ทั้งกำไรทั้งยั่งยืน เกิดพร้อมกันได้จริงหรือ

Profit versus Sustainability

ทั้งกำไรทั้งยั่งยืน เกิดพร้อมกันได้จริงหรือ

บทความโดย เทอร์รี สมา, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น, บริษัทอินฟอร์

มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2593 จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นกว่า 9 พันล้านคน  ทั้งนี้ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเมินว่าโลกจะต้องผลิตอาหารเพิ่มขึ้นถึง 60% เพื่อเลี้ยงปากท้องของทุกคน การเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างมหาศาลจะส่งผลเสียแก่โลกอย่างแน่นอน เมื่อผนวกกับผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการเก็บเกี่ยว และความจำเป็นเร่งด่วนในการลดปริมาณขยะทั่วห่วงโซ่อาหาร ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจถึงเหตุผลที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากขึ้นในการนำความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ 

ภายใต้แรงกดดันด้านซัพพลายเชน ความต้องการและรสนิยมของลูกค้าที่ผันผวนตลอดเวลา ผนวกกับการกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมสำหรับคู่ค้า หมายความว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะต้องดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตโดยลดปัจจัยและทรัพยากรต่าง ๆ ให้น้อยลง  ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่าอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะต้องเพิ่มการรับรองด้านความยั่งยืนให้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะได้ประหยัดเงินและรักษาผลกำไรไว้ให้ได้ แม้ตลาดต้องเผชิญกับความท้าทายที่วุ่นวายที่สุดก็ตาม

ปัญหาในเรื่องนี้ทำให้หลายคนเกิดคำถามขึ้นมากมายว่า จะเป็นไปได้จริงหรือที่จะดำเนินธุรกิจที่ได้ท้้งความยั่งยืนแถมยังทำกำไรได้อีกด้วย บ้างก็ว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้  ซึ่งในความเป็นจริงผู้ประกอบการก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เพราะความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ ‘น่ามี’ หากแต่กำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจภาคอาหารและเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการต้องผลิตอาหารให้เพียงพอเพื่อเลี้ยงดูประชากรที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อระบบนิเวศโดยจะต้องรักษาผลกำไรที่ดีไว้ให้ได้ด้วย

นวัตกรรมก็คือคำตอบสำหรับเรื่องนี้ ด้วยการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปใช้งานในทางที่ถูกต้อง เพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุด ลดของเสีย ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนให้ภาคอาหารและเครื่องดื่มสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและได้กำไรในที่สุด

ความยั่งยืนเป็นความสำคัญเร่งด่วน

แน่นอนว่าความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ได้มีการยกระดับความสำคัญของประเด็นนี้ไปอยู่ในลำดับต้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา  เพราะเราไม่เพียงแต่ต้องคาดการณ์ถึงการผลิตอาหารเพิ่มขึ้น 60% และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงขยะอาหารปริมาณมหาศาลด้วย เนื่องจากประมาณหนึ่งในสามของอาหารที่ผลิตได้ทั้งหมดทั่วโลกในแต่ละปีจะถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ (ซึ่งเป็นจำนวนที่คาดว่าสูญเสียไประหว่างการขนส่งที่การวางแผนและการแช่เย็นที่ไม่ดีพอ รวมถึงขยะอาหารที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิตด้วย)  ผู้บริโภคที่คำนึงถึงเรื่องความยั่งยืนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และจะยิ่งพิจารณามากขึ้นหากแบรนด์นั้น ๆ พิสูจน์ให้เห็นถึงการรองรับความยั่งยืนของตน

ส่วนแรงกดดันด้านกฎระเบียบเพื่อความยั่งยืนก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  ระบบซัพพลายเชนด้านอาหารและเครื่องดื่มมีความเป็นสากลทั่วโลก ดังนั้น ธุรกิจที่ต้องการดำเนินงานต่อในตลาดต่างประเทศจะสามารถปรับข้อกำหนดด้านความยั่งยืนเฉพาะประเทศและของท้องถิ่น ให้ใช้ร่วมกับการค้าข้ามแดนได้อย่างรวดเร็ว สำหรับราคาพลังงานที่พุ่งสูงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากขึ้นต้องให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน จนเกือบจะกลายเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามในหลาย ๆ ด้านเพื่อลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ  กล่าวโดยสรุปคืออุตสาหกรรมอาหารฯ กำลังได้รับแรงกดดันจากทุกฝ่ายให้ดำเนินการอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนั่นเอง

ความยั่งยืนเป็นปัจจัยส่งเสริมการเติบโต

เมื่อพิจารณาเรื่องความยั่งยืน การศึกษาถึงประโยชน์ทางธุรกิจต่าง ๆ ที่จะได้รับจากการนำความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินงานถือเป็นเรื่องสำคัญ  เนื่องจากแนวทางนี้จะช่วยสร้างกรณีศึกษาทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ 

