รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

รายงาน Frost Radar™ ฉบับล่าสุด เผยอีริคสันยังครองอันดับ 1 ผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั่วโลก

อีริคสันได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรายงาน Frost Radar™ 5G Network Infrastructure Market 2023 เป็นปีที่สามติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการลงทุนและพัฒนาความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจากการครองตำแหน่งอันดับหนึ่งแล้ว อีริคสันยังได้รับการยอมรับว่ามีบทบาทสำคัญในด้านการพัฒนาโซลูชั่น 5G RAN ที่ลดการใช้พลังงานและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

การรักษาอันดับสูงสุดของอีริคสันในรายงาน Frost Radar™ ซึ่งเป็นรายงานประจำปีของ Frost & Sullivan อย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ในการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างการเติบโตในตลาด นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของอีริคสันในตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ครอบคลุมไปถึง Radio Access Networks (RAN), Transport Networks และ Core Networks

เฟรดริก เจดลิง รองประธานบริหารและหัวหน้างานเครือข่ายอีริคสัน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโซลูชัน Ericsson 5G ได้รับการยอมรับอีกครั้งในรายงาน Frost Radar ปีนี้ เราจะเดินหน้าลงทุนเพื่อความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นนวัตกรรม การเปิดกว้างและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้า”

ทรอย มอร์เลย์ หัวหน้านักวิเคราะห์อุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Frost & Sullivan กล่าวว่า “อีริคสันได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายทั่วโลกมาตั้งแต่ยุค 2G, 3G, 4G จนถึงยุค 5G ในปัจจุบัน โดยอีริคสันลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ จำนวนมาก เป็นเรื่องจำเป็นในตลาดที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านอยู่ตลอดเวลา”

ปัจจุบัน Ericsson 5G  ถูกใช้งานในเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 145 เครือข่ายใน 63 ประเทศ นับเป็นระดับสูงสุดที่ Frost & Sullivan เคยรายงานให้สาธารณะทราบ

“ในฐานะผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐาน 4G เดิม ทำให้อีริคสันเข้าสู่ตลาด 5G ด้วยฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และบริษัทฯ ยังดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันพร้อมเพิ่มฐานลูกค้าใหม่” มอร์เลย์ กล่าวเพิ่มเติม

มอร์เลย์ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมในรายงานนี้ว่า “วันนี้การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หรือ Energy Efficiency ได้กลายเป็นคำยอดฮิตแล้ว ขณะที่โซลูชัน 5G RAN รุ่นแรก ๆ มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี แต่โซลูชัน 5G RAN ในปัจจุบันของอีริคสันได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และประหยัดพลังงานกลายเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”

รายงาน Frost Radar™ ประเมินบริษัทที่มีบทบาทสำคัญกับตลาดในอุตสาหกรรมอย่างอิสระ โดยยึดวิธีการให้คะแนนด้านนวัตกรรม (Innovation Score) และการเติบโต (Growth Score) เพื่อประเมินความสามารถของบริษัทด้านการพัฒนานวัตกรรมรวมถึงความสามารถในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจนใน Frost Radar™ Methodology รายงานฉบับนี้ยังนำเสนอสุดยอดบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นท่ามกลางบรรดาผู้นำในตลาดโดยรวม รวมถึงผู้นำในกลุ่มตลาดย่อย หรือผู้นำทางความคิดในบางกลุ่ม

อีริคสันได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำใน 2023 Gartner® Magic Quadrant™ ข่าวที่เกี่ยวข้องและเผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม ได้แก่ Ericsson was also named a leader in the 2023 Gartner® Magic Quadrant™ for 5G Network Infrastructure for CSPs report.

Security Outweighs Availability and Cost as the Top Determinant for Cloud Vendor Selection

Security Outweighs Availability and Cost as the Top Determinant for Cloud Vendor Selection

Security Outweighs Availability and Cost as the Top Determinant for Cloud Vendor Selection

  • Asia-wide survey shows cloud adopters benefit from improved operational efficiency but need more employee training
  • Nine in ten businesses say cloud vendors deliver satisfactory services that meet or exceed customers’ expectations

Security is the top consideration for Asian businesses when choosing their cloud strategy and cloud vendors according to a survey commissioned by Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group.

“The Next-Generation Cloud Strategy in Asia” survey obtained responses from 1,000 organizations across eight markets in Asia that are currently using cloud. Respondents listed security as the top reason for choosing their current strategy (private cloud: 74%; hybrid cloud: 70%; public cloud: 58%).

