Patchwork IT Tearing at The Seams

Patchwork IT Tearing at The Seams

Patchwork IT Tearing at The Seams

Organizations are grappling with an exponential increase in the number of applications and continued database sprawl. Retaking control will be crucial to tackle headwinds in 2023

Aaron White

Article By Aaron White, General Manager and Vice President of Sales – APJ, Nutanix

The pandemic saw organizations of all shapes and sizes rush to enable remote work in the public cloud, cobbling together a hodgepodge of IT solutions to fix holes in the roof. But in their haste to make things ‘work’, they have created new challenges. The unfettered use of cloud has seen costs spiral and reining them in is hard. Continued database sprawl is also a major issue. Moving ahead with patchwork IT will only make things worse.

Applications are redefining infrastructure needs. Organizations are starting to acknowledge that the cloud is an operating model, not merely a destination for the explosion in the number of apps they need. This is a step toward remedying the piecemeal solutions they may have in place.

As the pandemic recedes, we have a new adversary to tackle. Macroeconomic uncertainty is leaving customers walking a fine line: they are now trying to determine how to build robust, adaptive organizations and scale, while controlling costs.

Strained Systems

The temptation would be to stick to the status quo and see how things play out. But many of the technologies that saw us through the pandemic are no longer fit for purpose and will not support the ongoing proliferation of apps and databases that organizations are seeing.

The temptation would be to stick to the status quo, the patchwork IT solutions they may have in place, and see how things play out. But in reality, many of the technologies that saw us through the pandemic are buckling at the knees, no longer fit for purpose and will not support the explosion in the number of apps and databases that businesses need. The patchwork cannot hold indefinitely.

The more stress that organizations put on these systems, the more their costs and liabilities escalate. The patchwork cannot hold indefinitely. Changing familiar infrastructure is always daunting, but failure to act will result in inevitable decline.

An expanding universe of apps calls for a new approach to data management. The spread of apps and databases across multiple clouds and environments means that many organizations lack full visibility of where everything resides and the capabilities to manage it.

There’s no denying the explosion of apps, and it’s no longer feasible to rely on the same approach to data management. Having apps and databases across multiple clouds and environments means that many companies don’t have good visibility of where everything resides or the capabilities to manage the sprawl.

This poses security, governance and operational concerns. It’s time to get practical and reclaim control of the situation, and hybrid multicloud is where the journey begins.

Hybrid multicloud is a cloud deployment model from which to rebalance apps and data. It enables visibility and easy management of their clouds, both public and private, setting up an organization with the flexibility it needs to tackle an uncertain future. 

Getting Ahead of The Curve

In recent months, we have seen numerous organizations prioritize digital transformation and data center modernization, looking beyond their makeshift use of public cloud and databases during the pandemic to settle on a more permanent and stable solution.

In Korea, Nutanix helped Shinsegae Group, a retail conglomerate, realize continuous and error-free operations across its group of companies, even in promotional seasons, supporting up to 10 times more business transactions than usual.

Since adding Nutanix Cloud Clusters (NC2) on AWS, Straive, a Singapore-based content technology company, can now move workloads from on-premise infrastructure to the AWS public cloud and vice versa easily. Personnel can access the applications they need to do their work more quickly.

In another NC2 on AWS example, Sapporo City in Japan was able to reduce IT complexity and operational burden significantly, enabling seamless connectivity between its on-premise infrastructure and AWS.

Since moving to the Nutanix Cloud Platform, Jhaveri Securities in India can now deploy applications 60 percent faster, rolling out new capabilities quicker than ever. Employees are working more efficiently because of an improvement in the performance of software programs following the switch to Nutanix.

Marist College Canberra took infrastructure management out of its to-do list and now has more bandwidth for strategic projects. The IT team is empowered to try out ideas for new services on-the-fly because they can spin up development environments quickly with Nutanix. 