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมจะได้รับโอกาสทางการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราคาของวัตถุดิบจากแหล่งไม่ยั่งยืนที่มีราคาแพงและจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อย ๆ  ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการลดของเสียจะทำให้ธุรกิจได้กำไรเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีธุรกิจอาหารที่สร้างสรรค์บางรายถึงกับใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้เปลี่ยนเป็นช่องทางรายรับเพิ่มเติมให้กับบริษัทได้ด้วย

ทั้งนี้ ในบางครั้งสิ่งสำคัญที่สุดคือความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนจะยังคงได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น  ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้าจำนวนมากขึ้นเลือกทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ที่พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรฐานต่าง ๆ ด้านความยั่งยืน

ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป

ถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะต้องยอมรับเรื่องความยั่งยืน หากต้องการมุ่งเน้นที่การเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว จะต้องไม่ใช่เพียงแค่การปฏิบัติตามข้อบังคับด้านกฎระเบียบหรือการลดต้นทุนเท่านั้น  ดังนั้นเพื่อตอบคำถามนี้ในเบื้องต้น เราไม่ควรคิดถึงปัญหานี้ในแง่ความยั่งยืนกับความสามารถในการทำกำไร  จริง ๆ แล้วภาคอาหารและเครื่องดื่มควรจะตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ความยั่งยืนเปรียบเสมือนความสามารถในการทำกำไรจะเหมาะกว่า

การประเมินความเสี่ยงอย่างยั่งยืน

ความต้องการด้านความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า สำหรับบางธุรกิจการนำความยั่งยืนมาปรับใช้ในการดำเนินงานเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำได้ยากและอาจจะต้องลงทุนมหาศาล  แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะความคิดริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมที่มีขนาดเล็กกว่าและตรงเป้าหมายมากกว่า มักจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง 

ธุรกิจที่ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในความพยายามด้านความยั่งยืนจะต้องประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ โดยอาศัยข้อมูลที่ไม่ได้มาจากธุรกิจของตนเท่านั้น แต่ต้องเป็นข้อมูลที่ได้มาจากทั่วทั้งระบบซัพพลายเชน เพื่อทำให้ธุรกิจนั้น ๆ เข้าใจถึงความเสี่ยงอย่างถ่องแท้หากไม่ต้องการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืน  ทั้งนี้ ข้อมูลจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงเหตุผลที่ความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและทำกำไร  และทำให้ธุรกิจมั่นใจในการตรวจสอบการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม (environmental footprints) ของตนในปัจจุบัน พร้อมช่วยระบุโครงการต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบสูงสุดทั้งในด้านความยั่งยืนและความสามารถในการทำกำไร

ดังนั้น กุญแจสำคัญสำหรับเรื่องนี้ก็คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำงานร่วมกันทั่วทั้งซัพพลายเชน ซึ่งเป็นแกนหลักสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและแง่มุมต่าง ๆ มากมาย และเมื่อมาถึงจุดที่ต้องการทราบอย่างชัดเจนว่า ธุรกิจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านใดบ้าง และจะลดผลกระทบนี้ให้เหลือน้อยที่สุดได้อย่างไรโดยที่ยังคงรักษาผลกำไรไว้ได้ ขั้นตอนแบบแมนนวลและการใช้สเปรดชีตก็จะไม่เหมาะกับงานประเภทนี้อีกต่อไป 

แปลงข้อมูลให้เป็นข้อมูลเชิงลึก

เราทุกคนต่างต้องรับมือกับข้อมูลจำนวนมหาศาล การรู้วิธีใช้ข้อมูลที่อยู่ในมือจะสามารถสร้างความแตกต่างได้ สิ่งที่จำเป็นสำหรับเรื่องนี้คือโซลูชันที่มีความสามารถด้านความยั่งยืนติดตั้งมาในตัวเบ็ดเสร็จที่สามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุม และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุแนวโน้มและโอกาสในการปรับปรุงความยั่งยืน และเป็นเทคโนโลยีที่จะเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจพร้อมกับกฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงกับแหล่งข้อมูลที่ครอบคลุมเป็นหนึ่งเดียวกับซัพพลายเชน จะทำให้มีข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ ที่นำไปใช้งานได้จริง และจะแสดงให้เห็นถึงรูปแบบของโครงการหรือความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนที่เหมาะสมที่สุดต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยที่องค์กรยังคงเพิ่มผลกำไรได้ในเวลาเดียวกัน

เช่น การคาดการณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำขึ้นจะช่วยลดของเสียในทุกขั้นตอนของระบบซัพพลายเชนได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิตที่มากหรือน้อยจนเกินไป  นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตจะเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมและผลกำไรแล้ว ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้อีกด้วย  ในทำนองเดียวกัน การเข้าถึงข้อมูลที่ครอบคลุมทั้งระบบซัพพลายเชนที่รองรับนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น วันหมดอายุแบบไดนามิกที่ปรับได้ตามคุณภาพของผลิตภัณฑ์และชั้นวางสินค้าอัจฉริยะ รวมทั้งการช่วยให้ธุรกิจสามารถให้ข้อมูลแหล่งที่มาที่สำคัญทั้งหมดแก่ลูกค้า ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ โดยในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทำให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น ซึ่งในบางครั้งอาจจะเกินความคาดหวังไปเสียด้วยซ้ำ

