชำระแต่ละเดือนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นภาระฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป หากเกิดเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายไม่ช่วยผ่อนชำระหนี้ตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก แล้วผลักภาระการผ่อนชำระให้มาอยู่ที่อีกฝ่าย ทั้งที่ชื่อในกรรมสิทธิ์เป็นของ 2 คน อาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งตามมาในภายหลังได้ นอกจากนี้ ผู้กู้ต้องไม่ลืมวางแผนทางการเงินสำรองไว้ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดที่ทำให้ต้องรับผิดชอบผ่อนบ้านเพียงลำพัง เช่น คู่รักประสบเหตุที่ทำให้ต้องขาดรายได้ หรือถูกเลิกจ้างกะทันหัน หรือจำเป็นต้องลาออกเพื่อมาเลี้ยงลูก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องที่กระทบต่อประวัติการผ่อนชำระ
ต้องหารเฉลี่ยดอกเบี้ยบ้านเมื่อลดหย่อนภาษี
    • ต้องหารเฉลี่ยดอกเบี้ยบ้านเมื่อลดหย่อนภาษี ปกติแล้วผู้ที่ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมจะสามารถนำดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับธนาคารมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท หากการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยนั้นเป็นการกู้ร่วม ดอกเบี้ยที่จะนำไปหักลดหย่อนภาษีได้นั้นจะต้องถูกหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ แม้ว่าผู้กู้หลักจะเป็นผู้ผ่อนแต่เพียงผู้เดียวก็ตาม เช่น หากกู้ร่วมกันสองคนและจ่ายดอกเบี้ยทั้งปี 100,000 บาท สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 50,000 บาท โดยผู้กู้ร่วมไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพียงผู้เดียว หรือเลือกใช้สิทธิลดหย่อนมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้  

เมื่อรักหวานกลายเป็นขม ปิดฉากภาระกู้ร่วมอย่างไรดี?

อย่างไรก็ตาม การกู้ร่วมกับคนรักมีข้อควรคำนึงที่สำคัญ คือ ความสัมพันธ์มีโอกาสที่จะสิ้นสุดได้ในอนาคต เห็นได้จากข้อมูลกรมการปกครองเผยว่า ในปี 2564 มีสถิติการหย่าร้างถึง 110,942 คู่ คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่ง (46%) ของยอดจดทะเบียนสมรสใหม่ 240,979 คู่เลยทีเดียว จากการกู้ร่วมที่เคยได้ประโยชน์ก็จะกลายเป็นภาระผูกพันทางการเงินในระยะยาวที่ไม่มีใครอยากรับผิดชอบทันที ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ขอแนะนำวิธีจัดการภาระกู้ร่วมของคู่รักที่เลิกรากันไป เพื่อเป็นทางออกให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้แก้ปัญหาได้ตรงกับสถานการณ์ของตัวเองมากที่สุด

    • ขอถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วม อันดับแรกคือผู้กู้ทั้งสองฝ่ายต้องตกลงไกล่เกลี่ยกันให้ได้ก่อนว่าใครจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้ พร้อมทั้งตกลงว่าจะจัดการเงินที่ผ่อนชำระไปแล้วอย่างไรเพื่อไม่ให้มีฝ่ายใดเสียเปรียบ เพื่อให้อีกฝ่ายยินยอมโอนกรรมสิทธิ์ให้ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมก็จะไม่สามารถถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วมได้ เมื่อเจรจากันเรียบร้อย การดำเนินการจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
      • คู่รักที่จดทะเบียนสมรสแล้วเลิกรากัน ต้องจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อย เพื่อนำใบหย่าและสัญญาจะซื้อจะขายไปขอถอนชื่อคู่รักออกจากสัญญากู้ที่ทำไว้กับธนาคาร เพื่อให้ธนาคารเปลี่ยนรูปแบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสัญญาเงินกู้ใหม่ หากเป็นการกู้ร่วมหลังจดทะเบียนสมรสกันแล้ว บ้านหลังนั้นจะถือเป็น “สินสมรส” ซึ่งจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมจากกรมที่ดิน 
      • ส่วนคู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและเลิกรากันนั้น ขึ้นอยู่กับการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายว่าใครจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์ที่กู้ร่วมกัน โดยสามารถไปแจ้งถอดถอนชื่อออกกับธนาคารที่ทำสัญญากู้ไว้ พร้อมแจ้งต่อธนาคารว่าต้องการให้ใครเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่อไป ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมการโอนเปลี่ยนชื่อกรรมสิทธิ์ประมาณ 5% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

