Nutanix เปิดตัว Project Beacon เสริมแกร่งวิสัยทัศน์ Hybrid Multicloud Platform-as-a-Service

Nutanix เปิดตัว Project Beacon เสริมแกร่งวิสัยทัศน์ Hybrid Multicloud Platform-as-a-Service

Nutanix เปิดตัว Project Beacon เสริมแกร่งวิสัยทัศน์ Hybrid Multicloud Platform-as-a-Service

ตั้งเป้าให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอปพลิเคชันเพียงครั้งเดียว สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่

นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านไฮบริดมัลติคลาวด์คอมพิวติ้ง ประกาศเปิดตัว Project Beacon ซึ่งเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นตลอดหลายปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ ในการนำเสนอพอร์ตโฟลิโอบริการด้าน data-centric Platform as a Service (PaaS) ที่ยึดดาต้าเป็นศูนย์กลางและพร้อมใช้งานได้ทุกที่ รวมถึงบนแพลตฟอร์มของนูทานิคซ์ หรือบนเนทีฟพับลิคคลาวด์ Project Beacon สร้างจากวิสัยทัศน์ในการแยกแอปพลิเคชันและดาต้าออกจากโครงสร้างพื้นฐานหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพียงครั้งเดียวและนำไปใช้ได้ทุกที่

ผลสำรวจจาก Enterprise Cloud Index ระบุว่า 75% ของทีมไอทีคาดว่าภายในหนึ่งถึงสามปีข้างหน้า จะใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีมากกว่าหนึ่งประเภท ไม่ว่าจะเป็นระบบที่อยู่ในองค์กร บนพับลิคคลาวด์ หรือที่ edge การเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันไปยังสภาพแวดล้อมหนึ่ง ๆ ที่แตกต่างกันนั้น ปัจจุบันสามารถทำได้ในเลเยอร์ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม บริการ PaaS ต่าง ๆ ที่องค์กรจำนวนมากใช้เพื่อช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้าง และส่งแอปพลิเคชันให้เร็วขึ้นนั้นผูกติดกับพับลิคคลาวด์ที่เจาะจง ทำให้เกิดการล็อกอิน ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันไปยังสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกว่ามีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุน การปฏิบัติตามกฎระเบียบลาเทนซี่ หรือปัจจัยอื่น แต่ Project Beacon มีเป้าหมายที่จะทำให้ความท้าทายเหล่านี้หมดไป 

นายราจีฟ รามาสวามี ประธานและซีอีโอของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “Project Beacon คือวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เขียนแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพียงครั้งเดียว แล้วสามารถนำไปใช้ที่ใดก็ได้ เรามอบบริการ data-centric PaaS ที่ยึดดาต้าเป็นศูนย์กลาง และไม่ผูกติดกับผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีรายใดรายหนึ่ง เราหวังว่าจะสามารถช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากไฮบริดมัลติคลาวด์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่เพียงในเลเยอร์ของโครงสร้างพื้นฐานไอทีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเลเยอร์ของแอปพลิเคชันดาต้าด้วย”

นูทานิคซ์มุ่งให้บริการแพลตฟอร์มเซอร์วิสที่องค์กรจำนวนมากต้องใช้ ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Project Beacon ด้วย API และคอนโซลเดียว ที่ผสานการทำงานร่วมกับ Kubernetes® container และการบริหารจัดการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันบนทุกสภาพแวดล้อม ชุด data-centric platform services
นี้จะมีความโดยเด่นด้วยวิธีการบริหารจัดการที่ง่ายและสอดคล้องกัน, การเคลื่อนย้ายได้แบบอัตโนมัติ, การนำไลเซนส์ไปใช้งานบนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ, นักพัฒนาสามารถบริการตนเองได้ ทั้งยังมาพร้อมกับความปลอดภัย และการกำกับดูแลที่มีให้กับทีมปฏิบัติการด้านคลาวด์ที่ติดตั้งมาพร้อมสรรพ บริการนี้จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าถึงชุดบริการ PaaS ที่ยึดดาต้าเป็นศูนย์กลางนี้ได้ ไม่ว่าจะอยู่บนเนทีฟพับลิคคลาวด์, ระบบภายในองค์กร หรือที่ edge ในเวลาเดียวกันทีมปฏิบัติงานจะสามารถคงการควบคุมและกำกับดูแลดาต้า, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และปกป้องข้อมูลได้อย่างเต็มที่