หากอุตสาหกรรมอาหารฯ ต้องการมีส่วนร่วมในการปกป้องอนาคตโลกโดยที่ยังคงรักษาผลกำไรไว้ได้สิ่งสำคัญคืออุตสาหกรรมอาหารฯ จะต้องมีการมองเห็นภาพรวมทั้งระบบ มีการทำงานร่วมกัน และมีการใช้ข้อมูลเชิงลึกประกอบการตัดสินใจ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการลงทุนในโครงการเพื่อความยั่งยืนจึงเป็นวิธีที่คุ้มค่าที่สุดในการสร้างผลกำไรระยะยาวเพราะข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องจะเป็นพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างแท้จริงช่วยให้องค์กรบรรลุผลลัพธ์ที่ยั่งยืนที่สุดภายใต้ข้อจำกัดและพารามิเตอร์ของแต่ละธุรกิจ เกิดความมั่นคงและการเติบโตที่ให้ผลกำไรในระยะยาวตลอดทุกขั้นตอนการดำเนินงาน

Alibaba Cloud Unveils New AI Model to Support Enterprises’ Intelligence Transformation

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กร ทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

Alibaba Cloud Unveils New AI Model to Support Enterprises’ Intelligence Transformation

Price-competitive core cloud products with free trial and training to make computing more inclusive for enterprises and developers to thrive in the new AI era

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, today unveiled its latest large language model, Tongyi Qianwen. The new AI model will be integrated across Alibaba’s various businesses to improve user experience in the near future. The company’s customers and developers will have access to the model to create customised AI features in a cost-effective way.

Alibaba Cloud also announced lower cost options for key cloud products, including their Elastic Compute Service (ECS) and Object Storage Service (OSS), by introducing new ECS instances, OSS Reserved Capacity (OSS-RC) and OSS Anywhere Reserved Capacity (OSS-ARC). The move will make computing more accessible and affordable for companies looking to unlock emerging opportunities in the new AI era in China.

“We are at a technological watershed moment driven by generative AI and cloud computing, and businesses across all sectors have started to embrace intelligence transformation to stay ahead of the game,” said Daniel Zhang, Chairman and CEO of Alibaba Group and CEO of Alibaba Cloud Intelligence. “As a leading global cloud computing service provider, Alibaba Cloud is committed to making computing and AI services more accessible and inclusive for enterprises and developers, enabling them to uncover more insights, explore new business models for growth, and create more cutting-edge products and services for society.”

Integrating Tongyi Qianwen into Alibaba’s businesses and building tailored models with customers

Tongyi Qianwen (通义千问 in Chinese) will be integrated into all business applications across Alibaba’s ecosystem in the near future to further enhance user experience, from enterprise communication, intelligent voice assistance, e-commerce, search, to navigation and entertainment. With Chinese and English language capabilities, the model will first be deployed on DingTalk, Alibaba’s digital collaboration workplace and application development platform, and Tmall Genie, a provider of IoT-enabled smart home appliances.

    • Tongyi Qianwen-powered DingTalk is designed to make workplace communications more efficient. For example, it can summarize meeting notes, turn meeting conversations into text, write emails, and draft business proposals or promotion campaign plans through simple prompts. Users can instantly create a mini application on DingTalk by photographing a draft idea written on paper.
    • Tongyi Qianwen-powered Tmall Genie will be able to engage in more dynamic and vivid conversations with users in China. For instance, it can develop and tell stories to children, provide healthy diet recipes, offer travel tips and recommend background music for a workout.

To further enable enterprises to reap the benefits of AI-driven innovation, Alibaba Cloud will offer its clients access to Tongyi Qianwen on the cloud and help them build customized large language models. By fine-tuning Tongyi Qianwen with customers’ proprietary intelligence and industrial know-how in a secure cloud environment, enterprises can establish tailored AI models to suit their specific business needs. This is expected to spark a new wave of growth momentum for customers, eliminating the need for resource-intensive and expensive pre-training processes for building foundational models. Tongyi Qianwen is now available for general enterprise customers in China for beta testing.

In addition, developers will soon be able to access Alibaba Cloud’s Tongyi Qianwen to create their AI applications at scale. This will further bolster the AI software ecosystem across sectors ranging from logistics to media, finance, manufacturing, energy, retail and more. Tongyi Qianwen as an API is also available for developers in China to apply for beta testing now.

Multimodal capabilities, including image understanding and text-to-image, will soon be added to the Tongyi Qianwen model to provide users with more compelling AI features.

“Generative AI powered by large language models is ushering in an unprecedented new phase. In this latest AI era, we can create additional value for our customers and broader communities through our resilient public cloud infrastructure and proven AI capabilities,” said Jingren Zhou, CTO of Alibaba Cloud Intelligence.