อย่างไรก็ดี ทางธนาคารมีสิทธิไม่อนุมัติให้ถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วมได้ หากประเมินความพร้อมของฝ่ายที่กู้ต่อเพียงลำพังแล้วพบความเสี่ยงจากการมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี หรือรายได้ไม่เพียงพอ ซึ่งผู้กู้ต่ออาจต้องแก้ปัญหานี้โดยให้พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือเครือญาติมาช่วยเป็นผู้กู้ร่วมแทน

รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว
    • รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว ทางออกถัดมาหากธนาคารเก่าไม่อนุมัติการถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วม คือการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่โดยเปลี่ยนชื่อผู้กู้ในสัญญาเป็นขอกู้คนเดียว ในกรณีนี้ธนาคารจะมีการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เช่นเดียวกับการยื่นกู้ใหม่ อาทิ ความมั่นคงของหน้าที่การงาน ประวัติการเงินทั้งรายได้และภาระหนี้สิน เครดิตบูโร โดยเฉพาะพฤติกรรมการผ่อนชำระหนี้กับธนาคารเก่า เพื่อประเมินว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้เพียงคนเดียวหรือไม่ เมื่อธนาคารอนุมัติการรีไฟแนนซ์เรียบร้อยแล้ว ในวันที่จดจำนองรีไฟแนนซ์ใหม่ จำเป็นต้องตามตัวผู้กู้ร่วมเดิมมาเซ็นยินยอมโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ ให้ด้วย  ซึ่งในขั้นตอนนี้มักพบปัญหา คือ ไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ หรือผู้กู้ร่วมบางคนอาจยื่นข้อเสนอมาแลกเปลี่ยนก่อนจะเซ็นยินยอมให้ 
    • จบปัญหาด้วยการประกาศขาย หากทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการบ้าน/คอนโดฯ นี้แล้ว การประกาศขายถือเป็นทางออกในการเคลียร์ปัญหาคาใจที่ดีที่สุด ช่วยปิดการกู้ร่วมได้โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องรับภาระผ่อนบ้านต่อ แต่ต้องมีการเจรจาตกลงกันให้เรียบร้อยก่อน เพราะในการขายกรรมสิทธิ์นั้นจำเป็นต้องได้รับการยินยอมขายจากทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นจึงเช็กความเรียบร้อยของอสังหาฯ และเตรียมสภาพให้พร้อมขาย รวมทั้งตรวจสอบค่าใช้จ่ายและภาษีต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกรรม เพื่อนำมาคิดเป็นต้นทุนก่อนตั้งราคาขายที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ เมื่อขายได้เรียบร้อยแล้ว ต้องดูว่าบ้าน/คอนโดฯ นี้มีมาก่อนการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ เพราะหากมีมาก่อนจดทะเบียนสมรส กำไรที่ได้จากการขายบ้านต้องเป็นของเจ้าของบ้านตัวจริง แต่หากเป็นการซื้อบ้านร่วมกันและได้มาภายหลังจดทะเบียนจะถือเป็นสินสมรส กำไรที่ได้จากการขายบ้านจะถูกแบ่งกันคนละครึ่ง 

