Ericsson โชว์ศักยภาพผู้นำ 5G ระดับโลกในงาน MWC 2023 ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน

Ericsson โชว์ศักยภาพผู้นำ 5G ระดับโลกในงาน MWC 2023 ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน

Ericsson โชว์ศักยภาพผู้นำ 5G ระดับโลกในงาน MWC 2023 ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน

    • อีริคสันให้การต้อนรับคณะผู้บริหารของดีป้า ในงานจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก – Mobile World Congress 2023
    • อีริคสันมุ่งมั่นนำเทคโนโลยี 5G ล่าสุด พร้อมร่วมพัฒนาระบบนิเวศ 5G ในประเทศไทย
    • อีริคสันและดีป้าร่วมมือกันจัดตั้งห้องปฏิบัติการด้านนวัตกรรม เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์ทดสอบเครือข่าย 5G และศูนย์บริการสำหรับการทดสอบเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายและเครือข่ายใหม่ ๆ

ความมุ่งมั่นของอีริคสันในการนำเสนอเทคโนโลยี 5G ล่าสุดมายังประเทศไทยและการร่วมพัฒนาระบบนิเวศ 5G ของประเทศ ได้ถูกนำมาสาธิตที่งานจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกอย่าง Mobile World Congress 2023

อีริคสันได้ต้อนรับคณะผู้บริหารของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ที่เดินทางมาเยี่ยมชมเทคโนโลยี 5G และศึกษากรณีการใช้งานเครือข่ายที่เป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย ณ อีริคสัน ฮอลล์ ภายในงานระดับโลก ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

ระหว่างการเยี่ยมชม มร. อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์ 5G ของอีริคสัน กับ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และทีมงาน โดยคณะผู้แทนจากดีป้าได้ให้ความสนใจและชมการสาธิตเทคโนโลยีของอีริคสันมากมาย อาทิ Future Technology Experience โซลูชันของ Cloud Gaming Connected Enterprise และ Enterprise Ecosystem

“5G สามารถเปิดโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดให้แก่ประเทศไทย ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวไปสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้บริโภค และทำให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ Thailand 4.0” มร.อิกอร์ กล่าว

“เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับดีป้าเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ในระหว่างการหารือร่วมกันที่งาน Mobile World Congress เรายังได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นด้านเครือข่ายที่ล้ำสมัย พร้อมมอบประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาสู่ประเทศไทย”

อีริคสัน ประเทศไทย และ ดีป้า ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลโดยใช้เครือข่าย 5G ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ยังระบุว่า อีริคสันและดีป้าจะจัดตั้งห้องปฏิบัติการด้านนวัตกรรมใน Thailand Digital Valley ของดีป้าในจังหวัดชลบุรี เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์ทดสอบเครือข่าย 5G และศูนย์บริการสำหรับการทดสอบเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายและเครือข่ายใหม่ ๆ การแบ่งปันคลื่นความถี่ (Spectrum Sharing) ตลอดจนการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการดิจิทัลใหม่ ๆ ในประเทศไทย

อีริคสันเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ระดับโลก ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 143 เครือข่าย ใน 62 ประเทศ พร้อมเครือข่าย 5G แบบ Standalone จำนวน 21 เครือข่ายทั่วโลก

Ericsson launches Networks solutions aimed at Net Zero emissions during MWC 2023

Ericsson launches Networks solutions aimed at Net Zero emissions during MWC 2023

Ericsson launches Networks solutions aimed at Net Zero emissions during MWC 2023

    •  A new range of 10 radios led by triple-band Radio 4485, which is 53 percent lighter than comparable products. Also launching new mobile transport and software solutions
    • Industry-first, 600MHz Massive MIMO radio with Ericsson-unique Interference Sensing software that adds up to 40 percent more capacity with portfolio-wide hardware support
    • Ericsson plans to offer AIR 6419 and Radio 4490 solutions in the Thai market to deliver the ultimate network efficiency for both consumers and enterprises.

Ericsson’s (NASDAQ: ERIC) leadership in supporting service providers’ Net Zero ambitions, while meeting market demands for higher 5G capacity and revenue growth, has taken a major step forward with the launch of an enhanced RAN and Transport portfolio at Mobile World Congress (MWC) 2023 in Barcelona, Spain.