These and numerous other examples underscore the value for organizations in a unified environment, visibility across all clouds, and leveraging automation. In a world where external threats and general unpredictability abound, a strong foundation is critical. It is time to discard their patchwork IT and find more permanent, scalable solutions that will stand the test of time.

Article By Aaron White, General Manager and Vice President of Sales – APJ, Nutanix

ไอทีในช่วงรอยต่อของสถานการณ์

Patchwork IT Tearing at The Seams

ไอทีในช่วงรอยต่อของสถานการณ์

องค์กรควรทำอย่างไรกับโซลูชันไอทีมากมาย ที่เคยใช้ปะปนกันอย่างเร่งรีบในภาวะวิกฤต จะกลับมาควบคุมแรงต้านที่ถาโถมเข้ามา จากจำนวนแอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และฐานข้อมูลที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร

Aaron White

บทความโดย นายแอรอน ไวท์ ผู้จัดการทั่วไปและรองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น, นูทานิคซ์

การระบาดของโควิด-19 ทำให้องค์กรทุกรูปแบบ และทุกขนาดนำพับลิคคลาวด์มาใช้อย่างรีบเร่งเพื่อให้สามารถทำงานจากระยะไกลได้ และมีการนำโซลูชันด้านไอทีมากมายมาใช้ผสมปนเปกัน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในแต่ละเรื่อง และทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ก่อน การทำเช่นนี้ทำให้เกิดความท้าท้ายใหม่ ๆ หลายประการ เพราะการใช้คลาวด์อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและยากที่จะควบคุม นอกจากนี้ฐานข้อมูลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง การเดินหน้าทางธุรกิจด้วยการนำโซลูชันด้านไอทีที่ไม่เข้าขากันมาปะติดปะต่อใช้งานร่วมกัน (แพทช์เวิร์คไอที) จะทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ แย่ลง

แอปพลิเคชันกำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดลักษณะของโครงสร้างพื้นฐานไอที องค์กรต่าง ๆ เริ่มตระหนักว่าคลาวด์เป็นรูปแบบการทำงานอย่างหนึ่ง ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์การเพิ่มจำนวนของแอปพลิเคชันตามที่องค์กรเหล่านั้นต้องการ และการตระหนักรู้นี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเลิกใช้โซลูชันแพทช์เวิร์คไอทีที่องค์กรเคยนำมาใช้อย่างรีบร้อน

แม้ปัจจุบันการระบาดจะเบาบางลงแต่เรายังต้องเผชิญ และรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคที่ทำให้ลูกค้าต้องรักษาสมดุลให้ดี เช่นในเวลาที่พยายามกำหนดวิธีสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง ปรับเปลี่ยนองค์กรและปรับขนาดการทำงาน ก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายควบคู่กันไปด้วย

ระบบที่ต่าง ๆ ที่สับสน

การยึดติดกับโซลูชันไอทีที่ใช้อยู่และรอว่าจะมีผลอะไรตามมาอาจเป็นสิ่งทำให้สบายใจ แต่เทคโนโลยีจำนวนมากที่เราใช้ในช่วงการระบาดเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงนั้น อาจไม่เหมาะกับวัตถุประสงค์ขององค์กรอีกต่อไป และจะไม่รองรับการขยายตัวของแอปพลิเคชัน และฐานข้อมูลจำนวนมากที่ธุรกิจต้องการ 

ยิ่งองค์กรโหมใช้และทุ่มเทเงินทองให้กับระบบเหล่านี้มากเท่าไร ค่าใช้จ่ายและหนี้สินก็จะยิ่งบานปลาย แพทช์เวิร์คไอทีไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่คุ้นเคยอาจเป็นเรื่องน่ากลัว แต่การไม่ทำอะไรเลยจะส่งผลให้เกิดความถดถอยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