การกู้ร่วมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้คู่รักได้เป็นเจ้าของบ้านในฝันได้ง่ายขึ้น เป็นการเริ่มต้นสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ไปอีกขึ้น อย่างไรก็ตาม การกู้ร่วมนี้ก็มีข้อที่ควรพิจารณาไม่น้อย เนื่องจากความสัมพันธ์ของคู่รักมีโอกาสเลิกราได้ในอนาคต ต่างจากการกู้ร่วมกับพ่อแม่พี่น้องสายโลหิตเดียวกัน ผู้กู้จึงต้องพิจารณาข้อดีที่ได้ควบคู่ไปกับผลกระทบหากความสัมพันธ์ต้องสะดุดลงด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจนกลายเป็นภาระผูกพันที่คาราคาซังในอนาคต โดยเลือกศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ได้ที่เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com) ที่นำเสนอความรู้ที่น่าสนใจสำหรับคนอยากมีบ้าน พร้อมอัปเดตข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการซื้อ/ขาย/เช่า รวมทั้งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/เช่าในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ ช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้ที่อยากมีบ้านสามารถเลือกที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

“Cloud ME” คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดระยะห่าง และช่วยให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่ปักกิ่ง ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

“Cloud ME” คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดระยะห่าง

“Cloud ME” คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดระยะห่าง และช่วยให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่ปักกิ่ง ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

โซลูชันที่ทำงานบนคลาวด์มอบประสบการณ์ในการสื่อสารระหว่างกันอย่างสมจริง เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

อาลีบาบา เปิดตัว “Cloud ME” นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทำงานบนคลาวด์ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่งในปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดเรื่องโควิดและระยะห่างของผู้คนที่อยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ  “Cloud ME” เป็นโซลูชันด้านการสื่อสารแบบเรียลไทม์ (real-time communication: RTC) ช่วยให้ผู้คนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น สามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงด้วยกันระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งช่วยให้ผู้คนพบปะและเพลิดเพลินกับการสนทนาแบบเรียลไทม์ผ่านการยิงภาพเท่าของจริงเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง

เมื่อผู้ร่วมงานก้าวเข้าไปยังป๊อป-อัพสตูดิโอในบูธของ Cloud ME ฟังก์ชันการฉายภาพจากระยะไกลที่ติดตั้งได้ง่าย จะยิงภาพเต็มตัวเท่าขนาดจริงของพวกเขาไปปรากฎในบูธอื่นที่อยู่ไกลออกไป และผู้เข้าร่วมงานนั้น ๆ ก็จะได้พบปะกับคู่สนทนาและทักทายกันเหมือนอยู่ในสถานที่เดียวกัน นอกจากนี้ฟังก์ชันนี้ยังช่วยให้สามารถจัดประชุมร่วมกับผู้คนที่อยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างไม่จำกัด

แดเนียล จาง ประธานและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “อาลีบาบามุ่งมั่นที่จะนำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเข้าสู่โลกดิจิทัล และมอบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์ที่ครอบคลุมและมีส่วนร่วมมากขึ้น เราหวังว่าจะเชื่อมโยงนักกีฬาและแฟนกีฬาทั่วโลกไว้ด้วยกันผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ของเรา และช่วยให้สปิริตของโอลิมปิกเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนในเวลาที่เราสนุกสนานกับกีฬาประเภทต่าง ๆ ร่วมกัน”

โทมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) กล่าวว่า “เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ ณ กรุงปักกิ่งด้วยความร่วมมือกับอาลีบาบา ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยีหลักที่จำเป็นต้องใช้ใoโอลิมปิคฤดูหนาวทำงานบนอาลีบาบา คลาวด์นเช่น เทคโนโลยีที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับโอลิมปิกออนไลน์สโตร์ในประเทศจีน, เทคโนโลยีในการแพร่ภาพและกระจายเสียง OBS คลาวด์ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้รองรับสื่อจากทั่วโลกที่รวมตัวกันในกรุงปักกิ่ง นับว่าเทคโนโลยีของอาลีบาบา คลาวด์ กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ และยกระดับมาตรฐานขึ้นอีกระดับ”

บูธ Cloud ME สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย ด้วยอุปกรณ์สตูดิโอทั่วไป เช่น กล้องวิดีโอและคอมพิวเตอร์เพื่อจับภาพวิดีโอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพิ่มเติมในพื้นที่ติดตั้ง และไม่ต้องทำการปรับแต่งอินเทอร์เน็ตแบนด์วิดท์ใหม่ให้เหมาะสมในการดำเนินการบันทึกและส่งข้อมูล ทั้งหมดนี้ล้วนใช้ขุมพลังของการประมวลผลแบบคลาวด์

