“พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม” ฟันเฟืองขับเคลื่อนตลาดที่อยู่อาศัย ภายใต้เศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

“พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม” ฟันเฟืองขับเคลื่อนตลาดที่อยู่อาศัย ภายใต้เศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

“พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม” ฟันเฟืองขับเคลื่อนตลาดที่อยู่อาศัย ภายใต้เศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

ปี 2567 ถือเป็นปีที่มีความสำคัญสำหรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQIAN+ ชาวไทย หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม วาระที่ 2-3 เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมานี้ ได้เป็นนิมิตหมายอันดีในการเปิดประตูแห่งความเสมอภาคทางเพศในไทยให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีกฎหมายมารองรับและให้สิทธิต่าง ๆ แก่คู่รัก LGBTQIAN+ อย่างเท่าเทียม ลดช่องว่างที่สร้างความไม่เสมอภาคทางเพศให้น้อยลงไป ซึ่งหากมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ไทยจะถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQIAN+ สมรสกันได้อย่างถูกกฎหมาย

การผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สำคัญ และเป็นโอกาสของภาครัฐรวมถึงภาคธุรกิจที่จะดึงดูดกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ข้อมูลจาก LGBT Capital คาดการณ์ว่า อำนาจการใช้จ่ายโดยรวมทั่วโลกของฐานผู้บริโภค LGBTQIAN+ (LGBT-GDP) ในปี 2566 จากจำนวนประชากร 388 ล้านคนทั่วโลก (อายุ 15 ปีขึ้นไป) อยู่ที่ประมาณ 4.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยในจำนวนนี้คิดเป็น LGBTQIAN+ ชาวไทยประมาณ 3.7 ล้านคน และมีอำนาจการใช้จ่ายอยู่ที่ 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่มนี้ และยังเป็นโอกาสของภาคธุรกิจอสังหาฯ ในการตอบโจทย์และเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม บันไดก้าวสู่สิทธิพื้นฐานสำหรับคู่รักทุกเพศ

นอกจาก พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถสมรสกันได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมาพร้อมสิทธิในการสมรสที่ครอบคลุมทุกมิติ ดังนี้ 

  • สิทธิในการหมั้น แต่งงาน และหย่าร้าง คู่สมรส LGBTQIAN+ จะได้รับสิทธิตามกฎหมายในการหมั้น หรือแต่งงาน ซึ่งสามารถจดทะเบียนสมรสในไทยและใช้สิทธิคู่สมรสได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับคู่สมรสชายหญิง รวมไปถึงในกรณีที่ต้องการหย่าร้างทั้งโดยสมัครใจหรือฟ้องหย่า ก็มีสิทธิได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมเช่นกัน
  • สิทธิในการเป็นผู้ปกครองของบุตรบุญธรรมร่วมกัน ช่วยให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถรับบุตรบุญธรรมของคู่สมรสอีกฝ่ายเป็นบุตรบุญธรรมของตนได้ ต่างจากเดิมที่กลุ่ม LGBTQIAN+ จะสามารถเป็นผู้ปกครองบุตรบุญธรรมได้เพียงคนเดียว เนื่องจากไม่ได้เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมายเหมือนคู่ชายหญิง
  • สิทธิในการดูแลชีวิตของคู่สมรสตามกฎหมาย ซึ่งมีสิทธิในการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่ายได้ในฐานะคู่สมรส และเป็นผู้ตัดสินใจแทนเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ คู่สมรส LGBTQIAN+ ยังมีสิทธิรับประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรสเช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงสิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล และสิทธิประกันสังคม
  • สิทธิในการรับมรดกจากคู่สมรส หากผู้ที่ได้รับมรดกเป็นคู่สมรส LGBTQIAN+ ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง คู่สมรสจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมรดก และหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะถือเป็นทายาทโดยธรรมอันมีสิทธิรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิตได้ตามกฎหมายเช่นกัน
  • สิทธิในการจัดการทรัพย์สินหรือสินสมรสร่วมกัน โดยคู่สมรส LGBTQIAN+ จะมีสิทธิในการบริหารจัดการสินสมรสร่วมกันตามกฎหมาย ได้แก่ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส เช่น เงินเดือน โบนัส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือการให้เป็นหนังสือโดยระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว ซึ่งรวมไปถึงการถือครองอสังหาฯ อย่างบ้าน/คอนโดมิเนียมเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมเป็นเหมือนบันไดนำพาคู่รัก LGBTQIAN+ ไปสู่สิทธิขั้นพื้นฐานในหลากหลายด้าน รวมไปถึงการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยอย่างการเปิดโอกาสในการกู้ร่วมเพื่อซื้ออสังหาฯ ในฐานะคู่สมรส ข้อมูลจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในภาพรวมของไตรมาส 1 ปี 2567 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยว่าผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นกลุ่ม LGBTQIAN+ ถึง 4.9% โดยความต้องการที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นปัจจัย 4 ถือเป็นเทรนด์ที่ปราศจากเพศ (Genderless) และผู้บริโภคกลุ่ม LGBTQIAN+ ต่างก็มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่ไม่ต่างจากผู้บริโภคในกลุ่มอื่น ดังนั้นจึงควรได้รับสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เท่าเทียมกัน

