อาลีบาบา คลาวด์ ปรับโฉมระบบนิเวศพันธมิตรทั่วโลก ใช้ AI กระตุ้นการเติบโต

อาลีบาบา คลาวด์ ปรับโฉมระบบนิเวศพันธมิตรทั่วโลก ใช้ AI กระตุ้นการเติบโต

อาลีบาบา คลาวด์ ปรับโฉมระบบนิเวศพันธมิตรทั่วโลก ใช้ AI กระตุ้นการเติบโต

การโฟกัส AI นี้มาพร้อมโปรแกรมจูงใจที่ปรับปรุงใหม่ – โปรแกรมเร่งการเติบโตให้กับพันธมิตรด้วย AI และ การยกระดับกลยุทธ์ด้านพันธมิตรผู้ให้บริการ เพื่อสนับสนุนพันธมิตรและลูกค้าทั่วโลก

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัว “Alibaba Cloud Partner Rainforest Plan” แผนงานด้านระบบนิเวศพันธมิตรที่เน้น AI ณ งาน Alibaba Cloud Partner Summit 2024 แผนงานนี้ประกอบด้วยโปรแกรมใหม่จำนวนมาก รวมถึงโปรแกรมเร่งการเติบโตให้กับพันธมิตรด้วย AI  ซึ่งเป็นโปรแกรมเพิ่มแรงจูงใจ และยกระดับกลยุทธ์ระดับโลกสำหรับพันธมิตรผู้ให้บริการ (service partners) โดยมุ่งส่งเสริมการเติบโตของพันธมิตรทั่วโลก และช่วยให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่หลากหลายพัฒนาและใช้ AI รวมถึงโซลูชันด้านคลาวด์คอมพิวติ้งที่ล้ำสมัยได้เร็วขึ้น

คุณเซลิน่า หยวน ประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “”อาลีบาบา คลาวด์ เชื่อว่า การร่วมมือกัน เป็นกุญแจสำคัญที่จะใช้ปลดล็อกการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโต พันธมิตรทั่วโลกของเราไม่เพียงเป็นผู้ร่วมงานกับเราเท่านั้น แต่ยังเป็นสถาปนิกออกแบบแลนด์สเคปทางดิจิทัลรูปแบบใหม่ในยุค AI ณ ขณะนี้ เรามุ่งมั่นสนับสนุนพันธมิตรทั่วโลกให้เก็บเกี่ยวประโยชน์จากยุค AI และให้สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก ผ่านระบบนิเวศด้านพันธมิตรที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว”

โปรแกรมใหม่: ระบบนิเวศพันธมิตรที่เน้น AI

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว AI Alliance Accelerator Program เพื่อสร้างระบบนิเวศพันธมิตร AI ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางเทคโนโลยี AI จำนวน 50 ราย และพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่าย (channel partners) 50 ราย ในปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเทคโนโลยี AI จากลูกค้าทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น

โปรแกรมนี้ให้การสนับสนุนทางเทคนิคขั้นสูงเน้นด้าน AI ให้กับพันธมิตรทางเทคโนโลยี AI ที่ได้รับการคัดเลือก มอบช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น และมอบทรัพยากรที่ใช้ในการส่งสินค้าและบริการสู่ตลาดร่วมกัน รวมถึงบริการให้คำปรึกษาต่าง ๆ ด้าน AI ในขณะเดียวกัน พันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่ายที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับประโยชน์จากสิ่งจูงใจเป็นตัวเงินที่เพิ่มขึ้น และ เงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI ของพันธมิตรนั้น ๆ โปรแกรมนี้ใช้ความสามารถด้าน AI และระบบนิเวศทางเทคโนโลยีระดับโลกของอาลีบาบา คลาวด์ มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับพันธมิตร และช่วยให้พันธมิตรที่มีอยู่อย่างหลากหลายสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมให้พันธมิตรทั่วโลกได้มีโอกาสใช้ประโยชน์ต่าง ๆ จาก AI สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างมากขึ้น ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของพันธมิตรด้านช่องทางการขายของอาลีบาบา คลาวด์

นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้เปิดตัวโปรแกรม Revitalized Service Partner  ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพันธมิตรผู้ให้บริการ (service partners) ทั่วโลก โปรแกรมนี้เน้นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมให้กับพันธมิตรผู้ให้บริการรายใหม่ ด้วยการยกระดับทักษะพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่าย และพันธมิตรทางเทคโนโลยี ผ่านการอบรมและเสริมศักยภาพที่ตรงเป้าหมาย มอบความสามารถต่าง ๆ ที่จำเป็นในการให้คำปรึกษา การใช้งานและการจัดการบริการต่าง ๆ ให้กับพันธมิตรเหล่านั้น เพื่อให้สามารถกระจายแหล่งรายได้ และมอบบริการที่ครอบคลุมให้ลูกค้า ทั้งยังเพิ่มศักยภาพให้กับพันธมิตรผู้ให้บริการ ด้วยการขยายข้อเสนอให้ครอบคลุมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ทั้งนี้บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการ เพื่อร่วมกันพัฒนา Managed Large Language Model Service และบริการด้าน AI อื่น ๆ ผ่านการใช้ประโยชน์จากความสามารถต่าง ๆ ของ Generative AI ของอาลีบาบา คลาวด์ เพื่อเสริมแกร่งระบบนิเวศพันธมิตรด้าน AI และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของลูกค้าทั่วโลก

