Nutanix releases Starter Kit Bundle to supercharge partner sales cycle

Nutanix releases Starter Kit Bundle to supercharge partner sales cycle

Nutanix releases Starter Kit Bundle to supercharge partner sales cycle

Nutanix has announced the release of a Starter Kit Bundle for its channel partners across Thailand as of today.

The kit provides customers new to Nutanix the quickest and easiest way to get started with the Nutanix Cloud Platform. It includes Nutanix’s leading hybrid multicloud platform, integrated virtualization, and one-click management, along with deployment and migration services to accelerate time-to-value, and education vouchers to get IT staff the skills they need to maximize the value of their investment. 

Han Chon, managing director, Nutanix ASEAN, said the starter kit can be deployed on any hardware within the Nutanix hardware compatibility list or on supported public or service provider clouds.

“Our bundle is purpose-built to help our partners engage new logos and get them started with Nutanix in an effortless way,” Han said. “It’s an express on-ramp that will simplify and streamline the initial sales cycle, then open the door to future expansion deals.”

Key features of the Nutanix Starter Kit Bundle include:

    • The Nutanix Cloud Platform: Nutanix Cloud Infrastructure Pro and Nutanix Cloud Manager Starter are included in the bundle. These provide rich data services, resilience, and management features with infrastructure AIOps, monitoring, planning, right sizing, and low code automation.
    • Deployment and Migration Services: Cluster deployment at a single site for up to eight nodes on the customer’s choice of supported hardware platforms. Fastrack deployments are also available for integrations of Nutanix Prism (intelligent infrastructure management) and Nutanix Move (for VM migration). 
    • Education and certification: Nutanix Certified Professional (NCP) exam vouchers for three students and three individual seats for NCP – Multicloud Infrastructure classes with virtual instructor-led training. 

Michael Magura, vice president, APAC Channel Sales at Nutanix, said, “We created this bundle following feedback from partners that customers are looking to mitigate risk due to changes in the vendor landscape. As a result, customers are looking to establish a dual vendor strategy for particular workloads or migrate from their current vendor, and the Starter Kit is designed to help build that migration bridge for ease and assurance of transition.”

“Critically, we believe that once customers experience Nutanix, it won’t be long before they engage our partners to increase their deployment.” 

 

นูทานิคซ์เปิดตัว Starter Kit Bundle เสริมแกร่งการขายให้กับพันธมิตร

Nutanix releases Starter Kit Bundle to supercharge partner sales cycle

นูทานิคซ์เปิดตัว Starter Kit Bundle เสริมแกร่งการขายให้กับพันธมิตร

นูทานิคซ์เปิดตัว Starter Kit Bundle สำหรับพันธมิตรช่องทางการขายผลิตภัณฑ์และบริการของนูทานิคซ์ในประเทศไทย

Starter kit นี้ ช่วยให้ลูกค้าที่เริ่มใช้และยังใหม่กับโซลูชันของนูทานิคซ์ สามารถเริ่มต้นใช้ Nutanix Cloud Platform ได้ง่ายและเร็วที่สุด โดยในชุดประกอบด้วยแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์คุณภาพระดับแนวหน้าของนูทานิคซ์ เวอร์ชวลไลเซชันแบบบูรณาการ และระบบการบริหารจัดการแบบคลิกเดียว มาพร้อมด้วยบริการด้านการใช้งานและการโยกย้ายการทำงาน เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ (time to value) ได้เร็วขึ้น และให้การรับรองความรู้ต่าง ๆ (education vouchers) เพื่อเสริมทักษะด้านไอทีที่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ไอที และลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน

นายฮัน ชอน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียนของนูทานิคซ์ กล่าวว่า starter kit นี้สามารถนำไปใช้กับฮาร์ดแวร์ใดก็ได้ที่อยู่ในลิสต์รายการฮาร์ดแวร์ที่ใช้กับนูทานิคซ์ได้ หรือใช้บนพับลิคคลาวด์ หรือผู้ให้บริการคลาวด์ต่าง ๆ ที่รองรับการทำงานกับนูทานิคซ์