ปลดล็อกความเสมอภาคในการซื้อที่อยู่อาศัยของคู่รัก LGBTQIAN+ ด้วย พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยว่า แม้ปัจจุบันสังคมไทยจะเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่ยังไม่มีการรับรองความสัมพันธ์แบบคู่สมรสอย่างเป็นทางการ จึงส่งผลต่อการใช้สิทธิกู้ร่วมในการซื้ออสังหาฯ ของคู่รัก LGBTQIAN+ โดยทั่วไปแล้วหากเป็นการกู้เพียงลำพัง ชาว LGBTQIAN+ จะสามารถยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ทันทีเพียงแต่จะมีข้อจำกัดอยู่ที่ไม่สามารถขอสินเชื่อในฐานะผู้กู้ร่วมได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคารที่ระบุว่าผู้กู้ร่วมนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกัน เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ร่วมเชื้อสายเดียวกัน เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือเป็นชายหญิงที่เป็นคู่สมรสกัน ซึ่งจะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ ขณะที่ปัจจุบันกฎหมายไทยยังไม่รองรับการจดทะเบียนสมรสของคู่รัก LGBTQIAN+ จึงทำให้ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่มีผลทางนิตินัย

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเริ่มมีหลายธนาคารที่จัดแคมเปญพิเศษเพื่อเปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQIAN+ สามารถกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ร่วมกันได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเพศอีกต่อไป โดยส่วนใหญ่จะมีรายละเอียดเบื้องต้นที่คล้ายคลึงกัน เช่น 

  • มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
  • มีรายได้มั่นคง โดยมีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม (บางธนาคารกำหนดให้ผู้กู้หลักมีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป)
  • พนักงานประจำต้องมีอายุงานรวมที่ทำงานเดิมและปัจจุบันตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป (บางธนาคารไม่มีกำหนด)
  • ผู้กู้ต้องมีเอกสารหรือหลักฐานแสดงความสัมพันธ์หรือการอยู่ร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือตามที่ธนาคารกำหนด เช่น ทะเบียนบ้านที่อยู่ด้วยกัน, เปิดบัญชีเงินฝากร่วมกัน, รูปถ่ายงานมงคลสมรส หรือรูปภาพเพื่อยืนยันว่าเป็นคู่รักกันจริง ๆ เป็นต้น (บางธนาคารไม่มีกำหนด)

นอกจากนี้ ผู้กู้ยังต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั่วไป คือต้องมีภาระหนี้ไม่เกิน 30-40% ของรายได้ มีเงินออมอย่างน้อย 10% ของราคาที่อยู่อาศัย รวมทั้งมีบันทึกการเคลื่อนไหวบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน โดยวงเงินกู้ที่ได้รับอาจได้ 100% ตามที่ยื่นกู้หรือแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร อย่างไรก็ดี ปัจจุบันธนาคาร/สถาบันทางการเงินมีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการก่อให้เกิดหนี้เสีย ผู้บริโภคจึงควรเตรียมความพร้อมทางการเงิน โดยมีวินัยในการเก็บออมเงิน ลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงินที่ดีและแสดงความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยให้การยื่นกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ผ่านไปได้ด้วยดี และได้วงเงินที่ครอบคลุมเพียงพอในการซื้อที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากขึ้น