In choosing their cloud vendors, more than two-thirds (69%) of all respondents stated that security is the most important consideration, outweighing other factors such as availability (58%) and cost (55%).

The emphasis on security in cloud vendor selection is consistent across markets and industries, especially for the Philippines (85%), Indonesia (82%) and Thailand (78%), and for sectors such as Manufacturing, Media & Telecommunications and Financial Services. In the previous survey[1] released in 2021, “security credentials” was also identified as the top reason for choosing cloud vendors by a majority (58%) of respondents.

“At Alibaba Cloud, we prioritize the critical importance of security in cloud adoption. We understand the potential impact that cybersecurity incidents can have on businesses, regardless of their size. That’s why we offer a wide range of comprehensive security solutions that are tailored to meet the specific needs of businesses throughout Asia, enabling them to safeguard their data, applications and infrastructure,” said Jiangwei Jiang, Senior Researcher and General Manager of Infrastructure Products, Alibaba Cloud Intelligence. “Globally, we have obtained more than 130 security and compliance certificates and our mission is to empower businesses by providing them with the necessary tools and resources to confidently embrace the cloud, with the assurance that their assets are protected by the industry’s leading security solutions.”

Beyond security, insufficient training for employees (private cloud: 42%; public cloud: 37%) and lack of budget (private cloud: 36%; public cloud: 36%) are the other major barriers businesses experience when implementing an effective cloud strategy.

Alibaba Cloud commissioned global market research firm NielsenIQ to conduct the survey, with an aim to better understand the state of adoption of the prevailing cloud strategies across Asia.

Unlocking operational efficiency through cloud adoption

Respondents, regardless of the type of strategy adopted, quoted “improved operational efficiency” as the biggest benefit of cloud adoption (hybrid cloud: 71%; public cloud: 62% and private cloud: 60%).

Public cloud users also see improved business continuity (47%), better support for remote workers (45%) and improved security and risk management (44%) as the other benefits of adopting the cloud.

“As businesses in Asia increasingly seek reliable and secure cloud solutions with local support, Alibaba Cloud is well positioned to address these needs. Our strong local expertise enables us to support customers, complementary to their internal resources. Additionally, we are committed to talent development and providing businesses with the necessary training and resources to maximize the benefits of our cloud solutions. Businesses can also benefit from a deep understanding of the local market and regulations, faster response times and our extensive experience in a wide range of industries from retail to finance, logistics to entertainment,” added Jiang.

Asia-based cloud vendors exceed user expectations

The survey showed that, the largest share of businesses (38%) are using regional/Asia-based vendors. In an improvement from the previous survey, an overwhelming majority (91%) of businesses reported that their experience in using cloud services either met or exceeded their expectations, demonstrating the high quality of cloud services available in Asia.

In Thailand, a notably high percentage of businesses (64%) have opted for regional/Asia-based vendors, while in South Korea, a larger share of respondents (56%) use local vendors.

In terms of industry, businesses in the Manufacturing (42%) tend to use regional/Asia-based vendors while a higher percentage of respondents in the Retail (45%) and Public Sector (45%) favor local vendors.

About the survey

The survey was conducted from the end of September to early October 2022, collecting feedback through online questionnaires from 1,000 cloud strategy decision-makers in small to large-sized organizations that are currently using cloud services in eight markets in Asia: Hong Kong, Malaysia, Singapore, the Philippines, Indonesia, Thailand, Japan and South Korea. The respondents represented a wide range of industries, including Financial Services, Gaming, Internet & Technology, Manufacturing, Media & Telecommunications, Public Sector and Retail.

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย

  • การสำรวจทั่วเอเชีย แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้คลาวด์ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องการการอบรมพนักงานมากขึ้น
  • ธุรกิจเก้าในสิบแห่งกล่าวว่า คลาวด์เวนเดอร์มอบบริการที่น่าพึงพอใจเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือจนถึงเกินความคาดหวังของลูกค้า

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้มอบหมายให้บริษัทวิจัยทำการสำรวจ และพบว่าธุรกิจในภูมิภาคเอเชียยกให้ความปลอดภัยไซเบอร์ เป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดในการพิจารณาว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์คลาวด์แบบใด และเลือกใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ (คลาวด์เวนเดอร์) รายใด