การเพิ่มขึ้นของแอปพลิเคชันอย่างมากมาย และการบริหารจัดการดาต้าด้วยการใช้แนวทางเดียวจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป การขยายตัวของแอปพลิเคชันและฐานข้อมูลบนคลาวด์หลายประเภทและบนสภาพแวดล้อมไอทีที่หลากหลาย ทำให้บริษัทฯ ต่าง ๆ ไม่สามารถรับรู้และมองเห็นว่ามีการใช้งาน ณ จุดใด หรือไม่สามารถจัดการกับข้อมูลที่กระจัดกระจายในวงกว้างได้

สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัย การกำกับดูแล และการปฏิบัติงาน ถึงเวลาแล้วที่บริษัทต่าง ๆ ต้องลงมือปฏิบัติและพาตัวเองให้ล้ำหน้ากว่าสถานการณ์นี้ โดยเริ่มด้วยการใช้ไฮบริด มัลติคลาวด์ 

ไฮบริด มัลติคลาวด์ เป็นรูปแบบการใช้คลาวด์เพื่อปรับสมดุลการใช้แอปพลิเคชันและดาต้า ช่วยให้บริษัทรับรู้ มองเห็น และบริหารจัดการคลาวด์ได้อย่างไม่ยุ่งยาก ทั้งพับลิคและไพรเวทคลาวด์ และเป็นการเตรียมองค์กรให้มีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับอนาคตที่ไม่แน่นอน

นำหน้ากระแส

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นบริษัทจำนวนมากให้ความสำคัญกับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการปรับปรุงศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัย มีการพิจารณานำวิธีแก้ปัญหาที่ถาวรและปลอดภัยมากขึ้นมาใช้แทนพับลิคคลาวด์ และดาต้าเบสที่ใช้ระหว่างการแพร่ระบาด 

ในประเทศเกาหลี Nutanix ช่วยเหลือกลุ่มบริษัทค้าปลีก Shinsegae Group ทำให้บริษัทในเครือทั้งหมดดำเนินการได้อย่างราบรื่น และปราศจากข้อผิดพลาดแม้ในช่วงเทศกาลส่งเสริมการขาย โดยรองรับธุรกรรมทางธุรกิจได้มากกว่าปกติถึง 10 เท่า

Straive บริษัทคอนเทนต์เทคโนโลยีในสิงคโปร์พบว่า การใช้ Nutanix Cloud Clusters (NC2) บน AWS ทำให้การย้ายเวิร์กโหลดไปมาระหว่างโครงสร้างพื้นฐานในองค์กรไปยังพับลิคคลาวด์ของ AWS ทำได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเข้าถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นต่อการทำงานได้เร็วขึ้น

อีกหนึ่งกรณีศึกษาของ NC2 บน AWS คือการที่เมืองซัปโปโรในประเทศญี่ปุ่นสามารถลดความซับซ้อนด้านไอทีและภาระการดำเนินงานได้อย่างมาก ทำให้โครงสร้างพื้นฐานในองค์กรเชื่อมต่อกับ AWS ได้อย่างราบรื่น

ส่วน Jhaveri Securities ในประเทศอินเดีย นับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ Nutanix Cloud Platform ปัจจุบัน สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันได้เร็วขึ้นถึง 60% และเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้นกว่าเคย โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้ดีขึ้นหลังจากเปลี่ยนมาใช้ Nutanix ส่งผลให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

สำหรับ Marist College Canberra ได้ลบการจัดการโครงสร้างพื้นฐานออกจากรายการสิ่งที่ต้องทำแล้ว ทำให้ปัจจุบันนี้มีแบนด์วิธมากขึ้นเพื่อทำโครงการเชิงกลยุทธ์ Nutanix ช่วยให้ทีมไอทีสามารถตั้งค่าสภาพแวดล้อมในการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อทดสอบแนวคิดของบริการใหม่ ๆ ได้โดยไม่ขัดจังหวะการดำเนินงาน