นายแมตต์ ฮิกส์ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ของเร้ดแฮท กล่าวว่า “Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Kubernetes ชั้นนำในอุตสาหกรรมสำหรับใช้ในองค์กร ช่วยลูกค้าสร้าง ใช้ และบริหารจัดการแอปพลิเคชันใด ณ ที่ใดก็ได้ และด้วยการเปิดตัว Project Beacon นี้ นูทานิคซ์จะสร้างพันธกิจของเราด้วยวิสัยทัศน์การให้บริการ data-centric platform services ที่มีความสม่ำเสมอ ใช้ได้ทุกที่ และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าโอเพ่นไฮบริดคลาวด์แพลตฟอร์มของเร้ดแฮทด้วยบริการด้านดาต้าที่ล้ำหน้าของนูทานิคซ์”

บริการของนูทานิคซ์เริ่มจากบริการด้านดาต้าเบส ซึ่งเป็นรากฐานให้กับแอปพลิเคชันทั้งหมด และด้วย Project Beacon บริษัทตั้งเป้าให้ลูกค้าที่ใช้โซลูชัน Nutanix Database Service™ (NDB) ได้รับประโยชน์มากขึ้นในลักษณะ managed service บนพับลิคคลาวด์ โดยจะสร้างบนการบริหารจัดการและระบบอัตโนมัติด้านดาต้าเบสของ NDB ที่มีอยู่แล้วบน Nutanix Cloud Infrastructure (NCI) ในลักษณะ managed service บนโครงสร้างพื้นฐานเนทีฟพับลิคคลาวด์

จากนั้นนูทานิคซ์จะขยายบริการไปยัง data-centric platform services ที่ได้รับความนิยมมาก เช่น สตรีมมิง แคชชิง และเสิร์ช โดยเป้าหมายเพื่อให้บริการองค์ประกอบสำคัญทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างแอปพลิเคชันที่ทันสมัยที่จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ต้องพึ่งพาโซลูชันที่จะล็อกพวกเขาไว้กับโครงสร้างพื้นฐานไอทีเดียว

Dave Pearson, IDC RVP for Infrastructure Systems, Platforms and Technologies กล่าวว่า “องค์กรต่าง ๆ ต้องพึ่งพาบริการพับลิคคลาวด์เพื่อเร่งการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมให้เร็วขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความซับซ้อน, ค่าใช้จ่าย, การล็อกอิน และอื่น ๆ อีกมากนูทานิคซ์ตั้งเป้าให้ Project Beacon ลดการล็อกอินและเพิ่มความเรียบง่ายในการพัฒนาแอปพลิเคชันผ่านการจัดการแบบรวมศูนย์ การเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ และความสามารถในการเขียนแอปพลิเคชันเพียงครั้งเดียวให้สามารถนำไปใช้ได้ตามต้องการบนโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม”

Ericsson retains top ranking in Frost Radar™ Global 5G Network Infrastructure Market 2023 Report

รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

Ericsson retains top ranking in Frost Radar™ Global 5G Network Infrastructure Market 2023 Report

Ericsson has been ranked as the leader in the Frost Radar™ 5G Network Infrastructure Market 2023 report for the third consecutive year, showing that the company’s enhanced efforts to invest in technology leadership for customers’ benefit continue to pay off.

Apart from retaining its top ranking, Ericsson has also gained important recognition for developing energy-efficient 5G RAN solutions that cater to customers’ needs.

Maintaining top ranking in the Frost Radar™ report over the past years has shown Ericsson’s consistent ability to scale its innovations and growth in the field, according to the yearly report from business consulting firm Frost & Sullivan. It also reaffirms Ericsson’s leadership in the 5G network infrastructure market, which spans radio access networks (RAN), transport networks, and core networks.

Fredrik Jejdling, Executive Vice President and Head of Networks at Ericsson, says: “It is rewarding to see our sustained efforts to increase the energy efficiency of Ericsson 5G solutions recognized in this Frost Radar report. We will continue to invest in technology leadership centered on innovation, openness, and growing our customers’ business.” 