วิดีโอและไฟล์เสียงที่สร้างขึ้นในบูธ Cloud ME จะถูกส่งต่อไปยังอาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งเป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป โซลูชันด้านการสื่อสารแบบเรียลไทม์ (RTC) ที่ได้รับการยอมรับแล้วนี้ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังการประมวลผลบนระบบคลาวด์ประสิทธิภาพล้ำหน้าของอาลีบาบาที่ครอบคลุมเครือข่ายกว้างขวางทั่วโลก

กระบวนการดังกล่าวข้างต้นสามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 200 milliseconds ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ของอาลีบาบา คลาวด์ ที่มีคุณสมบัติในการทำงานพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง มีความพร้อมใช้สูง และมีความหน่วงต่ำ บันทึกการแข่งขันสดสามารถยิงส่งไปยังจอภาพความละเอียดสูงระดับ 4K ที่อยู่ในระยะไกล สร้างภาพเอฟเฟกต์โฮโลแกรมที่เหมือนจริง สร้างรายละเอียดต่าง ๆ ใหม่ด้วยความละเอียดสูง เช่น จับรายละเอียดการแสดงออกทางสีหน้า และเสื้อผ้าที่สวมใส่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว

ลี่จวน เฉิน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชัน อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “โซลูชันในการสื่อสารแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีคลาวด์มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้โลกสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาลีบาบา คลาวด์มีเครือข่ายคลาวด์ทั่วโลก และอัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราเอง ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะนำประโยชน์ของการสื่อสารแบบเรียลไทม์มาใช้ในสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การเรียนออนไลน์ กิจกรรมด้านความบันเทิงที่สามารถโต้ตอบกันได้ การประชุมทางวิดีโอ และบริการต่าง ๆ ขององค์กรในอุตสาหกรรมอื่น ๆ

บูธ Cloud ME ของอาลีบาบา มีให้บริการทั้งในระบบการจัดการแบบปิดในงานโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่กรุงปักกิ่ง และบริการให้กับผู้เข้าร่วมงานการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวจากภายนอก เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่น่าสนใจจากการสร้างปฏิสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่สมจริงนี้ การใช้ Cloud ME ครั้งแรกในงานโอลิมปิกครั้งนี้ ได้ใช้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการประชุมทางไกลระหว่างแดเนียล จาง และ โทมัส มัค ซึ่งไม่สามารถเดินทางมาประชุมร่วมกันแบบพบปะกันตัวจริงกันได้ เนื่องจากข้อจำกัดของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีน

24 พิพิธภัณฑ์ในจีนเข้าร่วมแคมเปญประจำปีของ Alipay “คอลเลกชั่นการ์ดเสี่ยงทายทั้ง 5” (Five Fortune Card Collection) ด้วยชิ้นงานศิลปะดิจิทัลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุโบราณในธีมเสือ

24 พิพิธภัณฑ์ในจีนเข้าร่วมแคมเปญประจำปีของอาลีเพย์

24 พิพิธภัณฑ์ในจีนเข้าร่วมแคมเปญประจำปีของอาลีเพย์ “คอลเลกชั่นการ์ดเสี่ยงทายทั้ง 5” (Five Fortune Card Collection) ด้วยชิ้นงานศิลปะดิจิทัลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุโบราณในธีมเสือ

อาลีเพย์เปิดตัวแคมเปญประจำปี “คอลเลกชั่นการ์ดเสี่ยงทายทั้ง 5” (Five Fortune Card Collection) หรือรู้จักกันในชื่อว่า Wufu เพื่อเฉลิมฉลองรับปีเสือ

ปีนี้ พิพิธภัณฑ์ 24 แห่งทั่วประเทศจีนเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว พร้อมกับชิ้นงานศิลปะดิจิทัล NFT ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสือและโบราณวัตถุตามราศีของคนจีน ชิ้นงานดิจิทัลเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมจาก Topnod (鲸探) แพลตฟอร์มจากแอนท์กร๊ป (Ant Group) เพื่อใช้ในการสะสม ค้นหา และแชร์คอลเลกชั่นศิลปะดิจิทัล ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์ม Topnod เป็นที่รู้จักในชื่อ “AntChain Fan Points” (蚂蚁链粉丝粒) จากนั้นได้รับการพัฒนาโดยมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ รวมถึงการที่มีประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น พร้อมการอัพเกรดแบรนด์เมื่อปลายเดือนธันวาคมปี 2564 ที่ผ่านมา