การสำรวจ“The Next-Generation Cloud Strategy in Asia” ได้รวบรวมคำตอบจากองค์กร 1,000 แห่งในตลาดแปดแห่งในเอเชียที่ใช้คลาวด์อยู่ในปัจจุบัน ผู้ตอบแบบสำรวจระบุให้ความปลอดภัยเป็นเหตุผลหลักในการเลือกกลยุทธ์การใช้คลาวด์ในปัจจุบัน (ไพรเวทคลาวด์: 74%; ไฮบริดคลาวด์: 70% และพับลิคคลาวด์: 58%)

สำหรับเรื่องของการเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าสองในสาม (69%) ระบุว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณามากกว่าปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความพร้อมใช้ (58%) และค่าใช้จ่าย (55%)

การให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันในทุกตลาด โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ (85%) อินโดนีเซีย (82%) และไทย (78%) และสอดคล้องกันในทุกอุตสาหกรรม เช่น ภาคการผลิต สื่อและโทรคมนาคม รวมถึงบริการทางการเงิน นอกจากนี้ การสำรวจก่อนหน้านี้[1]ที่เผยแพร่ในปี 2564 ยังพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (58%) ระบุว่า “security credentials” หรือการพิจารณาคุณสมบัติหรือความสำเร็จด้านความปลอดภัยของคลาวด์เวนเดอร์ เป็นเหตุผลหลักในการเลือกว่าจะใช้คลาวด์เวนเดอร์รายใด

Jiangwei Jiang นักวิจัยอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปด้านผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “อาลีบาบา คลาวด์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับความปลอดภัยในการใช้คลาวด์ เราเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม เราจึงนำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมในวงกว้าง ซึ่งสามารถปรับให้เป็นโซลูชันที่เจาะจงตอบความต้องการเฉพาะทางของธุรกิจต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นปกป้องข้อมูล แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้อย่างรัดกุม เราได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากกว่า 130 รายการจากทั่วโลก และภารกิจของเราคือเสริมความสามารถให้กับธุรกิจต่าง ๆ ด้วยการมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นใช้คลาวด์ได้อย่างมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าทรัพย์สินของพวกเขาได้รับการปกป้องจากโซลูชันด้านความปลอดภัยที่มีสมรรถนะระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม”

ผลสำรวจยังระบุว่า นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีอุปสรรคอื่นที่ธุรกิจต่าง ๆ พบเจอเมื่อนำกลยุทธ์คลาวด์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เช่น การอบรมพนักงานที่ไม่เพียงพอ (ไพรเวทคลาวด์: 42%; พับลิคคลาวด์: 37%) และการขาดงบประมาณ (ไพรเวทคลาวด์: 36%; พับลิคคลาวด์: 36%)

อาลีบาบา คลาวด์ มอบหมายให้ NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลกดำเนินการสำรวจนี้ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้เข้าใจสถานะของการใช้กลยุทธ์คลาวด์ในเอเชียในปัจจุบันได้ดีขึ้น

ปลดล็อกศักยภาพการดำเนินงานด้วยการใช้คลาวด์

ผู้ตอบแบบสำรวจ โดยไม่คำนึงถึงประเภทของกลยุทธ์ที่ใช้ กล่าวว่า “การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน” เป็นประโยชน์ใหญ่ที่สุดที่ได้จากการใช้คลาวด์ (ไฮบริดคลาวด์: 71%; พับลิคคลาวด์: 62% และ ไพรเวทคลาวด์: 60%)

ผู้ใช้พับลิคคลาวด์ยังได้รับประโยชน์อื่น ๆ ที่สำคัญจากการใช้คลาวด์ เช่น มีความต่อเนื่องทางธุรกิจมากขึ้น (47%) รองรับการทำงานจากระยะไกลได้ดีขึ้น (45%) รวมถึงมีความปลอดภัยมากขึ้นและบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น (44%)

 