Commenting on Ericsson’s top result, Troy Morley, Industry Principal, at Frost & Sullivan’s Information & Communication Technology group, says: “Ericsson has proven its ability to scale its innovations globally with 2G, 3G, 4G, and now 5G. The company invests significant amounts in R&D, and this is essential in a market in which technology is always evolving.” 

Ericsson currently powers 145 live 5G networks in 63 countries, which is the highest level that Frost & Sullivan has seen publicly reported.

“As a leader in the 4G infrastructure market, Ericsson enters the 5G market with a large customer base,” says Morley. “The company has done an excellent job keeping its current customers and adding new customers.”

Commenting further on the report, Morley says: “Energy efficiency is now the buzzword. While early 5G RAN solutions focused on proving the technology, Ericsson’s current 5G RAN solutions tout being smaller and lighter and saving energy, which is answering its customers’ needs.”

The Frost Radar™ report independently evaluates companies with a significant influence on the market in a particular industry. The Innovation and Growth scores are used to rate a company’s focus on continuous innovation and ability to translate innovations into consistent growth, as highlighted in the Frost Radar™ methodology. The report plots top industry participants, standing out among companies positioned as the overall market leaders, leaders in a market segment, or thought leaders in a specific segment.

In related news announced in March, Ericsson was also named a leader in the 2023 Gartner® Magic Quadrant™ for 5G Network Infrastructure for CSPs report.

รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

อีริคสันได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรายงาน Frost Radar™ 5G Network Infrastructure Market 2023 เป็นปีที่สามติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการลงทุนและพัฒนาความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจากการครองตำแหน่งอันดับหนึ่งแล้ว อีริคสันยังได้รับการยอมรับว่ามีบทบาทสำคัญในด้านการพัฒนาโซลูชั่น 5G RAN ที่ลดการใช้พลังงานและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

การรักษาอันดับสูงสุดของอีริคสันในรายงาน Frost Radar™ ซึ่งเป็นรายงานประจำปีของ Frost & Sullivan อย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ในการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างการเติบโตในตลาด นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของอีริคสันในตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ครอบคลุมไปถึง Radio Access Networks (RAN), Transport Networks และ Core Networks

เฟรดริก เจดลิง รองประธานบริหารและหัวหน้างานเครือข่ายอีริคสัน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโซลูชัน Ericsson 5G ได้รับการยอมรับอีกครั้งในรายงาน Frost Radar ปีนี้ เราจะเดินหน้าลงทุนเพื่อความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นนวัตกรรม การเปิดกว้างและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้า”

ทรอย มอร์เลย์ หัวหน้านักวิเคราะห์อุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Frost & Sullivan กล่าวว่า “อีริคสันได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายทั่วโลกมาตั้งแต่ยุค 2G, 3G, 4G จนถึงยุค 5G ในปัจจุบัน โดยอีริคสันลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ จำนวนมาก เป็นเรื่องจำเป็นในตลาดที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านอยู่ตลอดเวลา”

ปัจจุบัน Ericsson 5G  ถูกใช้งานในเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 145 เครือข่ายใน 63 ประเทศ นับเป็นระดับสูงสุดที่ Frost & Sullivan เคยรายงานให้สาธารณะทราบ

“ในฐานะผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐาน 4G เดิม ทำให้อีริคสันเข้าสู่ตลาด 5G ด้วยฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และบริษัทฯ ยังดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันพร้อมเพิ่มฐานลูกค้าใหม่” มอร์เลย์ กล่าวเพิ่มเติม

มอร์เลย์ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมในรายงานนี้ว่า “วันนี้การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หรือ Energy Efficiency ได้กลายเป็นคำยอดฮิตแล้ว ขณะที่โซลูชัน 5G RAN รุ่นแรก ๆ มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี แต่โซลูชัน 5G RAN ในปัจจุบันของอีริคสันได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และประหยัดพลังงานกลายเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”

