เกาะติดเทรนด์บ้าน 2021 “เช่า” มาแรงกว่าซื้อเพราะตอบโจทย์คนยุคนี้จริงหรือ?

DDProperty

เกาะติดเทรนด์บ้าน 2021 “เช่า” มาแรงกว่าซื้อเพราะตอบโจทย์คนยุคนี้จริงหรือ?

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังคงชะลอตัว แต่การนำเข้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ในอนาคต

ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ 49.4 โดยปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน หลังจากการแพร่ระบาดฯ ระลอกใหม่ แม้ว่าจะยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องมาจากยังไม่มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนของแผนการฉีดวัคซีนทั้งประเทศ ทำให้ผู้บริโภคยังมีความกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงชะลอการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือสินค้าที่มีราคาสูงในช่วงนี้ออกไปก่อน

เห็นได้จากผลสำรวจพฤติกรรมการซื้อของคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ปี 2563 ของวันเดอร์แมน ธอมสัน และแดทเทล พบว่า ความตั้งใจในการซื้อสินค้าที่ต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจซื้อ (High Involvement) เช่น ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดฯ ของผู้บริโภคลดลงทุกกลุ่มสินค้า ผู้มีรายได้น้อยกว่า 40,000 บาทต่อเดือนมีแนวโน้มที่จะลดหรือหยุดการซื้อสินค้าและบริการออกไป และส่วนใหญ่ไม่มีแนวโน้มจะกลับมาซื้อสินค้าเหล่านี้ภายใน 1 ปี

สอดคล้องกับผลสำรวจล่าสุดจากวันเดอร์แมน ธอมสัน ณ เดือนกันยายน 2563 ที่ได้คาดคะเนพฤติกรรมของผู้บริโภคช่วงหลังการแพร่ระบาดฯ ว่าในอนาคตในระยะสั้น-กลาง (0-1 ปี) ผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมไม่ชอบความเสี่ยง และเลือกที่จะถือเงินสดหรือฝากธนาคาร รวมถึงหารายได้เสริมจากช่องทางอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น

 

โควิด-19 ตัวแปรสำคัญ ดันอสังหาฯ ให้เช่าโตต่อเนื่อง 

ภาคอสังหาฯ ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค เนื่องจากบ้าน/คอนโดฯ เป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวนาน แม้คนไทยจะมีประสบการณ์ตรงในการรับมือการแพร่ระบาดฯ ในรอบแรก แต่การแพร่ระบาดฯ ระลอกใหม่ที่มาอย่างไม่มีใครคาดคิด ทำให้ทุกคนต้องปรับแผนการใช้จ่ายอย่างรัดกุมอีกครั้ง

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เทรนด์การเช่าอสังหาฯ กลับมาเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในช่วงนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ DDproperty.com ทั่วประเทศในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2564 พบว่า ความสนใจเช่าที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดเข้าชมประกาศที่อยู่อาศัยให้เช่าที่เพิ่มขึ้นถึง 31% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดฯ ระลอกใหม่ ในขณะที่ความสนใจซื้อมีการเติบโตในสัดส่วนเพียง 7% เท่านั้น เมื่อพิจารณาแนวโน้มประกาศที่อยู่อาศัยให้เช่าบนเว็บไซต์ (Supply) ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้พบว่า เพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่ง (52%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 ซึ่งการแพร่ระบาดฯ ยังไม่แพร่หลายในไทย

“ความจำเป็น” ผลักให้ผู้บริโภคเลือกเช่าเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผยปัจจัยแวดล้อมที่มีบทบาทสำคัญทำให้ผู้บริโภคยุคนี้หันมาพิจารณาและสนใจเลือกเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าการซื้อ แม้จะมีโปรโมชั่นสงครามราคาออกมากระตุ้นการซื้อมากมายก็ตาม ดังนี้

  • เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง กระทบความมั่นคงต่ออาชีพ ผลกระทบทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2562 รวมกับวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดปี 2563 กินระยะเวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจปีนี้ยังคงไม่แน่นอน โดยข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ คาดว่าแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ของปี 2564 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.5%-3.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5%-4.5% เนื่องจากยังมีผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่จะลงทุนและจ้างงานในอนาคต ทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลกับความมั่นคงของอาชีพการงาน จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินของครอบครัวมากขึ้น ปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน เก็บเงินสำรองเพื่อลดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินหากมีการเปลี่ยนแปลงด้านอาชีพ
  • ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง เนื่องจากความสามารถในการใช้จ่าย (Affordability) ของผูู้บริโภคในปัจจุบันลดลง ทำให้ต้องวางแผนการใช้จ่ายอย่างรัดกุมและให้ความสำคัญกับการมีเงินเก็บมากขึ้น ผู้บริโภคจึงใช้เวลาและความรอบคอบในการพิจารณาซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ มากตามไปด้วย โดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าที่ได้รับบวกกับราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีราคาสูง มีการเปรียบเทียบความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าที่จะได้รับเมื่อเลือกซื้อหรือเช่าบ้าน/คอนโดฯ โดยมีตัวแปรสำคัญ คือ กำลังซื้อที่มีจำกัดในเวลานี้ของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเช่าที่อยู่อาศัยเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการซื้อ นอกจากนี้อสังหาฯ ให้เช่าส่วนใหญ่จะมีการตกแต่งอย่างสวยงามและเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ทันที ช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ และไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็นค่าบำรุงรักษา หรือเสียภาษีต่าง ๆ เหมือนการมีบ้านเป็นของตัวเอง
  • เลือกเช่าเพื่อลดภาระผูกพันในระยะยาว สร้าง Safe Zone ด้านค่าใช้จ่าย เพราะการเช่ามีภาระผูกพันที่น้อยกว่าการซื้อ ไม่มีสัญญาผูกมัดระยะยาว การเช่าที่อยู่อาศัยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภควัยเริ่มต้นทำงานที่กำลังเริ่มสร้างฐานะ หรือมีภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อยู่แล้ว เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นบางส่วน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถวางแผนการเงินเพื่อรองรับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและสร้าง Safe Zone ลดความเสี่ยงปัญหาค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ได้ เพราะการมีเงินออมเก็บไว้ถือเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ควรมองข้าม การเช่าที่อยู่อาศัยจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการผ่อนดาวน์ และสามารถนำเงินเก็บไปใช้ในเรื่องที่จำเป็นกว่าได้ ป้องกันปัญหาการเงินขาดสภาพคล่องจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงช่วยให้ผู้บริโภคสามารถวางแผนการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและเงินเก็บได้ดียิ่งขึ้น
  • มีความยืดหยุ่นในการโยกย้ายทำเล ได้ทดลองอยู่ก่อนซื้อขาด ปัจจุบันความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) อีกต่อไป เมื่อมีการขยายตัวของเมือง การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า ทำให้การจ้างงานและแหล่งที่อยู่อาศัยมีการขยายไปในทำเลที่มีศักยภาพเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ (New CBD) และแถบชานเมืองมากขึ้น ผู้บริโภคจึงมีทางเลือกในการเช่าที่อยู่อาศัยที่มีราคาเหมาะสมในทำเลที่ไม่แออัด และเดินทางไปทำงานใจกลางเมืองได้สะดวก เมื่อมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนงานหรือโยกย้ายทำเลก็ทำได้ง่ายกว่า เพราะการเช่าไม่มีสัญญาผูกมัดในระยะยาว และยังมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้ทดลองอยู่อาศัยในทำเลที่สนใจเพื่อประเมินความพึงพอใจจากสภาพแวดล้อม ความเจริญในพื้นที่ รวมถึงการเดินทาง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน/คอนโดฯ ในทำเลนั้น ๆ ในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเช่าที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไปในแต่ละช่วงวัยได้ง่ายขึ้น
  • คนรุ่นใหม่ยังออมเงินหวังซื้อบ้าน แต่คนโสดหันไปเลือกเช่ามากขึ้น การซื้อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นหนึ่งในความต้องการอันดับต้น ๆ ของคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ ข้อมูลล่าสุดจากผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study พบว่า แผนการใช้จ่ายใน 1 ปีข้างหน้าของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล หรือ Gen Y นั้นมากกว่าครึ่ง (59%) ตั้งใจออมเงินเพื่อวางแผนซื้อบ้าน อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความต้องการและความจำเป็นในการดำเนินชีวิตแล้ว การเลือกเช่าอสังหาฯ ก็ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสถานภาพโสดเช่นกัน โดย 8% ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสนใจเช่าบ้าน/คอนโดฯ สูงกว่าคนรุ่นใหม่ที่มีสถานะอื่น ๆ การเช่าที่อยู่อาศัยช่วยให้คนโสดที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีภาระผูกมัดทางครอบครัวมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายมากกว่า เมื่อพิจารณาความเหมาะสมด้านอื่น ๆ แล้วถือว่าเพียงพอกับไลฟ์สไตล์ประจำวัน มีความคุ้มค่า ไม่เป็นการสร้างหนี้เกินกำลังอย่างไม่จำเป็น ตอบโจทย์ความต้องการใช้ชีวิตอิสระของคนโสดได้เป็นอย่างดี