กรณีตัวอย่างที่กล่าวมา และอีกมากมายล้วนแสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการมีสภาพแวดล้อมเป็นหนึ่งเดียว สามารถรับรู้ และเห็นการทำงานบนคลาวด์ทั้งหมดที่ใช้อยู่ และใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติ โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานที่ต้องประสบกับภัยคุกคามจากภายนอก และความไม่แน่นอนจำนวนมาก ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต้องเลิกใช้แพทช์เวิร์คไอที และหาโซลูชันที่ยั่งยืน ปรับขนาดได้ และสามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้ยาวนาน

 

Red Hat Global Customer Tech Outlook 2023 Security is the top priority as digital transformation continues

Red Hat Global Customer Tech Outlook 2023

Red Hat Global Customer Tech Outlook 2023 Security is the top priority as digital transformation continues

Article by: Supannee Amnajmongkol, Country Manager for Thailand, Red Hat

Results from Red Hat’s ninth Global Tech Outlook survey are in, and, as in years past, we explore what the data reveals about where organizations are in their digital transformation initiatives, IT and non-IT funding priorities, and challenges they are facing. We surveyed 1,700+ information technology (IT) leaders worldwide, across various industries to help us better understand new aspects of technology use and track trends. Here, we highlight key findings and trends from the report and how these results have changed over time.

No surprise: Security remains priority

Security remains the top IT funding priority across all regions and almost all industries, with 44% of respondents calling it a top 3 funding priority— 8 points higher than the second highest priority, cloud infrastructure. Specifically, network security (40%) and cloud security (38%) were the top priorities, while third-party or supply chain risk management (12%) and security or compliance staffing (13%) ranked as the lowest security funding priorities.

Security was also at the top of the list across many other categories. Cloud security was the top cloud infrastructure priority (42%). Data security and integrity was the top analytics funding priority (45%), edging out artificial intelligence (AI) / machine learning (ML). Security automation (35%) beat out cloud services automation (33%) and network automation (30%) as the top automation priority. Lastly, 3 out of 4 respondents “somewhat increased” or “significantly increased” their investments in securing access by applications to other applications, data sources, or both, this year.

Question: Over the next 12 months, what are your company’s top funding priorities for big data and analytics?

Digital transformation priorities shift

While there wasn’t much change in companies’ digital transformation journeys compared to last year, the top two digital transformation priorities shifted significantly. In years past, innovation has been the transformation imperative, and rightly so. This year, however, innovation isn’t the most significant priority for transformation work. Security took the new top position with a 3-point increase from last year to 20%. Innovation dropped 5 points, with 19% now identifying it as their top priority for digital transformation.

Question: If you were to characterize your absolute top priority for your company’s digital transformation in a single term, which of the following would best fit?

We have a few theories about the decrease in prioritization of innovation from year to year. In year’s past, the question allowed for respondents to select multiple priorities. This year, we asked respondents to choose one priority from the list of options to see if honing in on the top priority would yield the same or different rankings. Given many high-profile security threats and data breaches this year, security is naturally top of mind — and again, rightfully so. Separately, however, the survey data shows an increase in companies in the accelerating phase of their digital transformation efforts (now 23%), showing no slowdown in companies’ innovation plans.

Talent gaps remains the top digital transformation barrier

Mirroring last year, the most common digital transformation challenge that companies are grappling with is talent and skill gaps. With an increasing focus on IT automation, security and AI/ML, IT leaders are rightfully concerned that progress in these important initiatives could be stalled without the proper skills and talent. Organizational culture, people and processes are just as essential to digital transformation success as technology.

Among non-IT funding priorities outside of IT, 37% of respondents chose both digital transformation strategy and technical / technology skills training. People / process skills training came in third (30%), with IT or developer hiring and retention just behind (28%). All of this year’s the top non-IT funding priorities involve upskilling and people, perhaps speaking to evolving market conditions and a tight labor market and pushing companies to get more creative about how they not only define their strategy and priorities, but also how they recruit, retain and reskill.

Question: Over the next 12 months, what are your company’s top funding priorities outside of IT technology products or solutions?