“We are witnessing a new paradigm of AI development where cloud and AI models play an essential role. By making this paradigm more inclusive, we hope to facilitate businesses from all industries with their intelligence transformation and, ultimately, help boost their business productivity, expand their expertise and capabilities while unlocking more exciting opportunities through innovations.”

Tongyi Qianwen is based on Tongyi, Alibaba’s proprietary pre-trained model framework that unifies various AI models, including models that can turn text into images and short videos. Last year, Alibaba Cloud launched ModelScope, an open-source Model-as-a-Service (MaaS) platform with hundreds of AI models, including a Tongyi-based text-to-image model for global developers and researchers. So far, with over 1 million active users, ModelScope has made 800 models available with over 16 million model downloads to date. 

More accessible and affordable computing for enterprises and students

Designed for small and medium-sized (SME) enterprises, the new ECS Universal instance family provides the same stability of its similar product, while saving costs of up to 40%. It is suitable for SMEs conducting web applications and websites, enterprise office applications and offline data analysis.

OSS-RC enables customers to reserve storage capacity in a specific region for one year. It reduces the capacity cost by up to 50% from pay-as-you-go prices. When customers have no requirement to store their data in a specific region, they can create an OSS “Anywhere Bucket” to store data in a region chosen by Alibaba Cloud. OSS-ARC can then reserve capacity for objects stored in OSS Anywhere Buckets. It reduces the capacity cost by up to 70% from pay-as-you-go prices.

To make computing resources more accessible to developers in China, Alibaba Cloud has also announced free trials of core products for up to three months, including ECS and PolarDB databases. Alibaba Cloud will also provide 1,000 free training courses on cloud technologies and around 500 hands-on experiments based on real business scenarios for developers to access cloud technologies easily.

In addition, Alibaba announced its Cloud for Youth program is partnering with UNESCO Chair on Artificial Intelligence in Education to bring more computing resources to students in China’s rural areas. Unveiled in 2021, Alibaba’s non-profit Cloud for Youth program helps to narrow the digital gap in China by providing cloud computers to schools in underdeveloped areas. The goal is to help youths strengthen their technical foundation in digital capabilities and cultivate local digital talents.

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กรทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กร ทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวโมเดล AI รูปแบบใหม่ สนับสนุนให้องค์กร ทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาด

ให้บริการคลาวด์ด้วยราคาสมเหตุสมผล พร้อมให้ทดลองใช้และให้การอบรมฟรี ส่งเสริมให้องค์กรและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้คอมพิวติ้งที่มีความครอบคลุมมากขึ้น และประสบความสำเร็จกับการใช้ AI ยุคใหม่

อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัว Tongyi Qianwen โดยจะนำโมเดล AI ใหม่นี้ไปใช้กับธุรกิจต่าง ๆ ของอาลีบาบา ในอนาคตอันใกล้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ลูกค้าของบริษัท และนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะสามารถเข้าใช้โมเดลนี้ได้ เพื่อสร้างฟีเจอร์ AI ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการด้วยวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่าย

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้ประกาศทางเลือกด้านราคาของบริการหลักด้านคลาวด์ของบริษัทฯ ให้ต่ำลง เช่น Elastic Compute Service (ECS) และ Object Storage Service (OSS) ด้วยการแนะนำ ECS instance ใหม่, OSS Reserved Capacity (OSS-RC) และ OSS Anywhere Reserved Capacity (OSS-ARC) เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เข้าถึงคอมพิวติ้งได้มากขึ้น และสามารถใช้โอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ในยุค AI สมัยใหม่ในประเทศจีนให้เป็นประโยชน์ได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล

นายแดเนียล จาง ประธานและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป และซีอีโอของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “เอไอแบบรู้สร้าง (generative AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง รวมถึงการที่ธุรกิจทุกภาคส่วนได้เริ่มทรานส์ฟอร์มอย่างชาญฉลาดเพื่อให้อยู่ในแถวหน้าของการแข่งขัน เป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เราเข้าสู่ช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งชั้นนำของโลก มีความมุ่งมั่นให้บริการด้านคอมพิวติ้งและ AI ที่ครอบคลุมมากขึ้น และให้องค์กรต่าง ๆ รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าใช้งานได้มากขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้รับข้อมูลเชิงลึก สามารถเสาะหารูปแบบทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อการขยายธุรกิจ รวมถึงสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ล้ำสมัยให้กับสังคม”

การนำ Tongyi Qianwen ไปใช้กับธุรกิจต่าง ๆ ของอาลีบาบา และการสร้างโมเดลต่าง ๆ ที่เฉพาะเจาะจงให้กับลูกค้า

Tongyi Qianwen (通义千问 ในภาษาจีน) จะผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันทางธุรกิจทั้งหมดภายในระบบนิเวศของอาลีบาบาในอีกไม่นานจากนี้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในองค์กร, ผู้ช่วยอัจฉริยะด้านเสียง, อีคอมเมิร์ซ, การค้นหา, เพื่อการนำทาง และด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โมเดลนี้มีความสามารถทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ และจะนำไปใช้ครั้งแรกกับ DingTalk ซึ่งเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกันและเป็นแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันของอาลีบาบา
และใช้กับ Tmall Genie ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะที่ใช้อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT)