รายงาน Frost Radar™ ประเมินบริษัทที่มีบทบาทสำคัญกับตลาดในอุตสาหกรรมอย่างอิสระ โดยยึดวิธีการให้คะแนนด้านนวัตกรรม (Innovation Score) และการเติบโต (Growth Score) เพื่อประเมินความสามารถของบริษัทด้านการพัฒนานวัตกรรมรวมถึงความสามารถในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจนใน Frost Radar™ Methodology รายงานฉบับนี้ยังนำเสนอสุดยอดบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นท่ามกลางบรรดาผู้นำในตลาดโดยรวม รวมถึงผู้นำในกลุ่มตลาดย่อย หรือผู้นำทางความคิดในบางกลุ่ม

อีริคสันได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำใน 2023 Gartner® Magic Quadrant™ ข่าวที่เกี่ยวข้องและเผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม ได้แก่ Ericsson was also named a leader in the 2023 Gartner® Magic Quadrant™ for 5G Network Infrastructure for CSPs report.

Security Outweighs Availability and Cost as the Top Determinant for Cloud Vendor Selection

Security Outweighs Availability and Cost as the Top Determinant for Cloud Vendor Selection

Security Outweighs Availability and Cost as the Top Determinant for Cloud Vendor Selection

  • Asia-wide survey shows cloud adopters benefit from improved operational efficiency but need more employee training
  • Nine in ten businesses say cloud vendors deliver satisfactory services that meet or exceed customers’ expectations

Security is the top consideration for Asian businesses when choosing their cloud strategy and cloud vendors according to a survey commissioned by Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group.

“The Next-Generation Cloud Strategy in Asia” survey obtained responses from 1,000 organizations across eight markets in Asia that are currently using cloud. Respondents listed security as the top reason for choosing their current strategy (private cloud: 74%; hybrid cloud: 70%; public cloud: 58%).

In choosing their cloud vendors, more than two-thirds (69%) of all respondents stated that security is the most important consideration, outweighing other factors such as availability (58%) and cost (55%).

The emphasis on security in cloud vendor selection is consistent across markets and industries, especially for the Philippines (85%), Indonesia (82%) and Thailand (78%), and for sectors such as Manufacturing, Media & Telecommunications and Financial Services. In the previous survey[1] released in 2021, “security credentials” was also identified as the top reason for choosing cloud vendors by a majority (58%) of respondents.

“At Alibaba Cloud, we prioritize the critical importance of security in cloud adoption. We understand the potential impact that cybersecurity incidents can have on businesses, regardless of their size. That’s why we offer a wide range of comprehensive security solutions that are tailored to meet the specific needs of businesses throughout Asia, enabling them to safeguard their data, applications and infrastructure,” said Jiangwei Jiang, Senior Researcher and General Manager of Infrastructure Products, Alibaba Cloud Intelligence. “Globally, we have obtained more than 130 security and compliance certificates and our mission is to empower businesses by providing them with the necessary tools and resources to confidently embrace the cloud, with the assurance that their assets are protected by the industry’s leading security solutions.”

Beyond security, insufficient training for employees (private cloud: 42%; public cloud: 37%) and lack of budget (private cloud: 36%; public cloud: 36%) are the other major barriers businesses experience when implementing an effective cloud strategy.

Alibaba Cloud commissioned global market research firm NielsenIQ to conduct the survey, with an aim to better understand the state of adoption of the prevailing cloud strategies across Asia.

Unlocking operational efficiency through cloud adoption

Respondents, regardless of the type of strategy adopted, quoted “improved operational efficiency” as the biggest benefit of cloud adoption (hybrid cloud: 71%; public cloud: 62% and private cloud: 60%).

Public cloud users also see improved business continuity (47%), better support for remote workers (45%) and improved security and risk management (44%) as the other benefits of adopting the cloud.

“As businesses in Asia increasingly seek reliable and secure cloud solutions with local support, Alibaba Cloud is well positioned to address these needs. Our strong local expertise enables us to support customers, complementary to their internal resources. Additionally, we are committed to talent development and providing businesses with the necessary training and resources to maximize the benefits of our cloud solutions. Businesses can also benefit from a deep understanding of the local market and regulations, faster response times and our extensive experience in a wide range of industries from retail to finance, logistics to entertainment,” added Jiang.

Asia-based cloud vendors exceed user expectations

The survey showed that, the largest share of businesses (38%) are using regional/Asia-based vendors. In an improvement from the previous survey, an overwhelming majority (91%) of businesses reported that their experience in using cloud services either met or exceeded their expectations, demonstrating the high quality of cloud services available in Asia.