 More than 10 new Ericsson solutions will cut carbon emissions and site footprint, increase energy performance, and boost network capacity. The full range of new remote radios for 4G and 5G capacity is led by the triple-band Radio 4485 for FDD (frequency-division duplexing), which is 53 percent lighter and consumes about 22 percent less energy than comparable products. New dual and single-band radios have also been launched.

 Ericsson has also introduced a new range of wideband Massive MIMO radios – spearheaded by the industry-first, ultra-wideband AIR 6476 – which provides 600MHz instantaneous bandwidth that doubles capacity without additional antenna footprint and enhances user experience.

 Software is in the spotlight as well with new features such as Interference Sensing, which optimizes mid-band Massive MIMO performance by minimizing inter-cell interference and increasing network capacity by up to 40 percent.

 The new solutions will be on show in Ericsson’s booth in Hall 2 at the Fira Gran Via during MWC Barcelona 2023 from February 27 to March 2. The portfolio additions will be commercially available during 2023 and Q1, 2024.

 In Thailand Ericsson will market its Massive MIMO, AIR 6419 B41 and Radio 4490 B1/B3 solutions to deliver the ultimate network efficiency for both consumers and enterprises.

มร.อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด

“With our strong global 5G presence and high-performance solutions, we are powering the network infrastructure in Thailand to deliver the best customer experience for consumers and become the best platform for key stakeholders in the enterprise segment to digitalize their business operations at a very competitive cost,” said Igor Maurell, Head of Ericsson Thailand.

Ericsson recently tested the latest generation product of Massive MIMO, AIR 6419 B41 solution on 2600-MHz spectrums and the result shows the product as delivering an excellent performance with less maintenance requirement due to its passive cooling system.

The company is also undergoing a testing of its Radio 4490 B1/B3 products on 2100- and 1800-MHz dual bands. The solution is the mainstream radio for high-density urban areas, consuming 25% less power and weighing 25% lower compared to the previous product. Radio 4490 also requires less maintenance with its passive cooling system. The testing is expected to be completed by the end of February 2023.

Find out more about the latest macro and mobile transport portfolio additions.

Ericsson เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายใหม่ในงาน MWC 2023 มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

Ericsson เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายใหม่ในงาน MWC 2023 มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

Ericsson เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายใหม่ในงาน MWC 2023 มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

    • ระบบวิทยุสื่อสารใหม่ 10 รุ่น นำโดย Triple-Band Radio 4485 ที่มีน้ำหนักเบากว่าผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกันถึง 53% นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโซลูชันการขนส่งและซอฟต์แวร์เคลื่อนที่ใหม่
    • เปิดตัวระบบคลื่นวิทยุ Massive MIMO บนคลื่น 600MHz เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม มาพร้อมซอฟต์แวร์ตรวจจับสัญญาณรบกวนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอีริคสัน เพิ่มความจุมากกว่าเดิม 40% และมีฮาร์ดแวร์รองรับทั้งพอร์ตโฟลิโอ
    • อีริคสันวางแผนนำเสนอโซลูชั่น AIR 6419 และ Radio 4490 ในตลาดประเทศไทย เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพเครือข่ายขั้นสูงสุดให้แก่ทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจ

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำสนับสนุนผู้ให้บริการสื่อสาร เดินหน้าไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ RAN และ Transport ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการสร้างรายได้ของผู้ให้บริการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย 5G ณ งาน Mobile World Congress (MWC) 2023 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน

โซลูชันใหม่ของอีริคสันมากกว่า 10 โซลูชัน จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงจำนวนสถานีฐาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและเพิ่มศักยภาพเครือข่าย ด้วย New Remote Radios ใหม่ที่มีศักยภาพครบวงจร สำหรับการขยายประสิทธิภาพเครือข่าย 4G และ 5G ที่นำโดยคลื่นวิทยุแบบ ย่านความถี่ 4485 หรือ Triple-Band Radio 4485 for FDD (Frequency-Division Duplexing สำหรับใช้รับ-ส่งสัญญาณข้อมูล Downlink และ Uplink ในความถี่ต่างกัน) ซึ่งมีน้ำหนักเบาขึ้นกว่า 53% และใช้พลังงานน้อยกว่า 22% เทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวระบบวิทยุสื่อสารแบบดูอัลแบนด์และซิงเกิลแบนด์ใหม่