ในขณะเดียวกัน อาลีบาบา คลาวด์ยังให้คำมั่นที่จะขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่กับ 18 พันธมิตรผู้ให้บริการ เช่น Whale Cloud, Bespin Global, Cognizant Worldwide, Deloitte, Accenture และ FPT จากจำนวนพันธมิตรผู้ให้บริการมาตรฐานระดับโลกที่มีอยู่จำนวน 50 ราย ผ่านการแบ่งปันทรัพยากรและการเสริมความสามารถ เพื่อสร้างระบบบริการที่ครอบคลุมและสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าทั่วโลกได้

บริษัทยังได้เปิดตัว Synergistic Incentive Program ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทางเทคโนโลยีและพันธมิตรด้านช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัททั่วโลก ด้วยการส่งเสริมระบบนิเวศให้มีความตื่นตัว และเปี่ยมพลัง โปรแกรมนี้ให้คำแนะนำเส้นทางเข้าสู่ตลาดที่กว้างขวางขึ้น เป็นการเพิ่มรายได้ให้พันธมิตรทางเทคโนโลยี ด้วยการใช้เครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของอาลีบาบา คลาวด์ ส่วนพันธมิตรด้านช่องทางการจัดจำหน่ายก็จะสามารถเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ได้กว้างมากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสการขายและเพิ่มอัตรากำไร โปรแกรมนี้ขับเคลื่อนการเติบโตร่วมกัน และย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอาลีบาบา คลาวด์ ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับพันธมิตร และรักษาระบบนิเวศทั่วโลกให้แข็งแกร่ง

ร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคและระดับโลกมากขึ้น

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้ประกาศความร่วมมือเพิ่มเติมกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีและพันธมิตรด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค มอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง และ AI ที่ทันสมัย เพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศที่เติบโต ก้าวหน้า และยั่งยืน เป็นการสนับสนุนลูกค้าทั่วโลกให้เก็บเกี่ยวประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในยุค AI

ประเทศอินโดนีเซีย: อาลีบาบา คลาวด์ บรรลุความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Telkom Indonesia เพื่อมอบโซลูชันคลาวด์ที่รองรับ AI ทรงประสิทธิภาพและเป็นนวัตกรรมให้กับชาวอินโดนีเซีย ความร่วมมือนี้ยังมุ่งพัฒนาผู้มีความสามารถทางดิจิทัล ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นในประเทศ เพื่อให้บรรลุผลตามวิสัยทัศน์ Indonesia Emas 2045

ประเทศญี่ปุ่น: อาลีบาบา คลาวด์ ร่วมมือกับ Securai บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่ให้บริการคลาวด์และโซลูชันรักษาความปลอดภัยข้อมูล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจญี่ปุ่นที่มีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลสูงมาก ทั้งนี้ Securai จะปรับบริการ Zstack ของอาลีบาบา คลาวด์ ให้เหมาะกับตลาดญี่ปุ่น และให้การสนับสนุนการปฏิบัติงาน เพื่อความต่อเนื่องและความเสถียรของบริการ ทั้งนี้ Zstack ของอาลีบาบา คลาวด์ เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับองค์กร ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ ใช้ระบบปฏิบัติการ Apsara distributed operating system เพื่อให้ลูกค้ามีความเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มมากขึ้น สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย และมีการดำเนินงานและการบำรุงรักษา (O&M) โดยอัตโนมัติ

สำหรับประเทศไทย: อาลีบาบา คลาวด์ ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ Yell Group บริษัทด้านครีเอทีฟดิจิทัลชั้นนำที่มีฐานการดำเนินการในประเทศไทย ความร่วมมือนี้มุ่งตอบสนองความต้องการ Generative AI ที่เพิ่มสูงขึ้น และเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์ (creative media industry) ด้วยโซลูชันคลาวด์ที่สามารถปรับขนาดและเชื่อถือได้ บริษัทฯ พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อสนับสนุนนักสร้างสรรค์ในการทำงานด้านวิชวล (visual) โดยใช้ประโยชน์จาก Generative AI ที่ล้ำสมัย ทั้งนี้ Yell Group จะนำความสามารถด้านคลาวด์คอมพิวติ้งที่ทรงพลังของอาลีบาบา คลาวด์ ไปใช้เพิ่มความสามารถในการปรับขยายขนาดการทำงานในส่วนงานครีเอทีฟ เพื่อส่งเสริมการใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้กว้างขวางทุกอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว จะมีการนำโซลูชันด้านมีเดียของอาลีบาบา คลาวด์ เช่น Elastic Desktop Service (EDS) และ Object Storage Service (OSS) ไปใช้ส่งเสริมนวัตกรรมและการเติบโตในอุตสาหกรรมที่มีพลวัตสูงนี้