“Starter kit ที่รวมคุณประโยชน์ต่าง ๆ ไว้ด้วยกันนี้ สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และเริ่มต้นใช้งานนูทานิคซ์ได้อย่างเรียบง่าย เป็นเหมือนเส้นทางลัดที่รวดเร็วที่ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความคล่องตัวให้กับการเริ่มต้นวงจรด้านการขาย และเปิดโอกาสสู่การตกลงทางธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต” 

ฟีเจอร์สำคัญของ Nutanix Starter Kit Bundle มีดังนี้ 

    • Nutanix Cloud Platform: ชุด starter kit นี้มี Nutanix Cloud Infrastructure Pro และ Nutanix Cloud Manager Starter รวมอยู่ด้วย โซลูชันทั้งสองนี้มอบบริการด้านการจัดเก็บข้อมูลที่ครบเครื่อง มอบความยืดหยุ่น และฟีเจอร์ด้านการบริหารจัดการด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ AIOps การติดตามตรวจสอบ การวางแผน การปรับขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน และระบบจัดการอัตโนมัติที่ใช้โค้ดน้อยที่สุด
    • บริการด้านการติดตั้งและการโยกย้าย: ให้บริการติดตั้งจำนวนหนึ่งคลัสเตอร์​ภายในไซต์เดียวกัน
      และได้มากถึงแปดโหนดบนฮาร์ดแวร์ที่รองรับการใช้งานกับนูทานิคซ์ที่ลูกค้าเลือก ทั้งยังมีฟาสต์แทร็ก ต่าง ๆ ที่พร้อมใช้งานผ่านการทำงานร่วมกันของ Nutanix Prism (โซลูชันด้านการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ชาญฉลาด) และ Nutanix Move (โซลูชันเพื่อการโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีน)
    • การให้ความรู้และให้การรับรอง: ให้การรับรองการสอบ Nutanix Certified Professional (NCP) กับผู้เรียนสามรายและอีกสามรายที่นั่งเพื่อเข้าชั้นเรียน NCP – Multicloud Infrastructure ซึ่งมีผู้สอนให้การฝึกอบรมแบบเวอร์ชวล
  •  

นายไมเคิล มากุระ รองประธานฝ่ายช่องทางการขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “การรวมโซลูชันต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นไว้ใน starter kit นี้เป็นไปตามข้อมูลที่เราได้รับจากพันธมิตรว่า ลูกค้ากำลังมองหาแนวทางลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในวงการผู้ขายเทคโนโลยี (เวนเดอร์) ดังนั้นลูกค้าจึงต้องการสร้างกลยุทธ์ในการใช้เวนเดอร์คู่สำหรับเวิร์กโหลดที่เฉพาะเจาะจงหรือการโยกย้ายจากเวนเดอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น starter kit นี้ จึงออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างสะพานเชื่อมการโยกย้ายนั้นๆ ให้ลูกค้ามีความสะดวกและมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ”

“เราเชื่อมั่นว่าไม่นานหลังจากที่ลูกค้าได้ใช้โซลูชันของนูทานิคซ์แล้ว ลูกค้าเหล่านั้นจะใช้โซลูชันของนูทานิคซ์ผ่านมาทางพันธมิตรของเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

ธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศของ Alipay และ AlipayHK ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงตรุษจีน ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว

ธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศของ Alipay และ AlipayHK ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงตรุษจีน ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว

ธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศของ Alipay และ AlipayHK ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงตรุษจีน ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว

ไทยครองแชมป์อันดับหนึ่งสำหรับ ‘ประเทศที่มีปริมาณการทำธุรกรรมสูงสุด’ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ติดอันดับท็อปด้านการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านบริการ Alipay นอกเหนือจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ในช่วงวันหยุดดังกล่าว
    • ช่วงวันที่ 21-27 มกราคม ซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ยาว 7 วันในจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นปีเถาะ Alipay และ AlipayHK ซึ่งเป็นพันธมิตรวอลเล็ทของ Alipay+ รายงานว่าปริมาณการทำธุรกรรมระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจีนผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง

การเดินทางในประเทศและระหว่างประเทศของจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาสำหรับการเริ่มต้นปีเถาะ โดยเห็นได้จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดการชำระเงินดิจิทัลระหว่างประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ในช่วงวันที่ 21 ถึง 26 มกราคม ปริมาณการทำธุรกรรมในต่างประเทศของผู้ใช้ Alipay เพิ่มสูงขึ้นถึง150% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อพิจารณาจากจำนวนธุรกรรมในช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา

ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง โดยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากฮ่องกงและมาเก๊า ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 5 อันดับแรกที่มีปริมาณการทำธุรกรรมสูงสุดโดยผู้ใช้ Alipay ในช่วง 6 วันแรกของเทศกาลตรุษจีน ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา โดยไทย ‘ครองแชมป์อันดับหนึ่ง’

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนการทำธุรกรรมผ่าน Alipay จากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังมาเก๊าเพิ่มขึ้น 100% ขณะที่ธุรกรรมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังฮ่องกงเพิ่มขึ้นเกือบ 70%  ปัจจุบัน Alipay ให้บริการแก่ผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคน และได้ทรานส์ฟอร์มจากการเป็นเครื่องมือการชำระเงินที่เชื่อถือได้มาเป็นโอเพ่นดิจิทัลแพลตฟอร์มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ไทยเป็นหนึ่งในห้าจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ Alipay ในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า และมาเลเซีย การชำระเงินข้ามพรมแดนของ Alipay ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับผู้ค้ารายย่อย เช่น คนขายของริมถนน และร้านสะดวกซื้อ และยอดใช้จ่ายเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ร้านค้าปลอดภาษีในประเทศต่าง ๆ

เมื่อวันที่ 8 มกราคม จีนได้ประกาศมาตรการเบื้องต้นเพื่อลดข้อจำกัดการเดินทางระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง โดยยกเลิกข้อกำหนดการกักกันโรคที่บังคับใช้มาเกือบ 3 ปี  วันหยุดนักขัตฤกษ์ช่วงตรุษจีนมีการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มหันมาท่องเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง ส่วนนักเดินทางจากฮ่องกงและมาเก๊าเดินทางกลับไปยังจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อพักผ่อนหรือร่วมงานรวมญาติ

AlipayHK อีวอลเล็ทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฮ่องกง มีผู้ใช้งาน 3.3 ล้านคน รายงานยอดธุรกรรมในจีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊าเพิ่มสูงขึ้นถึง 18 เท่าในช่วงวันที่ 21 ถึง 24 มกราคม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ใช้ AlipayHK ที่ทำธุรกรรมในจีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊าเพิ่มขึ้น 15 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้ง Alipay และ AlipayHK เป็นพันธมิตรอีวอลเล็ทของ Alipay+ ผู้ให้บริการโซลูชั่นการชำระเงินและการตลาดดิจิทัลระหว่างประเทศระดับโลกที่ Ant Group เป็นเจ้าของ โดยเชื่อมโยงผู้ค้ากับบริการอีวอลเล็ทและช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย ปัจจุบัน Alipay+ มีพันธมิตรด้านโมบายล์เพย์เมนท์มากกว่า 15 รายทั่วโลก ผู้บริโภคสามารถใช้ช่องทางการชำระเงินในท้องถิ่นตามความต้องการได้อย่างสะดวกสบาย ควบคู่ไปกับการทำธุรกรรมในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น และรับสิทธิประโยชน์จากข้อเสนอทางการตลาด และโปรโมชั่นจากผู้ค้าผ่าน Alipay+

AlipayHK อีวอลเล็ทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฮ่องกง มีผู้ใช้งาน 3.3 ล้านคน รายงานยอดธุรกรรมในจีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊าเพิ่มสูงขึ้นถึง 18 เท่าในช่วงวันที่ 21 ถึง 24 มกราคม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนจำนวนผู้ใช้ AlipayHK ที่ทำธุรกรรมในจีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊าเพิ่มขึ้น 15 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้ง Alipay และ AlipayHK เป็นพันธมิตรอีวอลเล็ทของ Alipay+ ผู้ให้บริการโซลูชั่นการชำระเงินและการตลาดดิจิทัลระหว่างประเทศระดับโลกที่ Ant Group เป็นเจ้าของ โดยเชื่อมโยงผู้ค้ากับบริการอีวอลเล็ทและช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย

ปัจจุบัน Alipay+ มีพันธมิตรด้านโมบายล์เพย์เมนท์มากกว่า 15 รายทั่วโลก ผู้บริโภคสามารถใช้ช่องทางการชำระเงินในท้องถิ่นตามความต้องการได้อย่างสะดวกสบาย ควบคู่ไปกับการทำธุรกรรมในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น และรับสิทธิประโยชน์จากข้อเสนอทางการตลาด และโปรโมชั่นจากผู้ค้าผ่าน Alipay+

เช็กให้ชัวร์! เลือกซื้อ “บ้านมือสอง” ไม่ให้โดนหลอก

เช็กให้ชัวร์! เลือกซื้อ “บ้านมือสอง” ไม่ให้โดนหลอก

เช็กให้ชัวร์! เลือกซื้อ “บ้านมือสอง” ไม่ให้โดนหลอก

ขณะที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงรอการฟื้นตัวจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้นในปี 2566 แต่กำลังซื้อผู้บริโภคในตลาดที่อยู่อาศัยนั้นยังคงต้องการมาตรการภาครัฐที่เข้ามาสนับสนุนการตัดสินใจซื้อในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ หลังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เผยทิศทางปรับขึ้นราคาโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างใหม่ ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยมือสองกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากเป็นเจ้าของอสังหาฯ ในเวลานี้ 

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีการประกาศขายเพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มีการขยายตัวในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สอดคล้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือสองในช่วง 11 เดือนของปี 2565 ที่มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัยมือหนึ่งและมือสอง ในช่วงที่ผ่านมาผู้ขายและนักลงทุนที่มีสินค้าในมือจึงนำที่อยู่อาศัยมือสองมาประกาศขายมากขึ้น เพื่อให้ตอบรับดีมานด์ที่มีในตลาดตอนนี้

ข้อดีของบ้าน/คอนโดฯ มือสองที่หลายคนไม่ควรมองข้าม 

ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายอันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเปราะบาง และหันมาเก็บออมกันมากขึ้น เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้บ้าน/คอนโดฯ มือสองกลายเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจและคุ้มค่าในเวลานี้ โดยอสังหาฯ มือสองนั้นมีข้อดีและจุดเด่นที่ผู้บริโภคไม่ควรมองข้าม ดังนี้

    • ได้บ้านในราคาเอื้อมถึง เพิ่มโอกาสต่อรองราคา ปัจจัยสำคัญก็คือราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณที่มี ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่นั้นยังไม่กลับมาฟื้นตัวดีดังเดิม ทำให้หลายคนเลือกพิจารณาที่อยู่อาศัยมือสองที่กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้ เมื่อคิดค่าเสื่อมตามการใช้งานแล้วบ้าน/คอนโดฯ มือสองยังมีราคาต่ำกว่า ขณะที่เมื่อเทียบราคาต่อพื้นที่ยังได้พื้นที่ใช้งานมากขึ้นเมื่อเทียบกับบ้าน/คอนโดฯ มือหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถต่อรองราคาที่พึงพอใจกับผู้ขายได้โดยตรง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยมือสองที่มีสภาพสมบูรณ์ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 
    • ได้บ้านที่ใช่ในทำเลหายาก ทำเลที่มีความเจริญ มีสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ รองรับการเดินทางที่หลากหลาย และมีโครงการรถไฟฟ้าพาดผ่าน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ตลาดอสังหาฯ แข่งขันอย่างดุเดือด การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินผนวกกับการปรับราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างโดยเฉพาะโครงการใหม่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ที่อยู่อาศัยมือสองจึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลทองหรือทำเลที่มีความเจริญซึ่งหาโครงการมือหนึ่งได้ยาก ขณะที่ที่อยู่อาศัยมือสองมีตัวเลือกและรูปแบบที่หลากหลายมากกว่าในย่านนั้น ๆ
    • เห็นของจริง ไม่ต้องวัดดวง ผู้ซื้อจะได้เห็นสภาพบ้านที่แท้จริงพร้อมทั้งสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียด รวมไปถึงเพื่อนบ้านข้างเคียง ไม่ต้องรอลุ้นหลังก่อสร้างแล้วเสร็จเหมือนที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ นอกจากนี้บ้าน/คอนโดฯ มือสองมักมีการตกแต่งมาแล้ว หรืออาจมีการแถมเฟอร์นิเจอร์มาให้ ผู้บริโภคสามารถใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดหรือวางแผนต่อเติมใหม่ได้ง่ายขึ้น 
    • ระบบการก่อสร้างแบบเก่าตอบโจทย์สายแต่งบ้าน ส่วนใหญ่บ้านมือสองที่ก่อสร้างมานานจะเป็นระบบการก่อสร้างแบบเก่า เช่น การสร้างด้วยอิฐมอญฉาบปูน ต่างจากการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปัจจุบันที่ก่อสร้างด้วยผนังอิฐมวลเบา และผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) ที่มีจุดเด่นต่างกันในด้านความแข็งแกร่งทนทาน และผนังอิฐมอญทนกับทุกสภาพอากาศในเมืองไทยเป็นอย่างดี จึงเหมาะกับผู้ที่มีแผนต่อเติมและดัดแปลงที่อยู่อาศัย หรือผู้ที่ชอบตกแต่งรีโนเวทบ้านด้วยตัวเอง