รายชื่อพิพิธภัณฑ์ที่เข้าร่วมแคมเปญได้แก่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซี (The Shanxi Museum), พิพิธภัณฑ์เหอเป่ย (Hebei Museum), พิพิธภัณฑ์อานฮุย (Anhui Museum), พิพิธภัณฑ์เหอหนาน (Henan Museum), พิพิธภัณฑ์นานกิง (Nanjing Museum Administration), พิพิธภัณฑ์หูหนาน (Hunan Museum) และอื่น ๆ 

คอลเลกชั่นการ์ดเสี่ยงทายทั้ง 5

ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและซื้อผลงานศิลปะดิจิทัลจากทางพิพิธภัณฑ์ผ่านแอพ Topnod และอาลีเพย์มินิโปรแกรมได้ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ผู้ใช้งานยังสามารถรีดีมผลงานศิลปะดิจิทัลธีมเสือโดยใช้เวอร์ชวลการ์ดที่สะสมจากแคมเปญ “Five Fortune” ได้ฟรี นับจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถแสดงชิ้นงานสะสมดิจิทัลของตัวเองในหน้า “Personal Pavilion” ในแอพ Topnod ได้เช่นกัน

จากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของทางเทคโนโลยีดิจิทัล พิพิธภัณฑ์ทั่วโลกได้ตื่นตัวกับการทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชันเพื่อการคงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรม สร้างการรับรู้ในสังคม และดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เป็น tech-savvy

จากรายงานฉบับล่าสุด “บล็อกเชนช่วยฟื้นคืนมรดกทางวัฒนธรรมในยุคดิจิทัลได้อย่างไร” (How Blockchain Revives Cultural Heritage in the Digital Era)” โดยมหาวิทยาลัยจงอิงไฉจิง (Central University of Finance and Economics) 44.11% ของโบราณวัตถุในประเทศจีนอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ยิ่งเป็นโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่า เปอร์เซนต์การดิจิไทซ์โบราณวัตถุยิ่งสูงขึ้นถึง 67.82% เปรียบเทียบเปอร์เซนต์การดิจิไทซ์โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในฝรั่งเศสและพิพิธภัณฑ์บริติชที่อยู่ที่ 75% และ 50% ตามลำดับ

ในเดือนตุลาคม ปี 2564 พิพิธภัณฑ์กว่า 2,000 แห่งในประเทศจีนได้เปิดตัวมินิโปรแกรมของแต่ละแห่งบนแพลตฟอร์มอาลีเพย์ ในเดือนเดียวกันนั้นแอนท์กรุ๊ป (Ant Group) ก็เปิดตัว “Treasure Project” สำหรับพิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่เพื่อออกแบบและปล่อยผลงานสะสมในรูปแบบดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนของแอนท์เชน (AntChain) เพื่อโปรโมตผลงานศิลปะและวัฒนธรรมยุคโบราณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 พิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดหูเป่ยขายภาพศิลปะดิจิทัลชื่อดัง “ดาบแห่งโกวเจี้ยน” (Sword of Goujian) ดาบที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ดีบุกซึ่งถูกครอบครองโดยกษัตริย์จีน นามว่าโกวเจี้ยนแห่งนครยู (ระหว่างปี 2032 – 222 ก่อนปีคริสตกาล) ปัจจุบันมากกว่าครึ่งหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดในประเทศจีนได้นำเสนองานศิลปะเพื่อสะสมในรูปแบบดิจิทัลผ่านแอพ Topnod

*ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบและสร้างผลงานศิลปะดิจิทัลของพิพิธภัณฑ์และศิลปิน สามารถดูได้จากวิดีโอพิพิธภัณฑ์หูหนาน (https://twitter.com/AntChain/status/1475318488398848009