Jiang กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจต่าง ๆ ในเอเชียมองหาโซลูชันคลาวด์ที่ปลอดภัยและเสถียรมากขึ้นเรื่อย ๆ และต้องการการซัปพอร์ตในท้องถิ่น ซึ่ง อาลีบาบา คลาวด์ สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งของเรา เราจึงสามารถสนับสนุนลูกค้า และเสริมศักยภาพให้กับทรัพยากรของลูกค้าได้ นอกจากนี้ เรายังมีพันธะสัญญาที่จะพัฒนาความสามารถพิเศษ มอบการอบรมและทรัพยากรที่จำเป็นให้กับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นได้รับประโยชน์จากโซลูชันคลาวด์ของเราได้มากที่สุด ธุรกิจต่าง ๆ ยังสามารถได้ประโยชน์จากความเข้าใจตลาดท้องถิ่นและกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ของเรา จากเวลาในการตอบกลับที่รวดเร็วขึ้น และจากประสบการณ์ที่กว้างขวางของเราในอุตสาหกรรมหลากหลายตั้งแต่ ค้าปลีก ไปจนถึง การเงิน หรือ โลจิสติกส์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมด้านความบันเทิง”

คลาวด์เวนเดอร์ในเอเชียให้บริการที่เกินความคาดหวังของผู้ใช้

การสำรวจแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ (38%) ใช้ผู้ให้บริการที่อยู่ในภูมิภาค/เอเชีย ผลสำรวจนี้แสดงพัฒนาการของธุรกิจส่วนใหญ่ (91%) รายงานประสบการณ์การใช้บริการคลาวด์ของพวกเขาเป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกินความคาดหวัง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีบริการคลาวด์คุณภาพสูงอยู่ในเอเชีย

สำหรับประเทศไทย ผลสำรวจแสดงให้เห็นชัดว่าธุรกิจจำนวนมาก (64%) เลือกใช้ผู้ให้บริการที่อยู่ในภูมิภาค/เอเชีย ในขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจในเกาหลีใต้ใช้ผู้ให้บริการในท้องถิ่นมากที่สุด (56%) ในมุมของภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจในภาคการผลิต (42%) มีแนวโน้มใช้ผู้ให้บริการในภูมิภาค/เอเชีย ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในภาคธุรกิจค้าปลีก (45%) และภาครัฐ (45%) ให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการในท้องถิ่นมากกว่า

เกี่ยวกับการสำรวจ

การสำรวจนี้ดำเนินการเมื่อปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม 2565 รวบรวมคำตอบผ่านแบบสอบถามออนไลน์จากผู้มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์คลาวด์ 1,000 คน ในองค์กรขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันใช้บริการคลาวด์ ทำการสำรวจในตลาดแปดแห่งในเอเชีย ประกอบด้วย ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผู้ตอบแบบสำรวจเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น บริการทางการเงิน เกม อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ภาคการผลิต สื่อและโทรคมนาคม ภาครัฐและค้าปลีก

How digital technologies help food & beverage companies combat inflation

Supply Chain’s Wild Ride Continues

How digital technologies help food & beverage companies combat inflation

By Terry Smagh, Senior Vice President and General Manager for Asia Pacific and Japan, Infor

Recent inflation spikes are causing food and beverage manufacturers worldwide to face potential threats to profitability and risks to customer relationships. To prevent negative pricing-related fall out, food and beverage companies should take a broad view of their costs, product portfolio, and margin strategies. This will help put today’s economic volatility in perspective, avoid panicked responses, and reinforce the continued need for making the business and supply chain more resilient and agile. Managed carefully, the current inflation challenges can become need-driven opportunities that embrace innovation and automation.

Four common inflation-related pain points and suggested coping mechanisms:

  1. Ingredient shortages and disruption

In addition to extreme weather conditions and seasonal variability, conflict, supply chain disruptions, and political pressure contribute to inflation and soaring prices for agricultural raw materials. The most recent example causing severe ingredient shortages is the Russian invasion of Ukraine that has created uncertainty for exporting grain, wheat, and vegetable oil, affecting food production globally.

Improve visibility—With real-time visibility across the food supply chain—from the farmers and suppliers upstream in the supply chain, via processing, to the distributors and retailers downstream in the supply chain—food and beverage manufacturers can receive notice of shipment delays, allowing the procurement team to form and execute alternative plans.

Review the product mix—Diversifying their raw material and supplier options is another way food and beverage producers can mitigate the risks of ingredient shortages. Alternatively, scaling back on some products if the price increase can’t be justified (or absorbed) may be an unavoidable option.

Improve supply chain planning—Modern supply chain planning solutions can help food and beverage companies achieve greater planning and forecasting accuracy. These solutions should have embedded machine learning (ML) to make the forecast more accurate and responsive to demand contributors such as the weather and price changes.