 อีริคสันยังเปิดตัวระบบคลื่นวิทยุ Massive MIMO แบบไวด์แบนด์รุ่นล่าสุด Ultra-wideband AIR 6476 ซึ่งเป็นรายแรกในอุตสาหกรรม บนคลื่นความถี่ 600MHz ช่วงช่องสัญญาณที่ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน (Instantaneous Bandwidth) ซึ่งให้ความจุเพิ่มเป็น 2 เท่าโดยไม่ต้องติดตั้งเสาอากาศเพิ่ม มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ผู้ใช้

 นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ยังได้รับความสนใจในงานนี้ด้วยคุณสมบัติใหม่ ๆ ที่โดดเด่น เช่น การตรวจจับสัญญาณรบกวนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Massive MIMO ช่วงย่านความถี่ระดับกลาง โดยลดการรบกวนสัญญาณระหว่างเซลล์พร้อมเพิ่มความจุเครือข่ายสูงสุดถึง 40%

 โซลูชันใหม่จะจัดแสดงที่บูธของอีริคสันที่งาน MWC Barcelona 2023, Hall 2 ที่ Fira Gran Via ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 2 มีนาคม พอร์ตโฟลิโอเพิ่มเติมต่าง ๆ จะเริ่มวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปีนี้และไตรมาสที่ 1 ปี ค.ศ.2024

สำหรับในประเทศไทย อีริคสันจะทำการตลาดโซลูชั่น Massive MIMO, AIR 6419 B41 และ Radio 4490 B1/B3 เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพเครือข่ายขั้นสูงสุดสำหรับทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจ

มร.อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด

มร. อิกอร์ มอเรล ประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “เรากำลังขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายในประเทศไทยด้วยโซลูชันประสิทธิภาพสูงผนวกกับความแข็งแกร่งของเครือข่าย 5G ทั่วโลก เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าสำหรับผู้บริโภค และเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในกลุ่มองค์กรธุรกิจ เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลของพวกเขาเป็นไปได้ในต้นทุนที่แข่งขันได้”

เมื่อเร็ว ๆ นี้อีริคสันได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ Massive MIMO รุ่นล่าสุด รวมถึงโซลูชัน AIR 6419 B41 บนคลื่นความถี่ 2600MHz และผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม โดยมีความต้องการการบำรุงรักษาน้อยลงเนื่องจากระบบระบายความร้อนแบบพาสซีฟ

ทั้งนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการทดสอบผลิตภัณฑ์ Radio 4490 B1/B3 บนย่านความถี่ดูอัลแบนด์ 2100MHz และ 1800MHz ซึ่งโซลูชั่นนี้เป็นระบบคลื่นวิทยุหลักสำหรับใช้งานในเขตเมืองที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งใช้พลังงานน้อยลง 25% และมีน้ำหนักลดลง 25% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ Radio 4490 ยังต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าด้วยระบบระบายความร้อนแบบพาสซีฟ ซึ่งคาดว่าการทดสอบจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

Find out more about the latest macro and mobile transport portfolio additions.

Manav Kamboj appointed as Managing Director, Fintech, in addition to his current role of Chief Technology Officer at PropertyGuru Group

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com ประกาศแต่งตั้ง “มานาฟ แคมบอช” นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจฟินเทค ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีในปัจจุบัน

Manav Kamboj appointed as Managing Director, Fintech, in addition to his current role of Chief Technology Officer at PropertyGuru Group

PropertyGuru Group Limited (NYSE: PGRU) (“PropertyGuru” or “the Group”), Southeast Asia’s leading[4], property technology (“PropTech”) company today announced that Manav Kamboj, the Chief Technology Officer of PropertyGuru Group will assume leadership of the PropertyGuru Fintech business as the Managing Director (MD) with immediate effect.

 PropertyGuru ventured into fintech with the launch of PropertyGuru Finance in 2020 in Singapore and as of Q3 2022, the mortgage business had brokered over S$3 billion in homes loans. Manav will lead the business, leveraging technology, data, and analytics to drive further digitisation of the home loan process and operational excellence. He has been working closely with PropertyGuru Fintech team since its inception, focusing on its technology systems and infrastructure and brings with him these insights to his new role. 