    • เสริมประสิทธิภาพ DingTalk ด้วย Tongyi Qianwen ออกแบบเพื่อช่วยให้การสื่อสารในการทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น เช่น DingTalk สามารถสรุปบันทึกการประชุม เปลี่ยนการสนทนาในการประชุมให้เป็นข้อความตัวอักษร เขียนอีเมล และร่างการนำเสนอทางธุรกิจหรือแผนแคมเปญส่งเสริมการขายต่าง ๆ ผ่านคำแนะนำง่าย ๆ ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายภาพร่างไอเดียบนกระดาษ และเปลี่ยนเป็น mini application บน DingTalk ได้ทันที
    • เพิ่มสมรรถนะ Tmall Genie Tongyi ด้วย Qianwen จะช่วยให้มีส่วนร่วมในการสนทนากับผู้ใช้ในประเทศจีนได้แบบไดนามิกและมีชีวิตชีวามากขึ้น เช่น สามารถพัฒนาและบอกเล่านิทานสำหรับเด็ก จัดหาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ นำเสนอคำแนะนำในการเดินทาง และแนะนำเพลงที่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบใดแบบหนึ่ง เป็นต้น

อาลีบาบา คลาวด์ ยังนำเสนอให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้ Tongyi Qianwen บนคลาวด์ และช่วยลูกค้าสร้างโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ที่ปรับแต่งอย่างเจาะจง เพื่อเป็นการสนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ ได้เก็บเกี่ยวประโยชน์จากนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การปรับแต่ง Tongyi Qianwen อย่างละเอียดโดยใช้ข้อมูลอัจฉริยะที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้า ผนวกกับความรู้เชิงอุตสาหกรรมบนสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่ปลอดภัย ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้างโมเดล AI ที่ปรับแต่งอย่างเจาะจงของตนได้บนคลาวด์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการเฉพาะทางธุรกิจขององค์กรนั้น ๆ เป็นที่คาดการณ์ว่าสมรรถนะนี้จะจุดประกายให้เกิดคลื่นลูกใหม่ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก และไม่ต้องผ่านกระบวนการฝึกอบรมล่วงหน้าที่มีค่าใช้จ่ายสูงเพื่อสร้างโมเดลโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ปัจจุบัน Tongyi Qianwen พร้อมบริการเป็นรุ่นเบต้าให้กับลูกค้าองค์กรทั่วไปในประเทศจีน

นอกจากนี้ นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะสามารถเข้าใช้ Tongyi Qianwen ของอาลีบาบา คลาวด์ ได้เร็ว ๆ นี้ เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ตามที่ตนต้องการ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนระบบนิเวศด้านซอฟต์แวร์ AI ให้กับทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่โลจิสติกส์ ไปจนถึงวงการสื่อ การเงิน ภาคการผลิต พลังงาน ค้าปลีก และอื่น ๆ อีกมาก ปัจจุบันมีการให้บริการ Tongyi Qianwen ในลักษณะ API รุ่นเบต้าให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศจีนให้สมัครทดสอบได้แล้ว

นอกจากนี้จะมีการเพิ่มเติมขีดความสามารถอีกหลากหลายรูปแบบให้กับ Tongyi Qianwen ในเร็ว ๆ นี้ เช่น ความเข้าใจรูปภาพ และการเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้ฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายจินเหริน โซว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของอาลีบาบา คลาวด์ กล่าวว่า “Generative AI ขับเคลื่อนด้วยโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ กำลังนำเราเดินสู่ช่วงเวลาใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ในยุค AI ล่าสุดนี้ เราสามารถสร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้กับลูกค้าของเรา และคอมมูนิตี้ต่าง ๆ ที่กว้างขวางขึ้น ผ่านโครงสร้างพื้นฐานพับลิคคลาวด์ที่ยืดหยุ่น และความสามารถด้าน AI ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของเรา”

“เราเห็นกระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนา AI ที่คลาวด์และโมเดล AI มีบทบาทสำคัญ เราหวังว่าการทำให้กระบวนทัศน์นี้ครอบคลุมมากขึ้น จะช่วยให้ธุรกิจจากอุตสาหกรรมทุกประเภทสามารถทรานฟอร์มอย่างชาญฉลาดได้อย่างสะดวกง่ายดาย และท้ายที่สุด ช่วยเพิ่มผลผลิตทางธุรกิจ เพิ่มความเชี่ยวชาญและความสามารถด้านต่าง ๆ ควบคู่กับการปลดล็อกให้ธุรกิจได้รับโอกาสที่น่าตื่นเต้นผ่านนวัตกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น”