ทางเลือกช่วยให้คู่รัก LGBTQIAN+ กู้ร่วมได้ แม้ยังไม่ได้เป็นคู่สมรส

จากข้อจำกัดในการขอกู้ร่วมของคู่รัก LGBTQIAN+ ตามที่กล่าวมานั้น จึงทำให้เกิดทางเลือกในการใช้สินเชื่อประเภทอื่นในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยบางธนาคารจะมีสินเชื่อเพื่อธุรกิจหรือ SME ที่คู่รัก LGBTQIAN+ สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อสินทรัพย์ถาวรเพื่อประกอบกิจการได้ เช่น สถานประกอบการพร้อมที่ดิน หรือที่ดินเปล่าเพื่อใช้ดำเนินกิจการ 

อย่างไรก็ดี การใช้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ถือได้ว่าเป็นเพียงทางเลือกในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย เนื่องจากมาพร้อมความท้าทายที่ควรพิจารณา ทั้งในเรื่องของระยะเวลากู้นานสุดที่ได้เพียง 10 ปีเท่านั้น ต่างจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งให้ระยะเวลาผ่อนสูงสุดถึง 30-40 ปี และอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ที่มีอัตราสูงกว่าดอกเบี้ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั่วไปอีกด้วย ดังนั้น คู่รัก LGBTQIAN+ จึงควรพิจารณาและศึกษารายละเอียดของแคมเปญสินเชื่อต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย โดยคำนึงจากพื้นฐานความเหมาะสมในการอยู่อาศัยจริงและความพร้อมทางการเงินเป็นหลัก 

อย่างไรก็ตาม ข้อควรคำนึงที่สำคัญเมื่อคู่รักทุกเพศวางแผนจะกู้ร่วมคือกรรมสิทธิ์บ้านจะเป็นของทั้งสองฝ่าย หากในอนาคตมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการจะโอนหรือขายให้แก่ผู้อื่น จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้กู้ร่วมทุกราย แม้ว่าความจริงผู้กู้หลักจะเป็นผู้ผ่อนแต่เพียงผู้เดียวก็ตาม นอกจากนี้ หากมีปัญหาต้องการกรรมสิทธิ์คืน ผู้กู้อาจจะต้องดำเนินการฟ้องร้องและหาหลักฐานการผ่อนชำระ เพื่อมาสนับสนุนให้เห็นว่าผู้กู้หลักเป็นผู้ผ่อนแต่เพียงผู้เดียวจริง ๆ และอาจใช้เวลาในการฟ้องร้องพอสมควร

ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนจะประกาศใช้เป็นกฎหมายในอนาคต ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งในไทย อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีหลายธนาคาร/สถาบันการเงินที่เปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQIAN+ สามารถยื่นเรื่องกู้สินเชื่อร่วมกันได้ผ่านแคมเปญพิเศษ โดยมีเงื่อนไขในการพิจารณาที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.ddproperty.com) ได้รวบรวมข้อมูลธนาคารที่ให้สินเชื่อสำหรับผู้กู้ร่วมที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งข่าวสารและเรื่องราวน่ารู้ในแวดวงอสังหาฯ เพื่อเป็นข้อมูลให้ชาว LGBTQIAN+ ได้ศึกษาประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกที่อยู่อาศัย พร้อมเป็นแหล่งรวมประกาศซื้อ-ขาย-เช่าที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ ช่วยให้ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยสามารถเตรียมความพร้อมก่อนเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น 

Siemens Enables Thai F&B Industry to Mitigate Energy Challenge, Driving Efficiency and Sustainability

ซีเมนส์สนับสนุนอุตสาหกรรม F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดความท้าทายด้านพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

Siemens Enables Thai F&B Industry to Mitigate Energy Challenge, Driving Efficiency and Sustainability

Showcases the Latest Digital Twin Technology and Innovative Solutions at ProPak Asia 2024

Siemens is at the forefront of supporting Thailand’s vision for industry-wide transformation, known as Thailand 4.0. The company is bringing its latest world-class technology and solutions to ProPak Asia 2024, accelerating the food and beverage (F&B) industry’s digital transformation toward a greener and more sustainable future.  The event will be held from June 12-15 at the Bangkok International Trade & Exhibition Centre (BITEC), and Siemens will be at Hall 98, Booth B44.