Speaking about the appointment, Hari V Krishnan, Chief Executive Officer and Managing Director, PropertyGuru Group said, “Manav brings a strong skillset in technology and experience in financial services, combined with deep understanding of our markets and customer needs. This will help in targeting our Fintech ambitions starting with PropertyGuru Finance which is digitising the home loan process in Singapore. I wish him the very best for this new additional role.” 

Manav Kamboj, Chief Technology Officer and Managing Director, Fintech, PropertyGuru Group said, “I am excited about my new role as MD, Fintech and the opportunities that are out there in helping the consumers maximise the value of their property assets. Our focus will be on developing products and solutions for the mortgage market that guide the home buyers’ financing needs and that are more often than not the biggest hurdle in their home ownership journey.” 

Manav joined PropertyGuru Group as CTO in 2017 and since then has grown the technology team to double its size. As the CTO, he leads a distributed team of engineers, software developers and data scientists who deliver technology solutions to address the ever-changing needs of home seekers, real estate agents and property developers across the region. Under his leadership, PropertyGuru Group was recently certified ISO/IEC 27001 Information Security Management System (#ISMS). ISO/IEC 27001:2013 is the international standard for information security. He also spearheaded the inauguration of PropertyGuru Group’s technology Centre of Excellence in Bengaluru, India. The inauguration of the centre marks the Group’s sixth country office (talent-only), alongside offices in Singapore, Malaysia, Thailand, Vietnam, and Indonesia. This CoE is a significant step to scale the technology capability and capacity to drive PropertyGuru’s mission to help property seekers, sellers and owners make confident property decisions, beyond ‘property search’. 

He has more than two decades of extensive experience in the consumer internet industry across eCommerce, mobile applications and technology consulting. On top of his extensive experience in technology, Manav spent more than 7 years in retail banking, leading cross-functional teams in retail lending, product management and customer acquisition strategy. 

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com ประกาศแต่งตั้ง “มานาฟ แคมบอช” นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจฟินเทค ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีในปัจจุบัน

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com ประกาศแต่งตั้ง “มานาฟ แคมบอช” นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจฟินเทค ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีในปัจจุบัน

“พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป” บริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ และ thinkofliving.com ประกาศแต่งตั้ง “มานาฟ แคมบอช” นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจฟินเทค ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีในปัจจุบัน

บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด บริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ[1] (Prop Tech) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้ชื่อ PGRU (NYSE: PGRU) (โดยต่อจากนี้จะเรียกว่า “พร็อพเพอร์ตี้กูรู” หรือ “กรุ๊ป”) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ 2 แพลตฟอร์มชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยอย่าง DDproperty.com แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ-ขาย-เช่า-ลงทุน และ thinkofliving.com เว็บไซต์ที่รวบรวมรีวิว ข่าวสารด้านอสังหาฯ และโครงการใหม่ชั้นนำของประเทศ โดยวันนี้ทางกรุ๊ปได้ประกาศแต่งตั้งนายมานาฟ แคมบอช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป ขึ้นดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการผู้จัดการ (MD) หน่วยธุรกิจฟินเทคของพร็อพเพอร์ตี้กูรู ควบคู่กับตำแหน่งเดิม โดยมีผลทันที

พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้เข้าสู่ธุรกิจฟินเทค และเปิดตัวพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไฟแนนซ์ ในปี 2563 ในประเทศสิงคโปร์ และในไตรมาส 3 ของปี 2563 ธุรกิจสินเชื่อได้สร้างสถิติโดยการสร้างยอดสินเชื่อบ้านสูงกว่า 3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (ราวกว่า 77.6 หมื่นล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566) ซึ่งในการเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ นายมานาฟจะนำเทคโนโลยี ดาต้า และการวิเคราะห์เข้ามาขับเคลื่อนขั้นตอนการขอสินเชื่อในรูปแบบดิจิทัลให้มากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละขั้นตอนให้ดียิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ นายมานาฟได้ร่วมงานกับทีมพร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟินเทคอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มต้น โดยให้ความสำคัญกับการวางระบบและเทคโนโลยี ซึ่งเขาพร้อมนำข้อมูลและประสบการณ์ต่าง ๆ มาปรับใช้ในตำแหน่งใหม่ที่ได้รับนี้ 