Tongyi Qianwen สร้างจาก Tongyi ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กโมเดลพรีเทรนด์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของอาลีบาบา ที่รวมเอาโมเดล AI ต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน รวมถึงโมเดลที่สามารถเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพและวิดีโอสั้น ๆ เมื่อปีที่ผ่านมา อาลีบาบา คลาวด์ ได้เปิดตัว ModelScope ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม model-as-a-service (MaaS) ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส และมาพร้อมกับโมเดล AI หลายร้อยแบบ เช่น โมเดล Tongyi-based text-to-image สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และนักวิจัยทั่วโลก ปัจจุบัน ModelScope มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านราย มีโมเดล 800 แบบ และมีการดาวน์โหลดโมเดลไปแล้วมากกว่า 16 ล้านครั้ง

องค์กรและนักศึกษาสามารถเข้าถึงคอมพิวติ้งได้มากขึ้นด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

กลุ่มอินสแตนซ์ ECS Universal ใหม่นี้ออกแบบสำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) มีความเสถียรเหมือนกับบริการอื่นที่คล้ายกัน แต่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 40% จึงเหมาะกับ SME ที่ใช้เว็บแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ต่าง ๆ แอปพลิเคชันที่ใช้ในองค์กร และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบออฟไลน์

OSS-RC ช่วยลูกค้าให้สามารถสำรองพื้นที่สตอเรจใน region ที่กำหนดได้เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้าน capacity ได้มากถึง 50% จากราคาที่เป็นแบบ pay-as-you-go และเมื่อลูกค้าไม่ต้องการจัดเก็บดาต้าใน region ใด region หนึ่ง ก็สามารถสร้าง OSS “Anywhere Bucket” เพื่อเก็บดาต้าไว้บน region ที่อาลีบาบาคลาวด์เลือกให้ ทั้งนี้ OSS-ARC สามารถสำรอง capacity สำหรับ objects ที่เก็บไว้ใน OSS Anywhere Buckets จึงเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้าน capacity ลงได้ถึง 70% จากราคาที่เป็นแบบ pay-as-you-go

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้ประกาศให้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ เช่น ECS และ PolarDB database ได้นานสูงสุดสามเดือนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศจีนเข้าถึงทรัพยากรด้านคอมพิวติ้งได้มากขึ้น อาลีบาบา คลาวด์ จะมอบคอร์สฝึกอบรมผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ 1,000 คอร์ส โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงการทดลองภาคปฏิบัติตามฉากทัศน์สถานการณ์จริงทางธุรกิจประมาณ 500 รายการ เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ได้อย่างไม่ยุ่งยาก

Red Hat Launches Ansible Automation Platform on Google Cloud

CIMB Thai Bank และ KBTG สององค์กรไทย ได้รับรางวัล APAC Innovation Awards ประจำปี 2565 จาก Red Hat

Red Hat Launches Ansible Automation Platform on Google Cloud

Marketplace offering enables rapid cloud automation to better manage IT ecosystems, deliver and scale high-quality applications and drive greater business innovation

Red Hat, Inc., the world’s leading provider of open source solutions, today announced the availability of Red Hat Ansible Automation Platform on Google Cloud, providing a common and flexible IT automation solution that extends from the cloud, to the datacenter and out to the edge without additional complexity or required skills. Delivering Ansible Automation Platform on Google Cloud gives IT teams easier access to a familiar, industry-leading IT automation framework already integrated with their operations, enabling them to start automating more quickly at scale across the entire IT ecosystem.

According to an IDC report[1], “to reduce the complexity and training costs of supporting multiple clouds, IT will look for a ‘learn-once and run-anywhere approach’ to automation. Vendors with an infrastructure as code approach to provisioning cloud resources tightly coupled with automation will gain market share.” 

As the complexity of managing multiple cloud footprints grows and leads to expanding skills gaps, organizations need technology that’s flexible and innovative while maximizing existing knowledge and resources. Ansible Automation Platform provides the critical infrastructure to deploy more scalable automation, with a cloud-native architecture. This helps to extend the role of automation across the IT organization, lowering barriers to entry and freeing up IT teams to drive greater business value. The platform’s availability on Google Cloud Marketplace helps simplify self-deployments, providing ready access to straightforward, cloud-optimized automation that’s ready from Day 0.

Organizations can deploy Red Hat’s self-managed offering directly from the Google Cloud Marketplace to quickly start automating the management of their Google Cloud resources. With Ansible Automation Platform, Google Cloud customers can access pre-integrated services that they are already familiar with, including Google Virtual Private Cloud, security groups, load balancers, Google Compute and instance groups, making it easier to deploy and manage their automation. In addition to integrated billing, customers can count Ansible Automation Platform toward any existing enterprise committed spend agreements with Google.

Packaged cloud content like Red Hat Ansible Certified Content Collection for Google Cloud helps perform automation in customers’ environment and across the organization by enabling more efficient ways to create, share and manage content, with the security to run it when and where it’s needed. IT teams can integrate automation with existing organizational processes and governance at scale as demand requires, with a consistent, end-to-end cloud automation experience.

Ansible Automation Platform on Google Cloud Marketplace deepens Red Hat’s commitment to customer choice across the hybrid cloud, making it easier for customers to purchase and deploy Red Hat solutions on leading cloud providers. Joining Red Hat Enterprise LinuxRed Hat Enterprise Linux for SAP and Red Hat OpenShift on Google Cloud Marketplace, customers and partners can consume Red Hat solutions in the ways best suited for their IT and business needs.