The F&B sector faces mounting economic pressures, including rising energy and raw material costs. Evolving consumer demands for healthier, more sustainable, and personalized products also present challenges. Data from the Office of Industrial Economics (OIE) reveals the Manufacturing Production Index contracted for the 18th consecutive month in March 2024, with climate change and higher production costs cited as key factors impacting the F&B industry.

To address these issues, companies are increasingly adopting digital technologies to boost productivity and reduce costs. In 2023, approximately 190 million tons of customer emissions were avoided with Siemens’ products and solutions, aligning with sustainable business practices to combat climate change.

Joseph Kong, Head of Digital Industries at Siemens Thailand said, “Siemens is excited to witness the Thai manufacturing industry embracing digitalization and pursuing a journey towards sustainable production.  Our commitment is to support the sustainable digital transformation of the Food and Beverage industry with our comprehensive solutions, encompassing the entire value chain.  At Propak Asia 2024, our showcases will offer industrial operators valuable insights into leveraging these sustainability-focused technologies across design, production, and supply chain management, transforming challenges into opportunities., driving the use of innovation to create a more sustainable future for the industry.

Siemens will showcase cutting-edge solutions capable of accelerating the F&B industry’s digital transformation. Highlights included:

  • Robot Integrator: This solution streamlines robot integration from various manufacturers, reducing software programming and engineering time by up to 30%*. It lowers costs, complexity, and errors while enhancing performance, efficiency, and business agility.
  • Integrated Energy Management System. An ISO 50001-certified end-to-end energy management solutions, ranging from energy data recording to energy analysis. This solutionis a scalable production-related energy monitoring system that can be expanded to generate energy analyses right up to the company-wide level. The solution helps operators sustainably lower energy cost, increase plant productivity and competitiveness.
  • Opcenter Advanced Planning and Scheduling (APS) Software. Optimizing production planning and scheduling ensures efficient production, minimizes downtime and improves customer service. With Siemens Opcenter APS, operator can realize:
    • Up to +25% Productivity – Detect bottlenecks, reduce setup time. Increase machines and tools utilization. Reduce work in progress.
    • Up to -50% Inventory – Reduce waste. Easily identify shortages. Optimize material flow and production synchronization.
    • Up to+50% On-time delivery – Increase availability and efficiency. Reduce lead time.
  • Senseye Predictive Maintenance: By automating machine behavior modeling and directing attention where needed most, this solution cuts machine downtime by up to 50% and maintenance costs by up to 40%, accelerating digital transformation.

With its comprehensive range of cutting-edge solutions, Siemens is leading the charge in drive Thailand’s F&B industry into the digital era, promoting sustainability and addressing the sector’s pressing challenges. For more details, please visit Siemens’s booth B44 at the  ProPak Asia 2024.

ซีเมนส์สนับสนุนอุตสาหกรรม F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดความท้าทายด้านพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ซีเมนส์สนับสนุนอุตสาหกรรม F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดความท้าทายด้านพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ซีเมนส์สนับสนุนอุตสาหกรรม F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดความท้าทายด้านพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ยกเทคโนโลยีดิจิทัลทวินและนวัตกรรมการผลิตล่าสุดสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมาแสดงในงาน ProPak Asia 2024 

ซีเมนส์ เดินหน้าสนับสนุนวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรม F&B ในการก้าวสู่ยุคดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนมากขึ้น นำเทคโนโลยีและโซลูชันระดับโลกล่าสุด อาทิ Robot Integrator, Integrated Energy Management System, Advanced Planning and Scheduling หรือ APS Predictive Maintenance และอีกหลากหลายนวัตกรรมด้านความยั่งยืน มาร่วมจัดแสดงและสาธิตยูสเคสที่น่าสนใจ ภายในงาน ProPak Asia 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน ศกนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) โดยซีเมนส์จะอยู่ที่ ฮอลล์ 98 บูท B44 