วัดระดับความพร้อม… เช็กข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยมือสอง

แม้การซื้อที่อยู่อาศัยมือสองจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของบ้านในราคาที่เอื้อมถึง แต่ก็มีข้อแตกต่างจากการซื้อที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ไม่น้อย ผู้บริโภคที่ไม่เคยซื้อที่อยู่อาศัยมือสองมาก่อนจึงควรทำความเข้าใจให้ดีในทุกขั้นตอน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ขอแนะนำข้อควรพิจารณาและตรวจสอบก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของบ้าน/คอนโดฯ มือสอง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

    • รู้เหตุผลที่แท้จริงในการขายบ้าน สิ่งแรกที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน/คอนโดฯ มือสอง คือเหตุผลในการประกาศขายของเจ้าของเดิม เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจและต่อรองราคา เนื่องจากบางสาเหตุอาจส่งผลกระทบในอนาคตได้ เช่น ขายบ้านเนื่องจากมีภาระหนี้สิน หรือถูกเจ้าหนี้บังคับขาย หรือขายเพราะปัญหาเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน 
    • เช็กสภาพบ้านให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้ซื้อควรสังเกตรายละเอียดโครงสร้างบ้านและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ประกอบด้วยเช่นกัน เนื่องจากเจ้าของเดิมอาจจงใจไม่แจ้งปัญหาด้านโครงสร้างหรือการใช้งานอื่น ๆ ให้ผู้ซื้อทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาก็เป็นได้ เช่น พื้นดินรอบบ้านหรือรั้วทรุดตัว เสาหรือคานมีรอยแตกร้าวลึก หากพบปัญหาเหล่านี้ ผู้ซื้อควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในการแก้ไข ก่อนตกลงต่อรองเรื่องราคากับเจ้าของเดิมอีกครั้ง
    • ตรวจสอบกรรมสิทธิ์ของบ้าน/คอนโดฯ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญคือการตรวจสอบให้ละเอียดว่าโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่จะซื้อนั้นถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากโฉนดที่ผู้ขายนำมาให้อาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือมีการปลอมแปลง หรือถูกอายัดตามกฎหมาย ผู้ซื้อจึงควรตรวจสอบรายละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก่อน เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้ประกาศขายไม่ใช่เจ้าของบ้านตัวจริง แล้วแอบอ้างขายบ้านมือสองของผู้อื่น ซึ่งหากได้ตกลงทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ผู้ซื้อเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ในกรณีที่จำเป็นต้องตกลงซื้อขายกับผู้อื่น เช่น ญาติของเจ้าของเดิม จะต้องให้ผู้ขายนั้นแสดงหลักฐานใบมอบอำนาจพร้อมหลักฐานประกอบอื่น ๆ ที่ชัดเจนก่อนเสมอ
    • “ใบปลอดหนี้” สิ่งจำเป็นในการซื้อขาย ใบปลอดหนี้ คือเอกสารที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินค่าส่วนกลางในการอยู่อาศัยในคอนโดฯ หากขาดเอกสารนี้จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินได้ โดยผู้ขายต้องเป็นผู้ดำเนินการขอเอกสารนี้ที่สำนักงานนิติบุคคล เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายค้างชำระ (ถ้ามี) ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบให้ดีว่าเจ้าของเดิมค้างจ่ายค่าส่วนกลางหรือมีหนี้ค้างอื่นกับทางนิติบุคคลหรือไม่ และแจ้งให้ผู้ขายจัดการเคลียร์หนี้ค้างให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้เอง 
    • ตกลงรายละเอียดสัญญา และค่าใช้จ่ายวันโอน เมื่อได้บ้านที่ถูกใจแล้ว ผู้ซื้อควรติดต่อผู้ขายเพื่อตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายให้ชัดเจน โดยควรระบุราคาที่ตกลงซื้อขาย รวมถึงค่ามัดจำ และระยะเวลาที่ต้องชำระส่วนที่เหลือให้ชัดเจน หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ภายในกำหนด ผู้ขายก็จะมีสิทธิ์ยึดเงินมัดจำเช่นกัน ซึ่งเมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายเรียบร้อยแล้ว ผู้ขายจะต้องให้สำเนาโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพื่อใช้เป็นเอกสารในการดำเนินการยื่นกู้กับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ในสัญญาจะซื้อจะขายต้องระบุรายละเอียดในเรื่องค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจนว่า ฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือตกลงแบ่งจ่ายกันอย่างไร หลัก ๆ แล้วผู้ซื้อจะมีค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ดังนี้ 
      • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมินที่ดินหรือราคาซื้อขาย ส่วนใหญ่แบ่งจ่ายคนละครึ่งกับผู้ขาย (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าโอนกรรมสิทธิ์จะเหลือ 1%)
      • ค่าจดจำนอง 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด ในกรณีที่ขอยื่นกู้กับสถาบันการเงินเท่านั้น (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าจดจำนองจะเหลือ 0.01%)
      • ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน

 

    • เลือกเอเจนต์ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นตัวช่วย การซื้อบ้าน/คอนโดฯ มือสองมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากการซื้อบ้านใหม่ไม่น้อย จึงอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ซื้อที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน การเลือกใช้บริการนายหน้าหรือเอเจนต์อสังหาฯ จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ นอกจากเอเจนต์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาฯ แล้ว ยังสามารถให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยประหยัดเวลาของผู้ซื้อมือใหม่ได้ไม่น้อย ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่ามากกว่าครึ่งของผู้บริโภค (56%) เผยเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกซื้ออสังหาฯ ผ่านเอเจนต์อสังหาฯ เนื่องจากช่วยประหยัดเวลา ขณะที่ 48% มองว่าเอเจนต์อสังหาฯ มีความรู้และความเชี่ยวชาญมากกว่า อย่างไรก็ดี หากผู้บริโภคไม่มั่นใจกับเอเจนต์อสังหาฯ ก็สามารถเลือกใช้เอเจนต์ที่ได้รับการยืนยันตัวตน (Agent Verification) โดยเอเจนต์จะผ่านการลงทะเบียนยืนยันตัวตนและแสดงข้อมูลการติดต่อ ซึ่งจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเอเจนต์บนเว็บไซต์ DDproperty ที่ผ่านการลงทะเบียนโปรแกรมดังกล่าวข้างต้น มีความน่าเชื่อถือในการที่จะช่วยให้คุณซื้อ-ขาย-เช่าได้อย่างมั่นใจ 

การเริ่มต้นสร้างครอบครัวจากการมีบ้านเป็นของตัวเองถือเป็นอีกก้าวสำคัญในชีวิต บ้านมือสองจึงถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองในยุคนี้ เพราะแท้จริงแล้วความหมายของบ้านไม่ได้อยู่ที่ความใหม่หรือเก่า แต่อยู่ที่การตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว อย่างไรก็ตาม เส้นทางไปสู่การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยอาจไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com) ได้จัดทำ “Buyer’s Guide: ทิปส์ดี ๆ และขั้นตอนการซื้อบ้านใหม่และมือสอง” รวบรวมขั้นตอนการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งและมือสอง ตั้งแต่การเลือกบ้าน ยื่นกู้ ไปจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์ที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อเป็นแนวทางในการซื้อบ้านและคอนโดฯ สำหรับมือใหม่ ช่วยให้ทุกคนพร้อมก้าวสู่เส้นทางอสังหาฯ ได้อย่างมั่นใจ และเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด

Patchwork IT Tearing at The Seams

Patchwork IT Tearing at The Seams

Patchwork IT Tearing at The Seams

Organizations are grappling with an exponential increase in the number of applications and continued database sprawl. Retaking control will be crucial to tackle headwinds in 2023

Aaron White

Article By Aaron White, General Manager and Vice President of Sales – APJ, Nutanix

The pandemic saw organizations of all shapes and sizes rush to enable remote work in the public cloud, cobbling together a hodgepodge of IT solutions to fix holes in the roof. But in their haste to make things ‘work’, they have created new challenges. The unfettered use of cloud has seen costs spiral and reining them in is hard. Continued database sprawl is also a major issue. Moving ahead with patchwork IT will only make things worse.

Applications are redefining infrastructure needs. Organizations are starting to acknowledge that the cloud is an operating model, not merely a destination for the explosion in the number of apps they need. This is a step toward remedying the piecemeal solutions they may have in place.

As the pandemic recedes, we have a new adversary to tackle. Macroeconomic uncertainty is leaving customers walking a fine line: they are now trying to determine how to build robust, adaptive organizations and scale, while controlling costs.

Strained Systems

The temptation would be to stick to the status quo and see how things play out. But many of the technologies that saw us through the pandemic are no longer fit for purpose and will not support the ongoing proliferation of apps and databases that organizations are seeing.

The temptation would be to stick to the status quo, the patchwork IT solutions they may have in place, and see how things play out. But in reality, many of the technologies that saw us through the pandemic are buckling at the knees, no longer fit for purpose and will not support the explosion in the number of apps and databases that businesses need. The patchwork cannot hold indefinitely.

The more stress that organizations put on these systems, the more their costs and liabilities escalate. The patchwork cannot hold indefinitely. Changing familiar infrastructure is always daunting, but failure to act will result in inevitable decline.

An expanding universe of apps calls for a new approach to data management. The spread of apps and databases across multiple clouds and environments means that many organizations lack full visibility of where everything resides and the capabilities to manage it.

There’s no denying the explosion of apps, and it’s no longer feasible to rely on the same approach to data management. Having apps and databases across multiple clouds and environments means that many companies don’t have good visibility of where everything resides or the capabilities to manage the sprawl.

This poses security, governance and operational concerns. It’s time to get practical and reclaim control of the situation, and hybrid multicloud is where the journey begins.

Hybrid multicloud is a cloud deployment model from which to rebalance apps and data. It enables visibility and easy management of their clouds, both public and private, setting up an organization with the flexibility it needs to tackle an uncertain future. 

Getting Ahead of The Curve

In recent months, we have seen numerous organizations prioritize digital transformation and data center modernization, looking beyond their makeshift use of public cloud and databases during the pandemic to settle on a more permanent and stable solution.

In Korea, Nutanix helped Shinsegae Group, a retail conglomerate, realize continuous and error-free operations across its group of companies, even in promotional seasons, supporting up to 10 times more business transactions than usual.

Since adding Nutanix Cloud Clusters (NC2) on AWS, Straive, a Singapore-based content technology company, can now move workloads from on-premise infrastructure to the AWS public cloud and vice versa easily. Personnel can access the applications they need to do their work more quickly.

In another NC2 on AWS example, Sapporo City in Japan was able to reduce IT complexity and operational burden significantly, enabling seamless connectivity between its on-premise infrastructure and AWS.

Since moving to the Nutanix Cloud Platform, Jhaveri Securities in India can now deploy applications 60 percent faster, rolling out new capabilities quicker than ever. Employees are working more efficiently because of an improvement in the performance of software programs following the switch to Nutanix.

Marist College Canberra took infrastructure management out of its to-do list and now has more bandwidth for strategic projects. The IT team is empowered to try out ideas for new services on-the-fly because they can spin up development environments quickly with Nutanix. 

These and numerous other examples underscore the value for organizations in a unified environment, visibility across all clouds, and leveraging automation. In a world where external threats and general unpredictability abound, a strong foundation is critical. It is time to discard their patchwork IT and find more permanent, scalable solutions that will stand the test of time.

Article By Aaron White, General Manager and Vice President of Sales – APJ, Nutanix