Availability

Self-managed Red Hat Ansible Automation Platform is now available directly to customers through Google Cloud Marketplace.

Supporting Quotes

Thomas Anderson, vice president, Ansible, Red Hat

“As organizations grow and scale their infrastructure, they need the ability to choose their environments while maintaining consistency. Combining the right platforms and services with a given cloud footprint gives organizations a way to build a connected cloud ecosystem for success. We’re giving organizations greater choice, flexibility and ease in deploying our solutions across the hybrid cloud in support of nearly any enterprise cloud operating model. Then, automation is the glue that brings these services together. So with a leading solution like Ansible Automation Platform, you can build on its innovation and scalability to establish critical consistency across your cloud footprint.”

Dai Vu, managing director, Marketplace & ISV GTM Programs, Google Cloud

“Google Cloud Marketplace greatly simplifies deployment of the Ansible platform on Google Cloud, bringing customers integrated billing and management capabilities and faster access to Google Cloud’s trusted infrastructure for their automation projects.”

Jevin Jensen, vice president of Intelligent CloudOps, IDC

“Enterprises are increasing investments in the automation of their cloud infrastructure. As geopolitical concerns and rising inflation put IT budgets under pressure, enterprises recognize the need to invest in the tools that will help them remain competitive, control costs, and deliver value to their customers.”1

[1] IDC, Worldwide Intelligent CloudOps Software Forecast, 2022–2026, Doc #US46366421, July 2022

Red Hat เปิดตัว Ansible Automation Platform on Google Cloud

CIMB Thai Bank และ KBTG สององค์กรไทย ได้รับรางวัล APAC Innovation Awards ประจำปี 2565 จาก Red Hat

Red Hat เปิดตัว Ansible Automation Platform on Google Cloud

เป็น Marketplace ช่วยให้ระบบอัตโนมัติบนคลาวด์บริหารจัดการระบบนิเวศด้านไอทีได้ดีและเร็วขึ้นให้บริการและปรับขนาดแอปพลิเคชันคุณภาพสูง และขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจมากขึ้น

Red Hat, Inc. ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สชั้นนำของโลก เปิดให้บริการ Red Hat Ansible Automation Platform บน Google Cloud พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติของโซลูชันอัตโนมัติด้านไอทีที่ยืดหยุ่น และเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ร่วมกันได้ ใช้งานได้ทั้งบนคลาวด์ ในดาต้าเซ็นเตอร์ และการประมวลผลที่ edge ปราศจากความซับซ้อน และไม่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางใด ๆ การให้บริการ Ansible Automation Platform บน Google Cloud ช่วยให้ทีมไอทีใช้งานเฟรมเวิร์กอัตโนมัติด้านไอทีที่คุ้นเคย และอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมได้อย่างไม่ยุ่งยาก เพราะได้มีการผสานรวมไว้ในการดำเนินงานต่าง ๆ แล้ว จึงช่วยให้ทีมไอทีเริ่มต้นการทำงานแบบอัตโนมัติกับระบบนิเวศไอทีทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วตามต้องการ 

รายงานของ IDC[1] ระบุว่า “ฝ่ายไอทีจะมองหาระบบอัตโนมัติที่เป็น ‘การเรียนรู้เพียงครั้งเดียวแต่ใช้งานได้ทุกที่’ เพื่อลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมการใช้มัลติคลาวด์ ดังนั้นผู้จำหน่ายเทคโนโลยีรายใดที่มีแนวทางการใช้โค้ดในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอที (infrastructure as code) เพื่อจัดเตรียมทรัพยากรต่าง ๆ บนคลาวด์ได้อย่างอัตโนมัติ จะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดด้านนี้ไป” 

ความซับซ้อนในการจัดการฟุตพริ้นท์ของมัลติคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นจนนำไปสู่ช่องว่างทางทักษะที่ขยายกว้างขึ้น ทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องการเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นและใหม่ ทั้งยังต้องเสริมความรู้ และใช้ทรัพยากร
ที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์มากที่สุดไปพร้อม ๆ กัน Ansible Automation Platform มอบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่สำคัญต่อการใช้งานกับระบบอัตโนมัติที่ปรับขนาดการทำงานได้มากขึ้น ด้วยสถาปัตยกรรมแบบคลาวด์-เนทีฟ ซึ่งช่วยให้ระบบอัตโนมัติมีบทบาทเพิ่มขึ้นกับทุกส่วนขององค์กรด้านไอที ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าใช้งาน และช่วยให้ทีมไอทีขับเคลื่อนงานที่มีมูลค่าทางธุรกิจได้มากขึ้น แพลตฟอร์มที่ให้บริการผ่าน Google Cloud Marketplace นี้ ช่วยให้การใช้งานด้วยตนเองง่ายขึ้น มอบความพร้อมในการเข้าถึงระบบอัตโนมัติที่ไม่ซับซ้อนและปรับให้เหมาะกับการใช้งานบนคลาวด์ ที่พร้อมใช้ตั้งแต่เริ่มต้น

องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ self-managed ของเร้ดแฮทจาก Google Cloud Marketplace ได้โดยตรง เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการจัดการทรัพยากรบน Google Cloud ได้โดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว Ansible Automation Platform ช่วยให้ลูกค้าของ Google Cloud สามารถเข้าใช้บริการต่าง ๆ ที่ผสานรวมกันไว้ล่วงหน้าที่คุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น Google Virtual Private Cloud, security groups, load balancers, Google Compute และ instance groups ซึ่งช่วยให้ลูกค้าใช้และจัดการระบบอัตโนมัติของตนได้ง่ายขึ้น นอกจากการเรียกเก็บเงินรวมกันแล้ว ลูกค้าสามารถนับรวมการใช้ Ansible Automation Platform ไว้ในข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้จ่ายขององค์กรที่ตกลงกันไว้ที่มีอยู่กับ Google ได้

คลาวด์คอนเทนต์ที่ให้บริการเป็นแพ็คเกจ อย่างเช่น Red Hat Ansible Certified Content Collection for Google Cloud ช่วยให้สามารถใช้ระบบอัตโนมัติกับสภาพแวดล้อมไอทีของลูกค้าและทั่วทั้งองค์กร ด้วยการทำให้ลูกค้าสามารถสร้าง แชร์ และจัดการคอนเทนต์ด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่เรียกใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ  ทีมไอทีสามารถนำระบบอัตโนมัติไปใช้กับกระบวนการต่าง ๆ ที่องค์กรใช้อยู่ และสามารถกำกับดูแลได้ตามระดับความต้องการ ด้วยการใช้ระบบอัตโนมัติบนคลาวด์ที่ครบวงจรและสอดคล้องกัน

Ansible Automation Platform on Google Cloud Marketplace ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Red Hat ในการมอบทางเลือกในการใช้ไฮบริดคลาวด์ให้กับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าซื้อและใช้โซลูชันของ Red Hat ที่ให้บริการบนโซลูชันของผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำต่าง ๆ ได้อย่างไม่ยุ่งยาก Red Hat Enterprise Linux, Red Hat Enterprise Linux for SAP และ Red Hat OpenShift on Google Cloud Marketplace ช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถใช้โซลูชันของ Red Hat ในรูปแบบที่ดีที่สุดที่จะตรงกับความต้องการทางธุรกิจและด้านไอทีของตน

การวางจำหน่าย

Self-managed Red Hat Ansible Automation Platform พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าผ่าน Google Cloud Marketplace.

คำกล่าวสนับสนุน

Thomas Anderson, vice president, Ansible, Red Hat

“ในเวลาที่องค์กรต่าง ๆ เติบโตและปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานไอที องค์กรเหล่านั้นต้องการความสามารถในการเลือกสภาพแวดล้อมที่ต้องการ และรักษาความสม่ำเสมอไว้ได้ในเวลาเดียวกัน การรวมแพลตฟอร์มและบริการต่าง ๆ ที่เหมาะสมไว้ด้วยกันกับคลาวด์ฟุตพริ้นท์ที่มีให้ ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ มีแนวทางในการสร้างระบบนิเวศของคลาวด์ที่เชื่อมต่อกันเพื่อความสำเร็จ เรามีโซลูชันที่ทำงานกับไฮบริดคลาวด์หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้นให้กับลูกค้า มีความยืดหยุ่น และใช้งานง่าย เพื่อรองรับรูปแบบการดำเนินงานบนคลาวด์ขององค์กรเกือบทุกรูปแบบ จากนั้นระบบอัตโนมัติก็จะผสานรวมบริการต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ด้วยกัน ดังนั้นด้วยโซลูชันชั้นนำเช่น Ansible Automation Platform องค์กรสามารถสร้างการทำงานที่สอดคล้องสม่ำเสมอกันทั่วทั้งคลาวด์ฟุตพริ้นท์ขององค์กรได้จากนวัตกรรมและความสามารถในการปรับขนาดการทำงานของแพลตฟอร์มนี้” 

Dai Vu, managing director, Marketplace & ISV GTM Programs, Google Cloud

“Google Cloud Marketplace ช่วยให้ใช้ Ansible platform on Google Cloud ง่ายขึ้น ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินและการบริหารจัดการได้ ณ จุดเดียว และสามารถเข้าใช้งานโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ของ Google Cloud เพื่อทำโครงการที่เป็นระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น”

Jevin Jensen, vice president of Intelligent CloudOps, IDC

“องค์กรต่าง ๆ กำลังลงทุนด้านระบบอัตโนมัติในโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของตนเพิ่มขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางภูมิศาสตร์ที่มีต่อการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้งบประมาณด้านไอทีตกอยู่ภายใต้ความกดดัน องค์กรต่างตระหนักว่าต้องลงทุนกับเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็นที่จะช่วยให้แข่งขันได้ ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และมอบบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าของตนได้”

[1] IDC, Worldwide Intelligent CloudOps Software Forecast, 2022–2026, Doc #US46366421, July 2022