คนชะลอการซื้อแต่ยังไม่พับแผน

แม้การเช่าที่อยู่อาศัยจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายในขณะนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนใหญ่ยังอยากมีบ้านเป็นของตัวเองเมื่อมีความพร้อมมากพอ เนื่องด้วยความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ผู้บริโภคที่วางแผนซื้อบ้านจะใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้นเพื่อรอดูทิศทางสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาอิทธิพลด้านการเงินและการงาน

ผลสำรวจล่าสุดเผยว่ามีผู้บริโภคเพียง 13% เท่านั้นที่ตัดสินใจจะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองภายใน 1 ปี ในขณะที่อีก 18% ยังไม่มีแผนการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงระยะเวลาอันใกล้ โดยตั้งใจจะซื้อบ้าน/คอนโดฯ ในช่วงเวลามากกว่า 5 ปีหลังจากนี้ นอกจากนี้ในกลุุ่มผู้บริโภคที่เป็นผู้เช่ายังมีการวางแผนขยับขยายที่อยู่อาศัยในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงและรองรับความต้องการของครอบครัว โดยกว่า 3 ใน 5 (64%) มีเหตุผลสำคัญในการวางแผนซื้อบ้านใหม่ คือ ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองแทนการเช่าในปัจจุบัน ตามมาด้วยต้องการพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่สำหรับพ่อแม่และบุตรหลานที่มากขึ้น (46% และ 31% ตามลำดับ)

จะเห็นได้ว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นยังมีอยู่ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจพับแผนการซื้อแค่เลือกชะลอออกไปก่อน เพื่อเก็บเงินสดไว้กับตัวและรอดูแนวโน้มจากสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งนี้เว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com/) ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเและเป็นประโยชน์สำหรับผูู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้าน/คอนโดฯ ให้เช่า โดยรวบรวมข้อมูลประกาศให้เช่า/ซื้อ (Listings for rent/sale) ที่น่าสนใจมากมายในหลากหลายทำเลครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้งมี  “AreaInsider” ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกของแต่ละทำเลครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วยให้ผู้บริโภคศึกษาข้อมูลทำเลที่สนใจได้อย่างง่ายดาย และตัดสินใจเลือกทำเลได้ตรงไลฟ์สไตล์มากขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อผู้บริโภคมีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัยก็สามารถใช้เครื่องมือคำนวณยอดเงินกู้ที่จะได้รับเมื่อยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร (Affordability calculator) ช่วยประเมินความสามารถในการซื้อเพื่อเป็นข้อมูลล่วงหน้า เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป พร้อมกันนี้ยังสามารถศึกษาข้อมูลเชิงลึก/ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอสังหาฯ ได้โดยตรงเพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

นูทานิคซ์เพิ่มความสามารถในการป้องกัน Ransomware เพื่อมอบความปลอดภัยให้กับระบบไอทีของลูกค้า

นูทานิคซ์เพิ่มความสามารถในการป้องกัน Ransomware เพื่อมอบความปลอดภัยให้กับระบบไอทีของลูกค้า