In Thailand, a notably high percentage of businesses (64%) have opted for regional/Asia-based vendors, while in South Korea, a larger share of respondents (56%) use local vendors.

In terms of industry, businesses in the Manufacturing (42%) tend to use regional/Asia-based vendors while a higher percentage of respondents in the Retail (45%) and Public Sector (45%) favor local vendors.

About the survey

The survey was conducted from the end of September to early October 2022, collecting feedback through online questionnaires from 1,000 cloud strategy decision-makers in small to large-sized organizations that are currently using cloud services in eight markets in Asia: Hong Kong, Malaysia, Singapore, the Philippines, Indonesia, Thailand, Japan and South Korea. The respondents represented a wide range of industries, including Financial Services, Gaming, Internet & Technology, Manufacturing, Media & Telecommunications, Public Sector and Retail.

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย

  • การสำรวจทั่วเอเชีย แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้คลาวด์ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องการการอบรมพนักงานมากขึ้น
  • ธุรกิจเก้าในสิบแห่งกล่าวว่า คลาวด์เวนเดอร์มอบบริการที่น่าพึงพอใจเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือจนถึงเกินความคาดหวังของลูกค้า

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้มอบหมายให้บริษัทวิจัยทำการสำรวจ และพบว่าธุรกิจในภูมิภาคเอเชียยกให้ความปลอดภัยไซเบอร์ เป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดในการพิจารณาว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์คลาวด์แบบใด และเลือกใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ (คลาวด์เวนเดอร์) รายใด

การสำรวจ“The Next-Generation Cloud Strategy in Asia” ได้รวบรวมคำตอบจากองค์กร 1,000 แห่งในตลาดแปดแห่งในเอเชียที่ใช้คลาวด์อยู่ในปัจจุบัน ผู้ตอบแบบสำรวจระบุให้ความปลอดภัยเป็นเหตุผลหลักในการเลือกกลยุทธ์การใช้คลาวด์ในปัจจุบัน (ไพรเวทคลาวด์: 74%; ไฮบริดคลาวด์: 70% และพับลิคคลาวด์: 58%)

สำหรับเรื่องของการเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าสองในสาม (69%) ระบุว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณามากกว่าปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความพร้อมใช้ (58%) และค่าใช้จ่าย (55%)

การให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันในทุกตลาด โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ (85%) อินโดนีเซีย (82%) และไทย (78%) และสอดคล้องกันในทุกอุตสาหกรรม เช่น ภาคการผลิต สื่อและโทรคมนาคม รวมถึงบริการทางการเงิน นอกจากนี้ การสำรวจก่อนหน้านี้[1]ที่เผยแพร่ในปี 2564 ยังพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (58%) ระบุว่า “security credentials” หรือการพิจารณาคุณสมบัติหรือความสำเร็จด้านความปลอดภัยของคลาวด์เวนเดอร์ เป็นเหตุผลหลักในการเลือกว่าจะใช้คลาวด์เวนเดอร์รายใด

Jiangwei Jiang นักวิจัยอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปด้านผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “อาลีบาบา คลาวด์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับความปลอดภัยในการใช้คลาวด์ เราเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม เราจึงนำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมในวงกว้าง ซึ่งสามารถปรับให้เป็นโซลูชันที่เจาะจงตอบความต้องการเฉพาะทางของธุรกิจต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นปกป้องข้อมูล แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้อย่างรัดกุม เราได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากกว่า 130 รายการจากทั่วโลก และภารกิจของเราคือเสริมความสามารถให้กับธุรกิจต่าง ๆ ด้วยการมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นใช้คลาวด์ได้อย่างมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าทรัพย์สินของพวกเขาได้รับการปกป้องจากโซลูชันด้านความปลอดภัยที่มีสมรรถนะระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม”

ผลสำรวจยังระบุว่า นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีอุปสรรคอื่นที่ธุรกิจต่าง ๆ พบเจอเมื่อนำกลยุทธ์คลาวด์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เช่น การอบรมพนักงานที่ไม่เพียงพอ (ไพรเวทคลาวด์: 42%; พับลิคคลาวด์: 37%) และการขาดงบประมาณ (ไพรเวทคลาวด์: 36%; พับลิคคลาวด์: 36%)