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจรอบด้าน โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นการดูแลสุขภาพ สินค้าที่ออกแบบเฉพาะบุคคล และการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืน ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนมีนาคม 2567 หดตัว 5.13% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ซึ่งมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมัน โดยอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

ปัจจุบันผู้ประกอบการมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ในปีงบประมาณ 2566 ผลิตภัณฑ์และโซลูชันจากซีเมนส์ช่วยให้ลูกค้าของบริษัทฯ หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ประมาณ 190 ล้านตัน สอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักความยั่งยืนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

โจเซฟ คง หัวหน้ากลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ซีเมนส์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นอุตสาหกรรมการผลิตไทยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้และเดินหน้าสู่เส้นทางการผลิตที่ยั่งยืน เรามุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม F&B ไปสู่การใช้โซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของอุตสาหกรรม การจัดแสดงโซลูชันของซีเมนส์ ภายในงาน Propak Asia 2024 ครั้งนี้จะช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ตั้งแต่ส่วนการออกแบบ (Design) ส่วนการผลิต (Production) และห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส ผลักดันการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมฯ

เทคโนโลยีและโซลูชันไฮไลท์ของซีเมนส์ที่จัดแสดงในงาน ProPak Asia 2024 ประกอบด้วย

  • Robot Integrator: ปัจจุบันภาคการผลิตมีการใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์อย่างแพร่หลาย จากผู้ผลิตต่างแบรนด์ ซึ่งทำให้เกิดความซับซ้อน สิ้นเปลืองทรัพยากรและงบประมาณในการจัดการ ทั้งนี้โซลูชัน Robot Integrator ผนวกรวมการจัดการหุ่นยนต์จากผู้ผลิตหลายรายเข้าด้วยกันภายใต้ Interface เดียว ลดเวลาการเขียนโปรแกรมและวิศวกรรมซอฟต์แวร์ลงถึง 30%* สามารถช่วยให้อุตสาหกรรม F&B ได้รับประโยชน์ในสองด้านหลัก ๆ ได้แก่ ด้านการทำวิศวกรรม และด้านการปฏิบัติงาน ช่วยลดความผิดพลาดและการซ่อมบำรุงที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ
  • Integrated Energy Management System: ซอฟต์แวร์โซลูชันในการตรวจสอบจัดการพลังงานครบวงจรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 โดยโซลูชันนี้จะบันทึกข้อมูลและวิเคราะห์การใช้พลังงานหลากหลายประเภทที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต สามารถปรับขยายได้ (Scalable) สามารถให้ข้อมูลการใช้พลังงานในส่วนย่อยไปจนถึงภาพรวมของทั้งองค์กร ช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นภาพรวมสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มผลผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
  • Opcenter Advanced Planning and Scheduling (หรือ APS): ซอฟต์แวร์ช่วยการวางแผนและกำหนดตารางการผลิตขั้นสูง ที่มีความสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและกำหนดตารางการผลิต ลดเวลาการหยุดทำงานของเครื่องจักร เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า ประโยชน์เด่นของ Opcenter APS
    • เพิ่มผลผลิตขึ้นได้สูงสุดถึง 25% ด้วยการตรวจจับอุปสรรคคอขวดในระบบ ลดเวลาการตั้งค่า เพิ่มประสิทธิภาพในการนำเครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้ และลดงานที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการลง
    • ลดการเก็บสินค้าคงคลังลงได้สูงสุดถึง 50% โดยลดของเสียในระบบ ระบุสาเหตุการขาดแคลนสินค้าได้อย่างง่ายดาย พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของวัสดุและการซิงโครไนซ์ด้านการผลิต
    • การจัดส่งตรงเวลาเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 50% โดยเพิ่มประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งาน ลดระยะเวลาการรอคอยสินค้า
  • Senseye Predictive Maintenance: โซลูชันการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์นี้ช่วยจัดการกับความท้าทายของผู้ผลิตในการบริหารการบำรุงรักษาสินทรัพย์ ด้วยเทคโนโลยี AI ชั้นนำที่สามารถสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของเครื่องจักรและผู้ดูแลแบบอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากรไปใช้ในจุดที่มีความจำเป็นสูงสุด ลดเวลาเครื่องจักรหยุดทำงานลงสูงสุดถึง 50% ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงสูงสุดถึง 40% แพลตฟอร์มนี้ยังช่วยเร่งกระบวนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขององค์กรได้อีกด้วย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และร่วมสัมผัสนวัตกรรมซีเมนส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไปสู่ดิจิทัล ในงาน ProPak Asia 2024 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Go Digital, Become Sustainable ได้ที่ Siemens ProPak Asia 2024