Think long term—Accurate forecasting and planning scenarios will help food and beverage manufacturers understand their long-term needs so they can confidently negotiate contracts with suppliers to guarantee availability. In some cases, prices can be locked in, protecting the food company from future price spikes.

  1. Spiking fuel prices, energy costs, and transportation costs

The shut-down of container ports during the pandemic is still being felt in the global food supply chain. The rise in energy cost and fuel prices are again adding significantly to the cost of food products. All regions are impacted, even those with pipelines, fuel reserves, and relaxed sustainability mandates.

Plan shipping strategies—Transportation costs are impacted by inflation, including container carriers, cargo planes and long-haul tractor trailers. Ensuring efficiency in shipping perishable products or raw ingredients may require choosing new suppliers that are closer to the manufacturer. Software that provides end-to-end visibility and cost analysis is critical to proactive procurement strategies.

Consider local sourcing—Consumers prefer local and organic products where possible. As a trade-off, they will face limited choices and reliance on locally sourced produce. Strategies for bringing production back from countries with low labor costs may require a fresh examination due to disruptions in shipping costs. When the savings achieved from low wages are eroded by high shipping costs, returning the production facilities to the home country is a logical step if there is an available workforce.

Outsource logistics—Turning to third-party logistics companies (3PLs) can play a role in last-mile fulfillment. Working with 3PLs, like any strategic collaborative partner, is best managed via highly flexible cloud solutions that support data sharing while protecting security and data governance.

  1. Customer experience and alignment

Inflation is severely impacting consumer spending worldwide. Some expect a recession is on the horizon—a prospect that’s further discouraging investment. Whether a food and beverage manufacturer should absorb price fluctuations or pass higher costs on to its customers is a classic dilemma. But shrinking packaging sizes and product value as a way of keeping prices stable can backfire as savvy consumers are becoming more aware of changes. Today, news like these spreads fast on social media.

Maintain quality—Manufacturers may be tempted to replace suppliers or ingredients to save costs, but that doesn’t come without the risk of non-conformance with the product declaration. Product lifecycle management solutions can simulate the impact of a new supplier or ingredient on the product specification, avoiding quality loss and non-compliance.

Manage the product lifecycle—While quality and compliance can’t be sacrificed, food and beverage manufacturers should offer more economical options in their product portfolio. This may include scaling back products or evaluating the use of ingredients that are becoming difficult to obtain. Product lifecycle management solutions can help manufacturers reduce the time needed to develop and manage new products, as well as achieve regulatory and labeling compliance.

Manage warehouse inventory—Being strategic about warehouse inventory will enable manufacturers to better manage cash flow and minimize the amount of capital tied up in inventory. As supply chain disruption has changed the way manufacturers think about just-in-time delivery, expanding stock levels must be carefully considered to avoid the risk of waste due to expired ingredients or obsolete packing materials. Inventory planning software can help manufacturers understand the nuances of different strategies to pick the right course of action.

Automate processes—If you can’t adjust a recipe and the customer base is opposed to price increases, improving productivity and efficiency through automation may be the best option to counter the impact of inflation. Automation can range from eliminating redundant data entry and streamlining workflows to adding image recognition with machine learning (ML) to automate labor-intensive tasks that previously required human eyes and decisions.

  1. Product innovation

Manufacturers can turn to innovation to help alleviate the pressures caused by inflation and the increased costs of ingredients. But to truly seize opportunities for product innovation, manufacturers must work to eliminate IT silos between departments. This helps ensure that everyone has access to the same data, business systems, and processes which enables companies to quickly introduce new products that will appeal to consumers.

Introduce new recipes—The ability to re-calculate recipes and product specifications when inflation is causing food companies to switch suppliers or change ingredients is crucial and something that is too complex and time-consuming to be left to spreadsheets. A modern product lifecycle management solution can manage the process efficiently, optimizing specifications, costs, and sustainability.

Stand up new options—Another way manufacturers might confront inflation is by standing up new branches, new sales initiatives, or new go-to-market models. Cloud solutions offer rapid deployment, making agile response possible. Two-tier systems, also supported by highly flexible ERP solutions, may provide a quick way to branch from an existing enterprise and its ERP system, yet take advantage of new, modern functionality.

Overcome volatility

Inflation has hit food and beverage manufacturers hard in all parts of the world. Economic experts predict that volatility and high costs may be challenges that won’t be resolved quickly. Manufacturers can counteract increased costs by examining their supply chain processes, services, and product portfolios. Modern cloud-based ERP solutions can help companies make data-based decisions and find innovative solutions to inflation-induced issues. Being proactive and strategic can differentiate manufacturers and set them apart from the competition.