อาลีบาบา คลาวด์ มอบหมายให้ NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลกดำเนินการสำรวจนี้ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้เข้าใจสถานะของการใช้กลยุทธ์คลาวด์ในเอเชียในปัจจุบันได้ดีขึ้น

ปลดล็อกศักยภาพการดำเนินงานด้วยการใช้คลาวด์

ผู้ตอบแบบสำรวจ โดยไม่คำนึงถึงประเภทของกลยุทธ์ที่ใช้ กล่าวว่า “การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน” เป็นประโยชน์ใหญ่ที่สุดที่ได้จากการใช้คลาวด์ (ไฮบริดคลาวด์: 71%; พับลิคคลาวด์: 62% และ ไพรเวทคลาวด์: 60%)

ผู้ใช้พับลิคคลาวด์ยังได้รับประโยชน์อื่น ๆ ที่สำคัญจากการใช้คลาวด์ เช่น มีความต่อเนื่องทางธุรกิจมากขึ้น (47%) รองรับการทำงานจากระยะไกลได้ดีขึ้น (45%) รวมถึงมีความปลอดภัยมากขึ้นและบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น (44%)

 

Jiang กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจต่าง ๆ ในเอเชียมองหาโซลูชันคลาวด์ที่ปลอดภัยและเสถียรมากขึ้นเรื่อย ๆ และต้องการการซัปพอร์ตในท้องถิ่น ซึ่ง อาลีบาบา คลาวด์ สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งของเรา เราจึงสามารถสนับสนุนลูกค้า และเสริมศักยภาพให้กับทรัพยากรของลูกค้าได้ นอกจากนี้ เรายังมีพันธะสัญญาที่จะพัฒนาความสามารถพิเศษ มอบการอบรมและทรัพยากรที่จำเป็นให้กับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นได้รับประโยชน์จากโซลูชันคลาวด์ของเราได้มากที่สุด ธุรกิจต่าง ๆ ยังสามารถได้ประโยชน์จากความเข้าใจตลาดท้องถิ่นและกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ของเรา จากเวลาในการตอบกลับที่รวดเร็วขึ้น และจากประสบการณ์ที่กว้างขวางของเราในอุตสาหกรรมหลากหลายตั้งแต่ ค้าปลีก ไปจนถึง การเงิน หรือ โลจิสติกส์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมด้านความบันเทิง”

คลาวด์เวนเดอร์ในเอเชียให้บริการที่เกินความคาดหวังของผู้ใช้

การสำรวจแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ (38%) ใช้ผู้ให้บริการที่อยู่ในภูมิภาค/เอเชีย ผลสำรวจนี้แสดงพัฒนาการของธุรกิจส่วนใหญ่ (91%) รายงานประสบการณ์การใช้บริการคลาวด์ของพวกเขาเป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกินความคาดหวัง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีบริการคลาวด์คุณภาพสูงอยู่ในเอเชีย

สำหรับประเทศไทย ผลสำรวจแสดงให้เห็นชัดว่าธุรกิจจำนวนมาก (64%) เลือกใช้ผู้ให้บริการที่อยู่ในภูมิภาค/เอเชีย ในขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจในเกาหลีใต้ใช้ผู้ให้บริการในท้องถิ่นมากที่สุด (56%) ในมุมของภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจในภาคการผลิต (42%) มีแนวโน้มใช้ผู้ให้บริการในภูมิภาค/เอเชีย ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในภาคธุรกิจค้าปลีก (45%) และภาครัฐ (45%) ให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการในท้องถิ่นมากกว่า

เกี่ยวกับการสำรวจ

การสำรวจนี้ดำเนินการเมื่อปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม 2565 รวบรวมคำตอบผ่านแบบสอบถามออนไลน์จากผู้มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์คลาวด์ 1,000 คน ในองค์กรขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันใช้บริการคลาวด์ ทำการสำรวจในตลาดแปดแห่งในเอเชีย ประกอบด้วย ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผู้ตอบแบบสำรวจเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น บริการทางการเงิน เกม อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ภาคการผลิต สื่อและโทรคมนาคม ภาครัฐและค้าปลีก