Find out more in the report

The report has a wealth of additional insights, such as cloud strategies, industry data, automation plans, and more. For a deeper analysis, check out our 2023 Global Tech Outlook and learn more about how enterprises plan to modernize their IT approach in the coming year.

Survey methodology

In May and June 2022, Red Hat surveyed 1,703 information technology leaders, with more than half of the respondents working at companies with more than US$100 million in revenue. The respondents comprised a subset of Red Hat customers together with others drawn from a broad industry panel.


ผลสำรวจ Global Customer Tech Outlook 2023 จากเร้ดแฮท เผยว่า ความปลอดภัยมีความสำคัญสูงสุด ในเวลาที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Red Hat Global Customer Tech Outlook 2023

ผลสำรวจ Global Customer Tech Outlook 2023 จากเร้ดแฮท เผยว่า ความปลอดภัยมีความสำคัญสูงสุด ในเวลาที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บทความโดย สุพรรณี อำนาจมงคล, ผู้จัดการประจำประทศไทย, เร้ดแฮท

Global Tech Outlook 2023 ผลสำรวจครั้งที่ 9 ของเร้ดแฮท และเช่นเดียวกับหลายปีที่ผ่านมา เร้ดแฮทสำรวจข้อมูลว่าองค์กรต่าง ๆ อยู่ ณ จุดใดในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน การจัดลำดับความสำคัญของเงินลงทุนด้านไอทีและด้านที่ไม่เกี่ยวกับไอที และความท้าทายต่าง ๆ ที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่ โดยทำการสำรวจผู้นำด้านไอทีมากกว่า 1,700 รายทั่วโลกจากอุตสาหกรรมหลากหลาย เพื่อช่วยให้เข้าใจแง่มุมใหม่ ๆ ด้านการใช้เทคโนโลยีและติดตามแนวโน้มต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ต่อไปนี้เป็นแนวโน้มและข้อมูลที่น่าสนใจที่ได้จากรายงานฉบับนี้ และผลสำรวจเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป

ไม่แปลกใจความปลอดภัยยังคงมีความสำคัญเป็นลำดับแรก

ความปลอดภัยยังคงเป็นความสำคัญสูงสุดของการจัดสรรงบประมาณด้านไอทีของทุกภูมิภาค และเกือบทุกอุตสาหกรรม ผู้ตอบแบบสอบถาม 44% ยกให้ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งสูงกว่าด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ซึ่งสำคัญเป็นลำดับสอง โดยแบ่งความสำคัญของการจัดสรรงบประมาณด้านความปลอดภัยออกเป็น ความปลอดภัยของเน็ตเวิร์ก (40%) ความปลอดภัยของคลาวด์ (38%) เป็นสองลำดับแรกที่สำคัญสูงสุด และลำดับที่มีความสำคัญน้อยที่สุดสองด้าน คือการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนหรือบุคคลภายนอก (12%) และความปลอดภัยหรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบของพนักงาน (13%) 

ความปลอดภัยยังคงมีความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ โดยความปลอดภัยบนคลาวด์จัดอยู่ในลำดับแรกในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ (42%) ความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของข้อมูลแซงหน้า AI/ML ขึ้นเป็นความสำคัญเป็นอันดับแรกในเรื่องของการวิเคราะห์ด้านเงินทุน (45%) ระบบอัตโนมัติด้านความปลอดภัย (35%) เบียดแซงหน้าระบบอัตโนมัติด้านบริการคลาวด์ (33%) และระบบอัตโนมัติด้านเน็ตเวิร์ก (30%) ขึ้นเป็นความสำคัญสูงสุดในเรื่องของระบบอัตโนมัติ และ 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าได้ลงทุนด้านความปลอดภัยในการเข้าใช้งานโดยแอปพลิเคชันหนึ่งไปยังแอปพลิเคชันหนึ่ง หรือแอปพลิเคชันไปยังแหล่งข้อมูลอื่น หรือทั้งสองอย่าง “เพิ่มขึ้นบ้าง” หรือ “เพิ่มขึ้นอย่างมาก” 