ปัจจุบัน อาลีบาบา คลาวด์ ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 12,000 ราย รวมถึง Salesforce, Fortinet, IBM และ Neo4j

Swedish Ambassador’s Visit to Ericsson 5G Studio further strengthens collaboration between Sweden and Thailand

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

Swedish Ambassador’s Visit to Ericsson 5G Studio further strengthens collaboration between Sweden and Thailand

Swedish Ambassador to Thailand, H.E. Mrs. Anna Hammargren, recently visited Ericsson (NASDAQ: ERIC) Thailand’s 5G Innovation and Experience Studio (5GIX Studio) in Thailand Digital Valley, Chonburi.  Her visit marked a significant milestone in fostering collaboration and strengthening relations between Sweden and Thailand, while emphasizing Ericsson’s role in driving Thailand’s digital transformation.

The visit comes as part of the Swedish Embassy’s mission to deepen and broaden the ties between the two nations. Sweden and Thailand have enjoyed 156 years of formal bilateral relations, built on mutual respect and shared aspirations for innovation and development.

“It is a great honor for my team and I to visit Ericsson’s 5G Innovation and Experience Studio today,” said H.E. Mrs. Anna Hammargren, Swedish Ambassador to Thailand. “Sweden and Thailand established formal bilateral relations in 1868 and we are jointly committed to driving sustainable growth in both nations. Sweden is home to many leading technology companies, like Ericsson, whose innovations can greatly benefit Thai consumers and businesses.”

Ericsson’s 5GIX Studio, inaugurated in September this year, serves as a hub for innovation and co-creation, enabling collaboration among key stakeholders in the technology ecosystem, including government bodies, telecom operators, academia, and enterprises. The studio highlights Ericsson’s commitment to supporting Thailand’s journey towards becoming a regional digital hub.

During the visit, Anders Rian, Head of Ericsson Thailand, emphasized the company’s long-standing relationship with the country and its role in shaping Thailand’s digital future. “We are honored to welcome the Swedish delegation to the Ericsson studio which serves as a platform for driving innovation and collaboration within the tech eco system in Thailand. 5G will drive more immersive experiences for Thai consumers and drive the digital transformation of enterprises in the country. Ericsson has been a trusted partner in Thailand for the past 118 years, contributing to every generation of mobility here.”

The visit underscored Sweden’s recognition of Ericsson’s contributions to Thailand’s telecommunications sector and its potential to bridge innovation and economic growth through advanced technologies like 5G, artificial intelligence, and automation.

The 5GIX Studio in Thailand Digital Valley showcases the possibilities of 5G in industries such as healthcare, manufacturing, agriculture, and smart cities. It exemplifies the transformative impact of 5G-enabled use cases on Thailand’s economy and society.

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน (H.E. Mrs. Anna Hammargren) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมชม 5G Innovation & Experience Studio (5GIX Studio) ของบริษัท อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Thailand Digital Valley จังหวัดชลบุรี โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสวีเดนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของอีริคสันในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย

การมาเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของสถานทูตสวีเดนเพื่อมุ่งเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยสวีเดนและไทยมีความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกันมาอย่างยาวนานถึง 156 ปี เกิดขึ้นจากพื้นฐานของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาและนวัตกรรม

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับดิฉันและคณะที่ได้มาเยี่ยมชม 5GIX Studio ของอีริคสันในวันนี้ โดยสวีเดนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างเป็นทางการร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 และทั้งสองประเทศต่างมีความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนมาโดยตลอด สวีเดนเป็นประเทศต้นกำเนิดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เช่นอีริคสัน ที่นวัตกรรมของบริษัทสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลให้กับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจของไทย”

5GIX Studio ของอีริคสัน เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายนปีนี้ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรม และยังเอื้อให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนสำคัญในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน โดยสตูดิโอแห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอีริคสันในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค

ระหว่างการเยี่ยมชม มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ยังได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของบริษัทฯ กับประเทศไทย รวมถึงบทบาทในการร่วมกำหนดอนาคตดิจิทัลของประเทศ

“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะผู้แทนจากสวีเดนที่เดินทางมายังสตูดิโอของอีริคสัน ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มคอยขับเคลื่อนนวัตกรรมและความร่วมมือภายในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีในไทย เทคโนโลยี 5G จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทยและร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคธุรกิจให้กับประเทศ อีริคสันเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจของประเทศไทยมานานถึง 118 ปี และที่ผ่านมาเรายังมีส่วนร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารทุกยุคทุกสมัย”

การเยือนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและยอมรับของสวีเดนต่อการมีส่วนร่วมของอีริคสันในภาคโทรคมนาคมของไทย รวมถึงศักยภาพในการเชื่อมโยงนวัตกรรมและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation)

5GIX Studio ในโครงการ Thailand Digital Valley แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้จากศักยภาพของเทคโนโลยี 5G กับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การผลิต การเกษตร และเมืองอัจฉริยะ เผยให้เห็นถึงผลกระทบเชิงการเปลี่ยนแปลงของการใช้งาน 5G ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย

5 แนวทางเสริมเกราะป้องกันภัย เลือกซื้อบ้านอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

5 แนวทางเสริมเกราะป้องกันภัย เลือกซื้อบ้านอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

5 แนวทางเสริมเกราะป้องกันภัย เลือกซื้อบ้านอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

ปัจจุบันการประกาศขาย/ให้เช่าที่อยู่อาศัยสะดวกสบายมากขึ้นเนื่องจากมีหลากหลายช่องทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ขณะที่ผู้บริโภคเองก็สามารถหาข้อมูลบ้าน/คอนโดฯ ที่ต้องการได้ง่ายขึ้นเช่นกันเพียงปลายนิ้วคลิก โดยสิ่งที่ทำให้การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยต่างจากการซื้อขายสินค้าทั่วไปคืออสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ผู้สนใจซื้อจะสามารถเห็นสินค้าจริงและตัดสินใจได้ดีที่สุดเมื่อไปเยี่ยมชมที่โครงการด้วยตนเองเท่านั้น ดังนั้นการตัดสินใจซื้อ/เช่าจากการอ่านประกาศขายเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ และกลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้หลอกลวงผู้อื่นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ได้เช่นกัน 

รายงานของ ACI Worldwide เรื่อง It’s Prime Time for Real-Time 2023 พบว่า ประเทศที่ใช้ระบบการเงินแบบโอนและรับเงินได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง (Real-time payment) ในอัตราที่สูง มีแนวโน้มจะมีภัยการเงินสูงตามไปด้วย ซึ่งไทยมีอัตราการหลอกลวงเป็นอันดับ 6 ของโลกอยู่ที่ 25.7% เลยทีเดียว และการหลอกให้ซื้อขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ คือ ประเภทคดีที่มีสถิติการแจ้งความออนไลน์สูงที่สุดในปี 2566 สะท้อนให้เห็นว่าภัยการหลอกลวงทางการเงินอยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดและมิจฉาชีพเหล่านี้ต่างพยายามสรรหากลลวงใหม่ ๆ ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่วงการซื้อ/ขายหรือให้เช่าอสังหาฯ ดังนั้นไม่ว่าผู้บริโภคจะทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ ก็ควรตระหนักและระมัดระวังเรื่องการโอนเงินและรับเงินไว้เสมอ

5 แนวทางเสริมเกราะป้องกันมิจฉาชีพ เช็กให้ชัวร์ไม่ตกเป็นเหยื่อเมื่อต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย

เมื่ออยู่ในขั้นตอนการค้นหาที่อยู่อาศัย บางครั้งผู้วางแผนซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยไม่ได้มีข้อมูลยืนยันตัวตนมากเพียงพอให้นำไปตรวจสอบได้ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือหรือหวาดระแวงว่าจะตกหลุมพรางของมิจฉาชีพ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ขอแนะนำ 5 แนวทางเสริมเกราะป้องกันมิจฉาชีพเมื่อเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย มีประเด็นใดบ้างที่ผู้วางแผนซื้อ/เช่าอสังหาฯ ควรตรวจสอบก่อนทำธุรกรรม เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจนสูญเสียทรัพย์สินและข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้ไม่ประสงค์ดี

  1. เช็กความน่าเชื่อถือของแหล่งประกาศขาย/ให้เช่า ปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางในการลงประกาศขาย/ให้เช่าที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้บริโภคที่ต้องการค้นหาที่อยู่อาศัยจึงต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งลงประกาศด้วยเช่นกัน หากเห็นป้ายโฆษณาตามที่สาธารณะควรถ่ายภาพเก็บไว้เพื่อนำมาค้นหาข้อมูลทางออนไลน์และเช็กรายละเอียดต่าง ๆ เช่น เปรียบเทียบราคาขาย/ให้เช่าในตลาด ตรวจสอบว่าทำเลที่ตั้งโครงการเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังหรือไม่ เช็กว่าโครงการนั้นเคยมีข้อพิพาทหรือมีคดีความที่ยังไม่สิ้นสุดกับชุมชนใกล้เคียงหรือหน่วยงานอื่น ๆ หรือไม่ รวมทั้งเช็กข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการในอดีตเพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือไปที่โครงการเพื่อดูประกาศขาย/ให้เช่าเพิ่มเติมจากผู้อยู่อาศัยในโครงการนั้น ๆ โดยตรง

นอกจากนี้ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์ยังเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยว่า 9 ใน 10 ของผู้บริโภคนิยมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากมีความสะดวกและสามารถเลือกช่องทางค้นหาที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ได้ ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรเลือกค้นหาในช่องทางออนไลน์ที่น่าเชื่อถืออย่างเช่นเว็บไซต์โครงการโดยตรง หรือเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ซึ่งจะรวบรวมทั้งโครงการเปิดใหม่จากผู้พัฒนาอสังหาฯ และโครงการรีเซลหรือโครงการมือสองไว้ในที่เดียวกันอย่าง www.DDproperty.com ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและช่วยประหยัดเวลาสำหรับการซื้อบ้านยุคดิจิทัลนี้ ลดเวลาที่ผู้บริโภคต้องค้นหาโครงการมากมายได้เป็นอย่างดี