บริษัทผู้นำด้านไฮบริดและมัลติคลาวด์ตอกย้ำความแข็งแกร่งการให้บริการระบบเครือข่าย สตอเรจ และเวอร์ชวลไลเซชั่น

นูทานิคซ์

Nutanix (นูทานิคซ์) (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านไพรเวท ไฮบริด และมัลติคลาวด์คอมพิวติ้ง ประกาศเพิ่มการป้องกัน ransomware บนแพลตฟอร์มคลาวด์ของบริษัทฯ รวมถึงการตรวจสอบและการตรวจจับภัยคุกคามแบบใหม่ ตลอดจนการทำสำเนาข้อมูล (data replication) แบบเรียลไทม์ ที่ลงลึกถึงรายละเอียด และการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้มีติดตั้งไว้ในนูทานิคซ์สแต็คเรียบร้อยแล้ว  ความสามารถใหม่เหล่านี้สร้างขึ้นบนบริการด้านข้อมูลต่าง ๆ ที่พรั่งพร้อมของนูทานิคซ์ในการรักษาความปลอดภัยระบบเน็ตเวิร์ก, ระบบสตอเรจแบบไฟล์และแบบอ็อปเจกต์, เวอร์ชวลไลเซชั่น และด้านความต่อเนื่องทางธุรกิจ ช่วยองค์กรปกป้อง, ตรวจจับ และกู้คืนข้อมูลจากการโจมตีของ ransomware ในสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่หลากหลาย  การทำงานระยะไกลที่เพิ่มขึ้นทำให้การโจมตีกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากขึ้นทุกวัน ความสามารถเหล่านี้จะช่วยให้การนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยและความต่อเนื่องทางธุรกิจไปใช้ในระดับโครงสร้างพื้นฐาน ได้ง่ายกว่าการพึ่งพาระบบเมทริกซ์ที่ซับซ้อนของผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นมาในภายหลัง

รายงานล่าสุดของการ์ทเนอร์ เปิดเผยว่า “เฉพาะในปี 2563 ภัยคุกคามได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับการทำงานระยะไกลที่เพิ่มขึ้น และภัยคุกคามฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเช่นโควิด-19  ทั้งนี้ ransomware ได้พัฒนาไปไกลเกินกว่าจะเป็นแค่การโจมตีแบบเน้นปริมาณ (commodity) มาเป็นการโจมตีแบบครอบคลุม ที่ประสงค์ให้เกิดการติดไวรัสที่อุปกรณ์ปลายทางเดี่ยว ๆ  เน้นการใช้เทคนิคขั้นสูงเช่นภัยคุกคามแบบไร้ไฟล์ (fileless malware) และการขโมยข้อมูลออกจากระบบ (data exfiltration) ransomware สายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ทำให้การป้องกันและการวางแผนยิ่งทวีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมาเพื่อป้องกันการโจมตีของ ransomware”  องค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่มีผู้ใช้งานระยะไกลจำนวนมาก หรือมีสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด ไม่อาจพึ่งพาปฏิบัติการหรือใช้เครื่องมือเพียงแบบเดียวในการปกป้องตนเองได้อีกต่อไป  พวกเขาจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตนจะช่วยให้รับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างดีที่สุด

 

ตรวจจับและกู้คืนจากระบบเครือข่ายและภัยคุกคามข้อมูล

ปัจจุบันแพลตฟอร์มคลาวด์ของนูทานิคซ์นำเสนอการตรวจจับความผิดปกติโดยอาศัยการเรียนรู้ของอุปกรณ์ และบริการ IP reputation ด้วยปฏิบัติการระบบเครือข่ายรักษาความปลอดภัย และโซลูชั่นการตรวจสอบของบริษัทฯ Flow Security Central ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของ Nutanix Flow  ทั้งนี้ Flow Security Central จะช่วยระบุถึงวิธีการที่แฮ็กเกอร์ใช้ในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่รู้จัก รวมถึง ransomware ที่อาจเกิดขึ้นในชั้นเน็ตเวิร์กก่อนที่จะเข้าถึงชั้นแอปพลิเคชั่นและชั้นข้อมูลต่าง ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ฟีเจอร์ Flow Security Central สามารถตรวจสอบเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อหาความผิดปกติ, พฤติกรรมอันตราย รวมถึงการโจมตีเน็ตเวิร์กที่เกิดขึ้นทุกวัน ทำการค้นหาเป้าหมายต่าง ๆ ที่มีช่องโหว่เพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้ฟีเจอร์ Flow Security Central ยังตรวจสอบอุปกรณ์ปลายทางเพื่อระบุการรับส่งข้อมูลที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องกันการใช้โครงสร้างพื้นฐานเวอร์ชวลเดสก์ท็อป ที่เป็นเป้าหมายหลักในการเริ่มติดไวรัสและการแพร่กระจายของ ransomware