ด้านนายแฮร์รี่ วี. คริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวถึงการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า “คุณมานาฟมาพร้อมด้วยทักษะ ความสามารถ และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ทางบริการด้านการเงินที่หลากหลาย ผนวกกับมีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในตลาดต่าง ๆ ที่เราดำเนินการอยู่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยในการตั้งเป้าหมายสำหรับธุรกิจฟินเทค โดยเริ่มจาก พร็อพเพอร์ตี้กูรู ไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นการนำขั้นตอนการขอสินเชื่อบ้านมาสู่โลกดิจิทัลในสิงคโปร์ และผมขอให้เขาประสบความสำเร็จในบทบาทใหม่ที่เพิ่มเข้ามา” 

ในขณะที่นายมานาฟ แคมบอช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี และกรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจฟินเทค พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ในฐานะกรรมการผู้จัดการของหน่วยธุรกิจฟินเทค ผมคิดว่ามีโอกาสมากมายรอเราอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้มูลค่าของสินทรัพย์อย่างอสังหาริมทรัพย์ของตนเองได้อย่างสูงสุด โดยเป้าหมายของเราคือ การพัฒนาโปรดักส์และโซลูชั่นสำหรับตลาดสินเชื่อ ที่สามารถช่วยแนะนำคนที่กำลังซื้อบ้านที่มีความต้องการบริการทางด้านการเงิน เปลี่ยนอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่จะขัดขวางการมีบ้านเป็นของตัวเองให้กลายเป็นโอกาสมอบให้แก่พวกเขาได้” 

นายมานาฟ ร่วมงานกับพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปครั้งแรกในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) เมื่อปี พ.ศ. 2560 และนับจากนั้นเขาได้สร้างทีมเทคโนโลยีที่ใหญ่ขึ้นถึงสองเท่า ในฐานะ CTO นายมานาฟทำหน้าที่หัวหน้าทีมวิศวกร นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลในหลายประเทศ ซึ่งทีมเหล่านี้ได้นำเสนอโซลูชั่นต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของผู้ที่ต้องการมีบ้าน เอเจนต์อสังหาฯ รวมไปถึงบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ทั่วภูมิภาค 

ภายใต้การนำทีมของนายมานาฟ พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปเพิ่งได้รับการรับรองด้านระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ISO/IEC 27001 (#ISMS). ISO/IEC 27001:2013 คือการรับรองพื้นฐานระดับนานาชาติสำหรับการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล นอกจากนี้ เขายังเป็นหัวหอกในการสร้างศูนย์ความเป็นเลิศ (CoE) แห่งแรกของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปในเมืองเบงกาลูรู ประเทศอินเดีย ซึ่งการเปิดศูนย์ดังกล่าวนับเป็นสำนักงานแห่งที่หกของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปอีกด้วย (มีเฉพาะพนักงานเท่านั้น) นอกเหนือไปจากสำนักงานในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยศูนย์ CoE จะเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายกำลังและความสามารถทางเทคโนโลยี เพื่อที่จะขับเคลื่อนภารกิจของพร็อพเพอร์ตี้กูรูที่มุ่งหวังจะช่วยให้คนหาบ้าน คนขายบ้าน และเจ้าของบ้านตัดสินใจในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอสังหาฯ ได้อย่างมั่นใจ และแน่นอนว่า “เป็นมากกว่าการค้นหาบ้าน” 

คุณมานาฟมีประสบการณ์อย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับผู้บริโภค อาทิ อินเทอร์เน็ต อีคอมเมิร์ซ บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ และบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ นายมานาฟยังมีประสบการณ์กว่า 7 ปีในธุรกิจธนาคารเพื่อธุรกิจรายย่อย โดยเป็นผู้นำทีมต่าง ๆ ในหลายตลาด และหลายสาขาธุรกิจ  ไม่ว่าจะเป็นทีมสินเชื่อรายย่อย ทีมดูแลจัดการโปรดักส์ และทีมกลยุทธ์ในการหาลูกค้า