  1. เช็กประวัติและผลงานก่อนเลือกใช้เอเจนต์อสังหาฯ หรือเลือกใช้เอเจนต์ที่ได้รับการยืนยันตัวตน (Agent Verification) การซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยต้องใช้เวลาในการดำเนินการต่าง ๆ พอสมควร ทำให้หลายคนเลือกใช้เอเจนต์อสังหาฯ มาเป็นผู้ช่วยเพื่อลดความยุ่งยากในการดำเนินการ ข้อมูลจากแบบสอบถามฯ DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า ปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคกว่า 2 ใน 3 (69%) ใช้ในการพิจารณาเลือกเอเจนต์อสังหาฯ มาจากความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นหลัก เนื่องจากช่วยสร้างความมั่นใจว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุดมากขึ้น รองลงมาคือความยาวนานของประสบการณ์ 61% และชื่อเสียงของเอเจนต์ 55% นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญของเอเจนต์อสังหาฯ ที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุด ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร 31% รองลงมาคือมีความรู้ด้านกฎหมาย 21% รวมทั้งมีทักษะทางการเงินและมีทักษะด้านการตลาด ในสัดส่วนเท่ากันที่ 16% ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้การเจรจาต่อรองและทำธุรกรรมเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ผู้บริโภคควรพิจารณาก่อนเลือกใช้เอเจนต์อสังหาฯ คือการนำข้อมูลเบื้องต้นของเอเจนต์มาตรวจสอบประวัติ ผลงานที่ผ่านมา รวมทั้งรีวิวจากลูกค้าท่านอื่นที่เคยใช้บริการ ก่อนจะติดต่อพูดคุยในเบื้องต้นเพื่อขอข้อมูลโครงการในทำเลที่เอเจนต์นั้น ๆ มีความเชี่ยวชาญหรือมีเครือข่ายเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกใช้อีกครั้ง โดยสามารถเลือกใช้ “เอเจนต์ที่ได้รับการยืนยันตัวตน (Agent Verification)” บนเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ที่รวบรวมเอเจนต์อสังหาฯ ที่ผ่านการลงทะเบียนเรียบร้อย ซึ่งจะแสดงข้อมูลการติดต่อที่ชัดเจนและความเชี่ยวชาญเบื้องต้นของแต่ละเอเจนต์เป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคได้พิจารณา โดยสามารถสังเกตได้จากป้ายสัญลักษณ์สีเขียว “ยืนยันตัวตน” หรือ “Verified” ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและคลายกังวลให้ผู้บริโภคที่มองหาเอเจนต์ 