คำถาม: ในอีก 12 เดือนข้างหน้า บริษัทของคุณให้ความสำคัญด้านใดในเรื่องของการลงทุนสำหรับบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ต่าง ๆ

การจัดลำดับความสำคัญในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเปลี่ยนไป

แม้ว่าเส้นทางการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของบริษัทต่าง ๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนักจากปีที่แล้ว แต่ลำดับความสำคัญสูงสุดของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสองอันดับแรกกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ในอดีตการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องใช้นวัตกรรม อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้พบว่านวัตกรรมไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป เนื่องจากการรักษาความปลอดภัยกลับขึ้นมาติดอันดับสูงสุดแทน โดยเพิ่มขึ้น 3 จุดจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาเป็น 20% ส่วนคำตอบที่เลือกนวัตกรรมนั้นลดลงไป 5 จุด เหลือเพียง 19% ที่ระบุว่านวัตกรรมมีความสำคัญสูงสุดในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน 

คำถาม: ข้อใดต่อไปนี้อธิบายถึงลำดับความสำคัญสูงสุดในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของบริษัทคุณได้เหมาะสมที่สุด

เรามีทฤษฎีบางประการเกี่ยวกับสาเหตุที่นวัตกรรมได้รับความสนใจน้อยลงในแต่ละปี คำถามในการสำรวจครั้งที่ผ่านมา อนุญาตให้ผู้ตอบแบบสอบถามเลือกลำดับความสำคัญได้หลายข้อ แต่ในครั้งนี้เราได้ขอให้เลือกลำดับความสำคัญได้ข้อเดียวจากตัวเลือกที่มีให้ เพื่อดูว่าการจำกัดโฟกัสให้แคบลงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนหรือแตกต่างกัน จากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยระดับสูงและการละเมิดข้อมูลจำนวนมากที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาทำให้การรักษาความปลอดภัยกลับมามีความสำคัญสูงสุดอีกครั้งตามที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการสำรวจแสดงให้เห็นว่ามีจำนวนบริษัทที่อยู่ในช่วงเร่งความพยายามในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพิ่มขึ้น (ปัจจุบันอยู่ที่ 23%) ซึ่งหมายความว่า บริษัทต่าง ๆ จะยังคงดำเนินแผนงานด้านนวัตกรรมไปอย่างต่อเนื่อง

การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน

เช่นเดียวกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา ปัญหาที่บริษัทต่าง ๆ พบบ่อยที่สุดในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันคือช่องว่างด้านความสามารถและทักษะ ผู้นำด้านไอทีเข้าใจดีว่า ความคืบหน้าในโครงการสำคัญที่เน้นระบบอัตโนมัติด้านไอที ความปลอดภัย และ AI/ML มากขึ้นอาจจะหยุดชะงักลงได้ หากขาดทักษะและความสามารถที่เหมาะสม นอกจากนี้ วัฒนธรรมองค์กร ผู้คน และกระบวนการล้วนมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเฉกเช่นเดียวกันกับเทคโนโลยี

37% ของผู้ตอบแบบสำรวจเลือกทั้งกลยุทธ์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการฝึกทักษะด้านเทคนิค/เทคโนโลยีเป็นวัตถุประสงค์หลักในการจัดลำดับความสำคัญด้านเงินทุนที่ไม่ใช่ด้านไอที โดยมีการฝึกอบรมทักษะบุคลากรและกระบวนการอยู่ในอันดับที่สาม (30%) ตามมาด้วยการจ้างงานและรักษาพนักงานไอทีหรือนักพัฒนา (28%)  ส่วนลำดับความสำคัญสูงสุดด้านเงินทุนที่ไม่ใช่ไอทีสำหรับการสำรวจครั้งนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการยกระดับทักษะและบุคลากร ซึ่งอาจสะท้อนถึงสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงและตลาดแรงงานที่ตึงตัว ซึ่งบีบให้บริษัทต่าง ๆ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นในการกำหนดกลยุทธ์และลำดับความสำคัญ ตลอดจนวิธีการสรรหาบุคลากร รักษาและยกระดับทักษะพนักงานของตน