วิธีต่อกรกับภาวะเงินเฟ้อด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีของบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

Supply Chain’s Wild Ride Continues

วิธีต่อกรกับภาวะเงินเฟ้อด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี ของบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

บทความโดย เทอร์รี สมา, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น, บริษัทอินฟอร์

เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่งให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียรายได้และเสี่ยงที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า  ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านราคาที่อาจทำให้ยอดขายลดลง บริษัทอาหารและเครื่องดื่มจึงควรตรวจสอบค่าใช้จ่าย พอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ด้านกำไรแบบองค์รวม ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นบริบทของความผันผวนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก และเน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่ธุรกิจและซัพพลายเชนจะต้องมีการปรับตัวและความยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งหากธุรกิจจัดการได้อย่างเหมาะสม ความท้าทายด้านเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบันสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสที่ขับเคลื่อนให้เกิดความต้องการด้านนวัตกรรมและระบบอัตโนมัติได้อย่างแท้จริง 

ปัญหา 4 ประการที่เกิดจากเงินเฟ้อ พร้อมวิธีรับมือ :

  1. ความขาดแคลนและการเปลี่ยนแปลงส่วนผสม

นอกจากสภาพอากาศที่รุนแรงและความแปรปรวนตามฤดูกาลแล้ว ความขัดแย้ง การหยุดชะงักของซัพพลายเชน และแรงกดดันทางการเมือง ยังมีส่วนทำให้เกิดเงินเฟ้อและราคาวัตถุดิบทางการเกษตรพุ่งทะยานสูงขึ้น  ดังที่เห็นได้จากตัวอย่างล่าสุดคือ สงครามยูเครน-รัสเซียที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในการส่งออกธัญพืช ข้าวสาลี และน้ำมันพืช ทำให้เกิดการขาดแคลนส่วนผสมอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารทั่วโลก

เพิ่มการมองเห็นทั้งระบบ – ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสามารถรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความล่าช้าในการจัดส่งด้วยการมองเห็นทั้งระบบแบบเรียลไทม์ตลอดระบบซัพพลายเชน ตั้งแต่เกษตรกรและซัพพลายเออร์ต้นน้ำ ผ่านการแปรรูปไปจนถึงผู้จัดจำหน่ายและผู้ค้าปลีกปลายน้ำในระบบ ซึ่งจะช่วยให้ทีมจัดซื้อสามารถจัดรูปแบบและดำเนินการตามแผนทางเลือกได้

ตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ – ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสามารถลดความเสี่ยงในการขาดแคลนส่วนผสมได้อีกทางหนึ่ง ด้วยการกระจายทางเลือกด้านวัตถุดิบและซัพพลายเออร์ให้หลากหลายขึ้น  หรือหากส่วนผสมขึ้นราคาจนไม่อาจอธิบายได้ (หรือไม่สามารถแบกรับภาระด้านนี้ไว้ได้อีกต่อไป) การลดการผลิตสินค้าบางชนิดอาจเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ปรับปรุงการวางแผนซัพพลายเชน – โซลูชันสำหรับการวางแผนซัพพลายเชนที่ทันสมัยสามารถช่วยให้บริษัทอาหารและเครื่องดื่มวางแผนและคาดการณ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยควรเป็นแบบที่มีแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ติดตั้งไว้ในตัวเบ็ดเสร็จเพื่อให้คาดการณ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น และตอบสนองตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและราคา เป็นต้น

มองการณ์ไกล – การคาดการณ์และการวางแผนที่แม่นยำจะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเข้าใจ
ความต้องการระยะยาวของตน ทำให้สามารถเจรจาสัญญากับซัพพลายเออร์ได้อย่างมั่นใจเพื่อการันตีว่าจะมีสินค้าเมื่อต้องการ  ในบางกรณีผู้ผลิตอาจล็อกราคาไว้ได้ด้วย ทำให้บริษัทไม่ต้องปรับขึ้นราคาในอนาคต

  1. ต้นทุนของราคาเชื้อเพลิง พลังงาน และค่าขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น