Alibaba Cloud to Help Elevate Olympic Viewing with AI-Enhanced Multi-Camera Replay Service

Alibaba Cloud ยกระดับการรับชมโอลิมปิกด้วยบริการ Multi-Camera Replay Service ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Alibaba Cloud to Help Elevate Olympic Viewing with AI-Enhanced Multi-Camera Replay Service

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, in partnership with Olympic Broadcasting Services (OBS), was testing its latest AI-enhanced multi-camera replay service at the Olympic Qualifier Series in Shanghai, held on May 16-19. This pivotal event determined the athletes participating in the forthcoming Olympic Games in Paris (“Paris 2024”)

The AI innovation from Alibaba Cloud is poised for deployment across various competition venues during Paris 2024, promising to deliver a dynamic and vivid viewing experience to audiences worldwide.

“We are thrilled to collaborate with OBS to expand the use of our cutting-edge cloud-based AI technology, aiming to elevate sports broadcasting to new levels of immersion and engagement,” said Selina Yuan, President of International Business at Alibaba Cloud Intelligence. “As a pioneer in delivering intelligent sports solutions, we aim to work with OBS to redefine how global sports enthusiasts experience and engage with the Olympic Games. We look forward to further contributing to the Paris 2024 experience with our advanced cloud technologies.”

Alibaba Cloud was testing multi-camera replay service at the skateboarding venue at Olympic Qualifier Series in Shanghai
Alibaba Cloud was testing multi-camera replay service at the skateboarding venue at Olympic Qualifier Series in Shanghai
Alibaba Cloud was testing multi-camera replay service at the skateboarding venue at Olympic Qualifier Series in Shanghai
Alibaba Cloud was testing multi-camera replay service at the skateboarding venue at Olympic Qualifier Series in Shanghai

Alibaba Cloud’s powerful computing architecture and proven cloud technologies facilitate the near real-time processing of high-precision 3D reconstruction and video rendering.

During Paris 2024, the AI-enabled replay system will be implemented at 12 competition venues for events such as beach volleyball, tennis, judo and rugby. The multi-angle video content will make available through OBS’s production system, enriching coverage of the Olympic Games through cloud broadcasting with a range of dynamic and lifelike replay footage for global Media Rights Holders (MRH).

First introduced at the Olympic Winter Games Beijing 2022 for curling and speed skating events, the multi-camera replay system was used to immerse fans in the action, allowing them to experience critical competition moments from a variety of optimal angles. With more AI features and deployment at more competition scenes, the innovation is to help elevate the broadcast of the Olympic Games to a new level.

As the official cloud service provider for the International Olympic Committee, Alibaba Cloud remains at the forefront of broadcasting innovation, driving the expansion of Games coverage through more inventive and inclusive technologies, with the goal to redefine the future of sports viewing experience with partners like OBS.

Alibaba Cloud ยกระดับการรับชมโอลิมปิกด้วยบริการ Multi-Camera Replay Service ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Alibaba Cloud ยกระดับการรับชมโอลิมปิกด้วยบริการ Multi-Camera Replay Service ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Alibaba Cloud ยกระดับการรับชมโอลิมปิกด้วยบริการ Multi-Camera Replay Service ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Alibaba Cloud ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ร่วมมือกับหน่วยบริการกระจายเสียงแพร่ภาพโอลิมปิก (Olympic Broadcasting Services: OBS) ทดสอบบริการ multi-camera reply ที่ใช้ AI ณ การแข่งขันรอบคัดเลือกโอลิมปิกที่เซี่ยงไฮ้ (Olympic Qualifier Series in Shanghai) ซึ่งจัดไปเมื่อวันที่ 16 ถึง 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งกันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีสซึ่งกำลังจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ (Paris 2024)