 

นูทานิคซ์
ภาพ: Flow Security Central

เมื่อมองลึกลงไปถึงชั้นแอปพลิเคชั่น จะเห็นได้ว่าขณะนี้แพลตฟอร์มคลาวด์ของนูทานิคซ์ได้เพิ่มการตรวจจับransomware ไว้สำหรับบริการด้านการจัดเก็บไฟล์ไว้ในโซลูชั่น Nutanix Files อีกด้วย ฟีเจอร์ File analytics ที่อยู่ใน Nutanix Files สามารถตรวจพบรูปแบบการเข้าถึงที่ผิดปกติและน่าสงสัย พร้อมทั้งระบุรูปแบบของ ransomware ที่รู้จัก เพื่อบล็อกการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์  ขณะนี้ฟีเจอร์ Nutanix Files analytics สามารถระบุการแชร์ไฟล์ที่ไม่ได้กำหนดค่าการทำสำเนา และการทำ snapshots อย่างเหมาะสม และจะทำการแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบไอทีถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้แน่ใจว่ามีการทำ snapshots พร้อมให้ใช้งานได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ Nutanix Files ทำให้การ snapshots ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและการลบข้อมูล ซึ่งเป็นวิธีประจำที่แฮ็กเกอร์ใช้ในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ในการส่ง ransomware เข้าโจมตีเป้าหมาย (ransomware payloads) เพื่อสกัดกั้นความพยายามในการกู้คืนข้อมูล  ด้วยความสามารถต่าง ๆ เหล่านี้ที่บูรณาการรวมอยู่ใน Nutanix Files ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีไม่เพียงแต่จะตรวจจับได้เท่านั้น แต่ยังสามารถกู้คืนข้อมูลจากการโจมตีของ ransomware ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เครื่องมือที่ติดตั้งมาพร้อมสรรพ

 

ปกป้องข้อมูลและแอปพลิเคชั่น

ปัจจุบันแพลตฟอร์มคลาวด์ของนูทานิคซ์ได้รวมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ไว้ในโซลูชั่น Nutanix Objects เพื่อเสริมการปกป้องข้อมูลแอปพลิเคชั่นจากการโจมตีของ ransomware ต่าง ๆ  Nutanix Objects กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นในระบบจัดเก็บข้อมูลหลัก (primary storage) และระบบจัดเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage) ที่พิเศษยิ่งขึ้นคือขณะนี้ Nutanix Objects มีความสามารถในการกำหนดค่าการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่อนุญาตให้เขียนซ้ำ (Write Once Read Many – WORM) สำหรับไฟล์และข้อมูลที่ทีมไอทีเลือกไว้ เพื่อช่วยป้องกันการลบหรือการเข้ารหัสข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และขัดขวางการโจมตีจาก ransomware จำนวนมากที่เกิดขึ้นเป็นประจำ  การป้องกันแบบ WORM เหล่านี้สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ เพียงแค่จัดประเภทข้อมูลภายใต้ “การระงับทางกฎหมาย (legal hold)” เพื่อป้องกันการบุกรุกหรือมุ่งร้ายทำลายให้เสียหาย  นอกจากนี้ฟีเจอร์ของ Objects ในการควบคุมความปลอดภัยยังได้รับการตรวจสอบและรับรองจาก Cohasset Associates ว่าเป็นไปตามข้อกำหนดการจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่สามารถเขียนซ้ำได้ และไม่สามารถลบทิ้งได้ตามที่ระบุไว้ภายใต้กฎข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC), องค์กรการกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงิน (FINRA) และ คณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์แห่งสหรัฐอเมริกา (CFTC)