การปิดท่าเรือคอนเทนเนอร์ระหว่างการแพร่ระบาดยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องในระบบซัพพลายเชนทั่วโลก  มิหนำซ้ำต้นทุนพลังงานและราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นก็ยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนผลิตภัณฑ์อาหารแพงขึ้นอย่างมาก  ทุกภูมิภาคแม้แต่ประเทศที่กฎระเบียบด้านความยั่งยืนมีการผ่อนปรนเพราะมีท่อส่งน้ำมันและเชื้อเพลิงต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

วางแผนกลยุทธ์การขนส่ง – เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง เช่น เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ เครื่องบินขนส่งสินค้า และรถพ่วงหัวลากส่งสินค้าระยะไกล เป็นต้น การรับประกันประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าหรือวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เน่าเสียง่ายอาจต้องเลือกซัพพลายเออร์ใหม่ ๆ ที่อยู่ใกล้ผู้ผลิตมากขึ้น  ดังนั้น ซอฟต์แวร์ที่ทกให้มองเห็นภาพรวมและการวิเคราะห์ต้นทุนที่ครอบคลุมทั้งระบบ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์การจัดซื้อเชิงรุก

พิจารณาการจัดหาในท้องถิ่น – หากเลือกได้ ผู้บริโภคจะชอบผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นและเป็นออร์แกนิกมากกว่า แต่ก็ต้องเผชิญกับทางเลือกที่จำกัดและการพึ่งพาผลิตผลที่มาจากท้องถิ่น  การเปลี่ยนแปลงของค่าขนส่งที่ทำให้เกิดการหยุดชะงัก ทำให้อาจต้องพิจารณากลยุทธ์ในการนำการผลิตกลับจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำอย่างละเอียดอีกคร้้ง  ซึ่งเมื่อหักลบค่าขนส่งที่สูงกับเงินที่ประหยัดได้จากค่าแรงที่ต่ำแล้ว การย้ายโรงงานผลิตกลับบ้านเกิดจึงเป็นขั้นตอนที่สมเหตุผลหากมีแรงงานพร้อม

เอาต์ซอร์สโลจิสติกส์ – การใช้บริษัทโลจิสติกส์ภายนอก (third-party logistics: 3PL) สามารถเข้ามามีบทบาทในการจัดส่งถึงปลายทางได้  การทำงานกับ 3PL นั้นเหมือนกับการทำงานร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อื่น ๆ ที่สามารถจัดการได้ดีที่สุดผ่านโซลูชันระบบคลาวด์ที่ยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับการแชร์ดาต้าโดยที่ยังคงปกป้องความปลอดภัยและการกำกับดูแลข้อมูลไว้ได้

  1. ประสบการณ์ของลูกค้าและการเตรียมการณ์

เงินเฟ้อส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลก บางคนคาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นภาพที่บั่นทอนการลงทุนหนักขึ้นไปอีก  ไม่ว่าผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจะควรแบกรับความผันผวนของราคาหรือส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นให้แก่ลูกค้าก็ตาม ล้วนเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ต้องพบพานมาโดยตลอด  ทว่า การลดขนาดบรรจุภัณฑ์และคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาราคาให้คงที่นั้นสามารถส่งผลเสียย้อนกลับได้ เนื่องจากผู้บริโภคที่รอบรู้เริ่มให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น และอาจแชร์ข่าวประเภทนี้ให้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดียได้

รักษาคุณภาพ – ผู้ผลิตอาจถูกจูงใจให้เปลี่ยนซัพพลายเออร์หรือส่วนผสมเพื่อประหยัดต้นทุน แต่การทำเช่นนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะไม่เป็นไปตามประกาศผลิตภัณฑ์  โซลูชันการจัดการไลฟ์ไซเคิลผลิตภัณฑ์สามารถจำลองผลการเปลี่ยนซัพพลายเออร์หรือส่วนผสมใหม่ที่กระทบต่อคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียคุณภาพและการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด

จัดการไลฟ์ไซเคิลของผลิตภัณฑ์ – แม้ว่าคุณภาพและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นเรื่องที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ แต่ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มก็ควรมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ประหยัดกว่า ซึ่งอาจรวมถึงการปรับลดสายการผลิตสินค้า หรือการทบทวนการใช้ส่วนผสมที่นับวันจะยิ่งหายากขึ้นทุกที  ดังนั้น โซลูชันจัดการไลฟ์ไซเคิลผลิตภัณฑ์สามารถช่วยผู้ผลิตลดเวลาที่ต้องใช้ในการพัฒนาและจัดการผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมบรรลุผลในการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับและการติดฉลาก

จัดการสต็อกในคลังสินค้า – การจัดการสต็อกคลังสินค้าอย่างมีกลยุทธ์จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถจัดการกระแสเงินสดและลดทุนที่จมอยู่ในสต็อกได้ดีขึ้น  เนื่องจากการดิสรัปของซัพพลายเชนได้เปลี่ยนวิธีคิดของผู้ผลิตเกี่ยวกับการจัดส่งแบบทันเวลา ดังนั้น จึงต้องพิจารณาการเพิ่มปริมาณสต็อกอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียจากส่วนผสมที่หมดอายุหรือวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ล้าสมัย  ซอฟต์แวร์วางแผนสินค้าคงคลังสามารถช่วยให้ผู้ผลิตเข้าใจถึงความแตกต่างของกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อเลือกแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสม

ทำให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติ – หากปรับสูตรอาหารไม่ได้แถมลูกค้าก็ไม่ยอมให้ขึ้นราคา การปรับเพิ่มการผลิตและประสิทธิภาพผ่านระบบอัตโนมัติอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการรับมือกับผลกระทบของเงินเฟ้อ  ระบบอัตโนมัติสามารถใช้ได้ตั้งแต่ใช้ขจัดการป้อนข้อมูลซ้ำซ้อนและปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ ไปจนถึงเพิ่มการจดจำภาพด้วยแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เพื่อทำให้งานที่ใช้แรงงานมากซึ่งเมื่อก่อนต้องใช้สายตาและการตัดสินใจของมนุษย์ เป็นอัตโนมัติ 

  1. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์

ผู้ผลิตสามารถใช้นวัตกรรมเพื่อช่วยบรรเทาแรงกดดันที่เกิดจากเงินเฟ้อและต้นทุนส่วนผสมที่เพิ่มขึ้น  แต่จะต้องขจัดไซโลด้านไอทีระหว่างแผนกต่าง ๆ ออกให้หมดเพื่อคว้าโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูล ระบบธุรกิจและกระบวนการเดียวกันได้ ทำให้บริษัทสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะดึงดูดใจผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

แนะนำสูตรอาหารใหม่ – เมื่อเงินเฟ้อบีบให้บริษัทอาหารต้องเปลี่ยนซัพพลายเออร์หรือเปลี่ยนส่วนผสม ความสามารถในการคำนวณสูตรอาหารและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ใหม่จึงมีความสำคัญ และกระบวนการนี้ก็เป็นอะไรที่ซับซ้อนและใช้เวลานานเกินกว่าจะใช้วิธีแบบแมนนวล  โซลูชันจัดการไลฟ์  ไซเคิลผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยสามารถจัดการกระบวนการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับข้อกำหนด ต้นทุน และความยั่งยืนให้เหมาะสม

ยืนหยัดทางเลือกใหม่ – อีกวิธีที่ผู้ผลิตอาจใช้รับมือกับเงินเฟ้อได้ คือ การสร้างสาขาใหม่ แนวคิดการขายใหม่ ๆ หรือออกโมเดลใหม่สู่ตลาด โซลูชันระบบคลาวด์ให้การปรับใช้ที่รวดเร็ว ช่วยให้ตอบสนองได้อย่างคล่องตัว  โซลูชัน two-tier ERP แบบสองระดับที่แยกจากกันและมีการปรับแต่งระบบที่แตกต่างกันให้ความยืดหยุ่นสูง อาจเป็นวิธีที่รวดเร็วในการแยกสาขาออกจากธุรกิจและระบบ ERP ที่ใช้อยู่ปัจจุบันโดยยังคงสามารถใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันการทำงานใหม่ ๆ ที่ทันสมัยได้

เอาชนะความผันผวน

เงินเฟ้อได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าความผันผวนและต้นทุนที่สูงอาจเป็นประเด็นระยะยาว  ทั้งนี้ ผู้ผลิตสามารถรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้โดยการตรวจสอบกระบวนการซัพพลายเชน บริการ และพอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของตน โซลูชัน ERP บนระบบคลาวด์ที่ทันสมัยสามารถช่วยธุรกิจในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลและค้นหาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมสำหรับปัญหาที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อ  การทำงานเชิงรุกและเชิงกลยุทธ์สามารถสร้างความแตกต่างให้กับผู้ผลิตและทำให้พวกเขาแตกต่างจากคู่แข่งได้