นวัตกรรม AI จาก Alibaba Cloud พร้อมใช้ ณ สถานที่จัดการแข่งขันทุกแห่งใน Paris 2024 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมการแข่งขันที่เต็มไปด้วยพลังและมีชีวิตชีวา

เซลิน่า หยวน ประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศของ Alibaba Cloud Intelligence กล่าวว่า “เราตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับ OBS เพื่อนำเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยและทำงานอยู่บนคลาวด์ของเราไปใช้แพร่หลายมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการถ่ายทอดการแข่งขันให้สมจริงและให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ในฐานะที่เราเป็นผู้บุกเบิกการให้บริการโซลูชันอัจฉริยะด้านกีฬาต่าง ๆ เรามุ่งมั่นทำงานร่วมกับ OBS เพื่อกำหนดความหมายใหม่ให้กับ ‘ประสบการณ์และการมีส่วนร่วมที่แฟนกีฬาทั่วโลกจะได้รับจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก’ เรารอคอยที่จะนำเทคโนโลยีคลาวด์ที่ล้ำสมัยของเราไปใช้เสริมประสบการณ์การรับชมกีฬา ณ การแข่งขันโอลิมปิก Paris 2024”

Alibaba Cloud ทดสอบบริการ multi-camera replay ที่สนามแข่งสเก็ตบอร์ด ณ Olympic Qualifier Series ในเซี่ยงไฮ้
Alibaba Cloud ทดสอบบริการ multi-camera replay ที่สนามแข่งสเก็ตบอร์ด ณ Olympic Qualifier Series ในเซี่ยงไฮ้
Alibaba Cloud ทดสอบบริการ multi-camera replay ที่สนามแข่งสเก็ตบอร์ด ณ Olympic Qualifier Series ในเซี่ยงไฮ้
Alibaba Cloud ทดสอบบริการ multi-camera replay ที่สนามแข่งสเก็ตบอร์ด ณ Olympic Qualifier Series ในเซี่ยงไฮ้

สถาปัตยกรรมการประมวลผลที่ทรงพลังผนวกกับเทคโนโลยีคลาวด์ที่ได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้วของ Alibaba Cloud ช่วยให้การประมวลผลการจำลองภาพ 3 มิติและการเรนเดอร์วิดีโอมีความแม่นยำเที่ยงตรงสูงด้วยเวลาที่เกือบจะเรียลไทม์

ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก Paris 2024 ระบบ replay ที่ใช้ AI จะถูกนำไปใช้ในสถานที่จัดแข่งขัน 12 แห่ง เช่น สถานที่จัดแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด เทนนิส ยูโด และรักบี้ คอนเทนต์ของวิดีโอจากหลากหลายมุมจะมีอยู่บนระบบการผลิตของ OBS ซึ่งครอบคลุมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหลากหลายประเภท ผ่านการออกอากาศบนคลาวด์ด้วยฟุตเทจ replay แบบไดนามิกและสมจริงให้กับ Media Rights Holders (MRH) ทั่วโลก

ระบบ multi-camera replay เปิดตัวครั้งแรกที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิดฤดูหนาวที่ปักกิ่งในปี 2565 โดยนำไปใช้กับการแข่งขันเคอร์ลิง (curling) และ สเก็ตความเร็ว (speed skating) ในคราวนั้นระบบนี้ช่วยให้แฟนกีฬาได้ดื่มด่ำกับการแข่งขัน และได้สัมผัสช่วงเวลาสำคัญของการแข่งขันจากมุมมองที่เหมาะสมและชัดเจนหลายจุด และด้วยฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่ในระบบ รวมถึงการใช้งานกับการแข่งขันกีฬามากชนิดขึ้น นวัตกรรมนี้จะช่วยยกระดับการออกอากาศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์อย่างเป็นทางการของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล Alibaba Cloud ยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านการออกอากาศ และขับเคลื่อนการรายงานการแข่งขันผ่านเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์และครบวงจรมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกับพันธมิตร เช่น OBS สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับชมกีฬาในอนาคตให้กับแฟนกีฬาทั่วโลก