คำถาม: ในอีก 12 เดือนข้างหน้า สิ่งที่อยู่ในลำดับความสำคัญสูงสุดในเรื่องของเงินทุน ที่ไม่เกี่ยวกับโซลูชันหรือผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีไอทีของบริษัทคุณคืออะไร

ผลสำรวจอื่นจากรายงานนี้

รายงานฉบับนี้มีข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมอีกมาก เช่น กลยุทธ์ด้านคลาวด์, ข้อมูลอุตสาหกรรม, แผนการทำงานแบบอัตโนมัติ และอื่น ๆ  สำหรับการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่องค์กรต่าง ๆ วางแผนที่จะปรับปรุงแนวทางด้านไอทีให้ทันสมัย กรุณาเข้าอ่านได้ที่ 2023 Global Tech Outlook 

วิธีการสำรวจ

เร้ดแฮทสำรวจผู้นำด้านไอที 1,703 คน ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2565 โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทำงานในบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผู้ตอบแบบสำรวจประกอบด้วยลูกค้าส่วนหนึ่งของเร้ดแฮทและบุคคลอื่นจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

Alibaba Cloud Unveils Its First International Product Innovation Center and Partner Management Center

Alibaba Cloud Unveils Its First International Product Innovation Center and Partner Management Center

Alibaba Cloud Unveils Its First International Product Innovation Center and Partner Management Center

Leading cloud service provider manifests its commitment to global customers, starting from its international headquarters in Singapore.

The cloud leader also attains the highest tier of cybersecurity certification while facilitating local customers’ digital transformation in retail, logisitcs and gaming

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, unveiled at the Alibaba Cloud Singapore Summit 2023 its first international product innovation center and partner management center, to further enhance customer services and better facilitate customers’ digitalization journey.  

The new Product Innovation Center will help facilitate future roadmaps for developing more market-specific solutions, and will oversee the management of product upgrades based on ongoing global customer demands. To better serve local customers’ needs, the Partner Management Center will be launched to delve into local collaborations to deepen the sharing of leading technologies and domain expertise amongst partners.

These new initiatives will not only create more job opportunities for local talents in Singapore but will also enhance more local collaborations through the creation of a new Innovation Accelerator Program to support businesses to expand as the global digital economy continues to grow

The Innovation Accelerator Program aims to bring together industry leaders and experts to help develop more innovative and resilient businesses in Singapore through sharing of practical skills and ideas, and providing ease of access to the latest cloud technologies. Each eligible company under the program will also receive complimentary training and technical support from Alibaba Cloud and industry experts. 

By supporting businesses with their digital transformation and innovation journey through upskilling, retraining, and technical upgrading, the program also provides them with an opportunity to plug into the dynamic global ecosystem of Alibaba Cloud, which is designed to further empower businesses to explore and realize their growth ambitions not only locally but also internationally.

“Today we are in a very early stage of digitalization,” said Dr Wang Jian, Member of Chinese Engineering Academy and founder of Alibaba Cloud. “In the next five to ten years, the economy is going to be driven and measured by computing consumption. Digital economy is the economy of computing, and cloud computing will play the same role in the era of digitalization as electricity played in the era of electrification. The cloud is becoming a methodology not just for cloud computing, but a methodology for most people doing their work.”

In a bid to complement sustainable business strategies, Alibaba Cloud will also be working with partners to help 10,000 global companies to accelerate their sustainability journey over the next three years. Businesses in Singapore will be offered a pilot program of Energy Expert to help reduce theirโ carbon footprints. A proprietary software-as-a-service sustainability platform launched by Alibaba Cloud in June last year, Energy Expert helps measure, analyze, and manage the carbon emissions of business activities and products while providing actionable insights and energy-saving recommendations to companies in helping them achieve their carbon emission goals.