  1. เช็กคุณภาพด้วยการเยี่ยมชมโครงการจริง การไปเยี่ยมชมโครงการจริงเพื่อสำรวจคุณภาพงานก่อสร้างและงานตกแต่งจะช่วยในการตัดสินใจได้ดีที่สุด โดยเมื่อผู้บริโภคได้สัมผัสบรรยากาศจริงของโครงการจะทำให้ประเมินความพึงพอใจควบคู่ไปกับราคาขาย/เช่าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้เห็นสภาพแวดล้อมจริงและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของโครงการว่าเหมาะสมกับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายมากน้อยเพียงใด รวมทั้งยังได้เห็นสภาพแวดล้อมของชุมชมข้างเคียงเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางเงินมัดจำ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้พบตัวจริงของผู้ขายหรือเอเจนต์เพื่อพูดคุยและเจรจาต่อรองเรื่องราคาอีกด้วย
  2. เช็กเอกสารสิทธิ์และผู้ถือกรรมสิทธิ์ตัวจริง เมื่อได้ที่อยู่อาศัยที่ถูกใจแล้ว ผู้จะซื้อควรตกลงราคาขายและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กับผู้จะขายหรือเอเจนต์ให้ชัดเจนก่อนตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งขั้นตอนนี้ถือเป็นโอกาสของผู้จะซื้อในการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์เบื้องต้นจากเอกสารแสดงข้อมูลส่วนตัวที่ผู้จะขายแนบมาพร้อมกับสัญญาจะซื้อจะขาย ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้จะขาย รวมทั้งเอกสารสิทธิ์ที่ดินหรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ต่าง ๆ ดังนี้
  • ตรวจสอบอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อขาย ผู้จะซื้อควรตรวจสอบว่าอสังหาฯ ที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายนั้นตรงกับที่ปรากฏในเอกสารสิทธิ์หรือไม่ โดยดูจากเลขที่ของเอกสารสิทธิ์ หากเป็นอสังหาริมทรัพย์แนวราบและที่ดินเปล่าให้ดูที่เลขที่โฉนด ซึ่งจะมีเลขที่ดินและที่ตั้งของที่ดินว่าอยู่บริเวณใด ในกรณีที่เป็นคอนโดมิเนียมให้เทียบกับหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช.2) แทน โดยดูรายละเอียดของห้องชุดและที่ตั้งของโครงการว่าตรงกับยูนิตที่สนใจจะซื้อหรือไม่
  • ตรวจสอบผู้ถือกรรมสิทธิ์ว่าผู้จะขายนั้นเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่จะขายจริง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อจะขายนั้น ๆ โดยตรวจสอบจากการเทียบความตรงกับชื่อผู้จะขาย เลขที่บัตรประชาชนให้ตรงกันทั้งที่ปรากฏบนสัญญาจะซื้อจะขาย บนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และบนเอกสารสิทธิ์ นอกจากนี้ บนโฉนดที่ดินจะมีชื่อและที่อยู่ของผู้ถือกรรมสิทธิ์คนแรกอยู่ กรณีที่ผู้จะขายไม่ใช่ผู้จะถือกรรมสิทธิ์คนแรกก็จะต้องมีชื่อของผู้จะขายอยู่ในโฉนดที่ดินตัวจริง ซึ่งจะแสดงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกรายในอดีต และระบุวันที่ออกโฉนดเอาไว้ด้วย หากเช็กแล้วเกิดข้อสงสัย ควรไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อขอสำเนาโฉนดที่ดินที่สำนักงานที่ดินเก็บไว้อีกฉบับมาเปรียบเทียบกันเพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
  • ตรวจสอบรายละเอียดของอสังหาฯ ผู้จะซื้อสามารถตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารสิทธิ์ที่ดินนั้นว่าตรงกับในประกาศขายหรือไม่ โดยเอกสารสิทธิ์ที่ดินจะแสดงข้อมูลขนาดและรายละเอียดต่าง ๆ ของที่ดิน รวมไปถึงแนวเขตของที่ดินซึ่งติดต่อกับที่ดินข้างเคียง และหมายเลขหลักเขตที่ดินอีกด้วย ส่วนห้องชุดควรตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ได้แก่ ขนาดพื้นที่ใช้สอย พื้นที่ในห้อง พื้นที่ระเบียง ผังของห้องชุด สัดส่วนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ห้องชุดต่อทรัพย์สินส่วนกลาง หากซื้อคอนโดฯ พร้อมพื้นที่จอดรถ ก็จะต้องแสดงพื้นที่จอดรถในเอกสารสิทธิ์ด้วย
  • ตรวจสอบภาระต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกหนึ่งประเด็นที่ควรตรวจสอบเพื่อป้องกันการถูกรอนสิทธิคือเรื่องภาระจำยอมที่ผูกพันอยู่กับที่ดิน เช่น เป็นทางสาธารณะที่ถูกใช้เป็นทางผ่านเป็นประจำ เป็นต้น ซึ่งมีระบุไว้ในเอกสารสิทธิ์ที่ดิน นอกจากนี้ควรตรวจสอบเรื่องทางเข้าออกว่าที่ดินนั้นติดถนนหรือทางสาธารณะจริงหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบประวัติว่าที่ดินติดจำนองอยู่หรือไม่ โดยเอกสารสิทธิ์จะแสดงประวัติการจดนิติกรรมที่ผ่านมาไว้ทั้งหมด ในกรณีที่เป็นการซื้อทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset หรือ NPA) ควรตรวจสอบว่าเจ้าของเดิมได้ย้ายออกไปเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง
  1. เช็กรายละเอียดสัญญาให้รอบคอบก่อนทำธุรกรรม ผู้บริโภคควรใส่ใจอ่านรายละเอียดที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายให้รอบคอบเนื่องจากจะมีผลผูกมัดและเกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกรรมซื้อขายในอนาคต โดยในสัญญาจะซื้อจะขายต้องระบุรายละเอียดการจัดทำสัญญา รายละเอียดของคู่สัญญา รายละเอียดอสังหาฯ ที่ทำการซื้อ ราคาขายที่ตกลงกันและการชำระเงิน รายละเอียดการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และการส่งมอบอสังหาฯ รวมไปถึงเงื่อนไขต่าง ๆ หากผิดสัญญาหรือเกิดการระงับสัญญา

โดยในวันที่ทำสัญญาจะต้องมีผู้จะซื้อและผู้จะขายลงนามในสัญญา พร้อมทั้งพยานอีกฝ่ายละ 1 คนร่วมลงชื่อรับทราบ โดยสัญญาจะซื้อจะขายจะทำขึ้น 2 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกันและมอบให้คู่สัญญาเก็บไว้ฝ่ายละ 1 ฉบับ ซึ่งหากมีการผิดสัญญาเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นผู้จะซื้อหรือจะขาย จะได้รับผลทางกฎหมายตามเงื่อนไขในสัญญาที่ระบุไว้

สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญคือการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารสัญญากรรมสิทธิ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนจะทำการวางมัดจำหรือชำระเงิน โดยควรตรวจสอบชื่อบัญชีที่จะโอนให้ตรงกับชื่อเจ้าของบ้าน/คอนโดฯ ตัวจริง โดยสอบถามจากนิติบุคคลหรือขอเช็กกับชื่อในเอกสารการไฟฟ้าหรือค่าส่วนกลางของนิติบุคคล หลีกเลี่ยงการจ่ายเป็นเงินสดเพื่อให้มีหลักฐานในการทำธุรกรรม และจ่ายตรงให้กับเจ้าของอสังหาฯ หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ตัวจริงเท่านั้น ไม่ผ่านคนกลางหรือเอเจนต์เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง 

“รอบคอบ – ไม่ประมาท” คาถาศักดิ์สิทธิ์ปิดช่องโหว่กันภัยหลอกลวงเมื่อเป็นผู้ขาย

อย่างไรก็ดี ในมุมของผู้ขาย/ให้เช่านั้นก็ไม่ควรละเลยการปิดช่องโหว่เพื่อป้องกันไม่ไห้ตกเป็นเป้าของมิจฉาชีพเช่นกัน โดยควรเลือกประกาศขาย/ให้เช่าอสังหาฯ ในเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมในหมู่คนหาบ้านเพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มากขึ้น และเพิ่มความรอบคอบในทุกขั้นตอน ดังนี้

  • อ่านนโยบายอย่างละเอียดก่อนลงประกาศ ก่อนตัดสินใจลงทะเบียนประกาศขาย/ให้เช่าในเว็บไซต์ใด ๆ ควรอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวให้เข้าใจชัดเจนก่อนว่าเว็บไซต์นั้นจะนำข้อมูลส่วนตัวที่กรอกไปใช้ทำอะไรบ้าง โดยเว็บไซต์นั้นไม่ควรนำข้อมูลของคุณไปให้แก่บุคคลอื่นใดโดยเด็ดขาด เพื่อปิดความเสี่ยงที่ข้อมูลนั้นจะถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม 
  • ลงประกาศโดยระบุข้อมูลพื้นฐานของอสังหาฯ นั้นเป็นหลัก เช่น ราคาขาย สถานที่ตั้งโครงการ สภาพแวดล้อม ส่วนกลาง เป็นต้น พร้อมทั้งบอกจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจ อาทิ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือออกแบบและตกแต่งใหม่ด้วยเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน (Built-in) ฯลฯ โดยลงรายละเอียดของผู้ประกาศและช่องทางติดต่อให้ชัดเจน และควรลงรูปภาพบ้าน/คอนโดฯ ที่ถ่ายเองโดยใส่ลายน้ำและข้อมูลการติดต่อไว้เพื่อป้องกันการโดนผู้อื่นนำไปแอบอ้าง หรือหากมีการนำภาพของโครงการมาใช้ประกอบก็ควรระบุรายละเอียดของแหล่งที่มาให้ครบถ้วนเช่นกัน
  • ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ผู้ประกาศไม่ควรเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวจนมากเกินไป เนื่องจากมิจฉาชีพอาจนำไปใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียปลอมเพื่อหลอกลวงคนอื่นต่อได้ รวมทั้งไม่ควรเผยแพร่ข้อมูลเอกสารสำคัญและเอกสารทางราชการโดยเด็ดขาด เช่น สัญญาและโฉนดที่ดิน 
  • ติดตามประกาศอัปเดตจากเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้งานหรือนโยบายของเว็บไซต์นั้น ๆ หากเจอลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์แปลก ๆ หรือลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ให้รายงานไปยังแพลตฟอร์มและบล็อกการติดต่อทันที 
  • หลีกเลี่ยงการฝากกุญแจไว้กับเอเจนต์ที่ไม่มีข้อมูลยืนยันตัวตนที่ชัดเจน ผู้ประกาศขาย/ให้เช่าไม่ควรฝากกุญแจหรือคีย์การ์ดบ้าน/คอนโดฯ ไว้กับเอเจนต์อสังหาฯ ที่ไม่มีข้อมูลยืนยันตัวตนที่ชัดเจนหรือไม่มีสังกัดรับรอง เนื่องจากมิจฉาชีพบางคนได้ใช้กลโกงแอบอ้างเป็นเอเจนต์อสังหาฯ มาเสนอตัวเพื่อติดต่อหาผู้ซื้อ/ผู้เช่าให้ เมื่อเก็บกุญแจหรือคีย์การ์ดไว้กับตัวเองก็แอบเข้าพักอาศัยในบ้าน/คอนโดฯ ที่ประกาศขาย/ให้เช่าโดยที่เจ้าของไม่ทราบ และบางครั้งก็ขโมยสิ่งของภายในที่พักนั้น ๆ ก่อนหลบหนีไป ดังนั้น ผู้ขาย/ให้เช่าจึงไม่ควรฝากกุญแจหรือคีย์การ์ดไว้ที่เอเจนต์นานจนเกินไป รวมทั้งควรเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยของอสังหาฯ ที่ประกาศขาย/ให้เช่าอย่างสม่ำเสมอ หรือหมั่นตรวจสอบบิลค่าน้ำและค่าไฟว่าสูงผิดปกติจากเดือนอื่นหรือไม่ หรือเปลี่ยนมาใช้กลอนประตูดิจิตอล (Digital Door Lock) และตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ทุกครั้งหลังจากเอเจนต์พาผู้สนใจมาขอดูห้อง

ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แหล่งรวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/ให้เช่าที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเลศักยภาพทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและดำเนินงานภายใต้กฎหมายความเป็นส่วนตัวในประเทศในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้งานทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าทุกเส้นทางการค้นหาที่อยู่อาศัยบนเว็บไซต์จะได้รับความคุ้มครองอยู่เสมอ 

สำหรับการลงประกาศขาย/ให้เช่ากับทางดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ผู้ที่สนใจจะต้องกรอกแบบฟอร์มผ่านแพลตฟอร์มของดีดีพร็อพเพอร์ตี้หรือติดต่อทางโทรศัพท์ผ่านเบอร์ 0 2-204-9555 เพื่อแจ้งความประสงค์ในการใช้งาน โดยเจ้าหน้าที่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้จะติดต่อกลับผ่านเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเท่านั้น หากจำเป็นต้องมีการส่งข้อความ SMS จะแสดงชื่อผู้ส่งในนาม DDproperty เสมอ ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ไม่มีนโยบายให้พนักงานติดต่อเพื่อเรียกเก็บเงินจากการใช้งานที่เกิดขึ้นผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากช่องทางที่กล่าวมาข้างต้น

และในกรณีที่เป็นผู้ที่สนใจจะซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยจะดำเนินการซื้อ-ขายโดยติดต่อกับเจ้าของประกาศอสังหาฯ โดยตรงเท่านั้น จะไม่มีเจ้าหน้าที่จากดีดีพร็อพเพอร์ตี้ดำเนินการในส่วนนี้แต่อย่างใด หากพบผู้แอบอ้างเรียกเก็บเงินเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าวหรือเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ตามที่มิจฉาชีพแจ้งโดยเด็ดขาด สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ support@ddproperty.com 

5 benefits to an IT automation mindset

5 benefits to an IT automation mindset

5 benefits to an IT automation mindset

Article by Supannee Amnajmongkol, Red Hat Thailand Country Manager

IT automation has become one of the dominant factors that fosters success in the tech industry, and can be a game-changer for anyone looking to streamline their IT operations. 

What is IT automation?

To put it simply, IT automation is all about using software to handle those repetitive administration tasks we usually do manually. Think of it like setting up a bunch of smart routines that take care of things for you, helping your IT environment run smoothly and scale quickly when needed.

What are the advantages of IT automation?

Incorporating automation into your IT process comes with a bunch of benefits. It’s not just about making things more efficient, it’s about enabling a more secure, innovative and flexible work environment. Here are 5 benefits why adopting an IT automation mindset can boost your IT operations in your organization:

  1. Streamlines IT operations to create space for innovation

Automation can take over many complicated IT tasks, reducing the need for constant intervention and clearing up those pesky bottlenecks. This means your systems can run more reliably and your processes will be more efficient. 

By reducing the number of repetitive tasks your IT team has to manage on a daily basis, automation gives them the time and freedom  to think more creatively and take on new, exciting projects. This helps create an environment that fosters continuous improvement and innovation.

  1. Improves accuracy and reduce errors

Automated processes are less likely to be subject to human error, and will therefore be completed to a much higher standard of accuracy than any human-dependent procedure. This means you can expect tasks to be done with fewer costly mistakes.

  1. Accelerates time-to-market

Automation can help increase team productivity and make development and deployment phases faster and more flexible. This helps you get your products and services to market quicker, giving you a competitive advantage.

With automation, you can gather and rapidly analyze large volumes of data, which comes in handy for making smart decisions and strategic planning.

  1. Strengthens security posture and compliance

Automation can help improve your IT security posture by simplifying the implementation of consistent security policies and compliance measures. For customers like Cepsa, automation allows them to save time and focus on the processes that help with compliance and cyber security. Automation helps make systems more resilient and compliant through precise permission management and enforcement of robust security protocols.

  1. Enhances disaster recovery and business continuity

Imagine your main computer crashes or loses all its data. Disaster recovery is about having a plan to quickly restore your IT systems and data after such a major event, while business continuity means that your essential operations are able to keep running smoothly, no matter what happens. Automated routines for backup and recovery make this process a lot simpler and more reliable.

For example, if you experience a catastrophic system failure, automated processes help restore critical data and system files quickly and reliably. This reduces potential downtime and helps your business maintain routine operations even in times of major disruption.

Automating IT tasks isn’t just about making work more efficient—it can also represent a fundamental shift in organizational strategy. Today’s companies – no matter what industry – need to be flexible and sustainable. Automation can help organizations become more innovative and efficient, while also boosting their overall security posture. It can help organizations become more responsive, too—proactively embracing IT automation is one way tech companies can increase their agility and remain ready for future challenges.

No matter the complexity of your environment or where you are on your IT modernization journey, an IT operations automation strategy can help you improve existing processes. With automation, you can save time, increase quality, improve employee satisfaction and reduce costs throughout your organization.