“With the setup of our first International Product Innovation Center and Partner Management Center in Singapore, our global headquarters for Alibaba Cloud, we are committed to continuously supporting global businesses in their digital transformation journey. The new initiatives and the strengthening of our talented workforce further illustrate our support for global customers with ambitions to expand and upgrade their innovation capabilities, while delivering on their sustainability goals,” said Selina Yuan, Vice President of Alibaba Group and President of Alibaba Cloud Intelligence International Business Unit.

Attaining the highest tier of CSA cybersecurity certification 

A critical part of Alibaba Cloud’s continuous efforts is to bring better services and offerings to businesses and these include enhanced cybersecurity and protection for customers. Alibaba Cloud has recently attained the Cyber Trust (Advocate) mark certification. The Cyber Trust mark, developed by the Cyber Security Agency of Singapore (CSA), is targeted at larger or more digitalized organizations, and helps organizations to communicate their investment in cybersecurity as a competitive edge and to build trust with their customers. 

The Cyber Trust (Advocate) mark is the highest tier of the certification. It affirms Alibaba
Cloud’s dedication to offer trusted services for businesses to manage and protect their cloud infrastructure.

Supporting Customers’ Growth with Technology for Innovation 

Gadget MIX is a Singapore-based retailer with more than 20 outlets across the country and a robust e-commerce presence that focuses on high-tech digital products. Alibaba Cloud has helped Gadget MIX digitally transform its retail strategy through providing innovative cloud solutions. Partnering with Alibaba Cloud has allowed Gadget MIX to improve internal communications, streamline business operations, and seamlessly migrate to the cloud to speed up its business transformation.

“The solutions provided by Alibaba Cloud have helped to lower our total cost of ownership and streamline business operations, thus speeding up our business transformation efforts. In particular, the deployment of DingTalk has helped us to improve workflow management and team collaborations as well as our business and internal communications. Through our digital transformation efforts together with Alibaba Cloud, we have succeeded in creating more value for our retail customers and look forward to future collaborations around digital transformation,” said Ray Yue, CEO of Gadget MIX. 

Leveraging Alibaba Cloud’s game accelerator solution and security products like Game Shield and Anti-DDos, Project Twelve (P12), a web3 gaming platform headquartered in Singapore, is now able to focus on scalable game deployment while providing a secure environment for their users by lowering the risks of cyberattacks. P12 also utilizes Alibaba Cloud’s cloud native database, PolarDB, to reduce maintenance time and improve uptime reliability, thus creating a smooth gamer experience.

“With added assurance for a secure gaming experience within P12 platform, we can focus our efforts on elevating the platform with quality games and sustainable economy in the fast-moving and dynamic web3 gaming industry. Alibaba Cloud’s solutions have helped us to provide our users with smoother gaming experiences and scale accordingly to peak demands with high availability and low latency,” said Boyang, founder of Project Twelve.

With Singapore as a vibrant logistics hub and it being a key pillar of the Singapore economy, Alibaba Cloud has also been working with many logistics players to deepen their digital transformation efforts. This includes JUSTI Pte. Ltd. (JUSTI), a homegrown investment holding company whose main investment portfolios includes a last mile delivery operation. Alibaba Cloud’s solutions have enabled them to digitalize and streamline its logistic networks.

“Alibaba Cloud’s AI-driven EasyDispatch solution with an embedded vehicle routing problem (VRP) capability improves our field dispatch capabilities and efficiency in real time. By utilizing Alibaba Cloud’s technologies, we can have better visibility and control over each step of our delivery chains, such as parcel status tracking, real-time AI route designing and task scheduling. They have greatly reduced our manpower cost and increased customers’ satisfaction,” said Li ChaoMing, Managing Director of JUSTI.