นอกจากนี้ Nutanix Objects ยังให้สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลในระดับที่ลงลึกถึงรายละเอียด เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถรักษาความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมที่มีผู้ใช้หลายคนได้ดีขึ้น  และท้ายที่สุดขณะนี้แพลตฟอร์มนูทานิคซ์ให้การสนับสนุน Microsoft Windows Credential Guard สำหรับใช้งานเวอร์ชวลแมชชีนและเวอร์ชวลเดสก์ท็อปบนอะโครโพลิสไฮเปอร์ไวเซอร์ โดย Credential Guard เพิ่มการป้องกันระบบปฏิบัติการ (OS) จาก malware ที่ใช้วิธีการโจมตีโดยการขโมยข้อมูลสำคัญในระบบ Microsoft OS ซึ่งเป็นวิธีการทั่วไปที่ผู้โจมตีใช้ในการได้มาซึ่งสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ

 

เพื่อให้มั่นใจในความต่อเนื่องของธุรกิจ

ในขณะที่การตรวจจับและการป้องกันเป็นสองสิ่งสำคัญของกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน malware และ ransomware แต่ทุกบริษัทควรมีแผนรองรับเพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจจะสามารถดำเนินต่อไปได้เมื่อมีการโจมตีเกิดขึ้น  ขณะนี้ Nutanix Mine ซึ่งเป็นโซลูชั่นสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลสำรองของบริษัทฯ สามารถทำการสำรองข้อมูลโดยตรงไปยัง Nutanix Objects เมื่อมีการใช้ Nutanix Mine ร่วมกับโซลูชั่นจากพันธมิตรเช่น HYCU Inc. หมายความว่าการป้องกัน ransomware ทั้งหมดที่มีอยู่ใน Objects เช่น ความเสถียรและ WORM จะถูกนำมาปรับใช้ในโซลูชั่นสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลสำรองนี้ด้วย  นอกจากนี้นูทานิคซ์ยังนำคุณสมบัติใหม่ ๆ สำหรับทำงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึง Veeam® Object Immutability ตลอดจนถึงการรับรองจากผู้จำหน่ายโซลูชั่นสำรองข้อมูลชั้นนำต่าง ๆ เพื่อขยายการป้องกัน ransomware ไปยังระบบจัดเก็บข้อมูลสำรองอีกด้วย

นายราจีฟ มิรานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของนูทานิคซ์กล่าวว่า “ผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ (CIOs) และผู้บริหารด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศ (CISOs) ต่างรู้ดีว่าไม่มีโซลูชั่นใดเพียงหนึ่งเดียวที่จะสามารถป้องกัน ransomware หรือการโจมตีของ malware ประเภทอื่น ๆ ได้ 100% และรูปแบบของการทำงานระยะไกลและแบบไฮบริดผสมผสานในขณะนี้ก็เพิ่มพื้นที่การถูกโจมตีขององค์กรให้มากขึ้น  องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องมีแนวทางการป้องกันในเชิงลึกเพื่อความปลอดภัย โดยเริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตน  อย่างไรก็ตามเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมนั้นจะต้องใช้งานได้ง่ายและช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น  นูทานิคซ์นำเสนอแพลตฟอร์มคลาวด์ที่แข็งแกร่ง พร้อมชุดป้องกัน ransomware ที่เพียบพร้อมยิ่งขึ้นสำหรับให้บริการแล้วในขณะนี้”

ฟีเจอร์ใหม่ท้้งหมดพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแล้วในขณะนี้  กรุณารับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการที่นูทานิคซ์สามารถช่วยป้องกัน ransomware ได้ที่นี่

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์เปิดตัวแพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS” เพิ่มศักยภาพทำงานร่วมกันให้กับนักประดิษฐ์และเพิ่มโอกาสจ้างงานให้นักเรียน-นักศึกษา

Dassault Systèmes

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์เปิดตัวแพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS” เพิ่มศักยภาพทำงานร่วมกันให้กับนักประดิษฐ์และเพิ่มโอกาสจ้างงานให้นักเรียน-นักศึกษา

    • แพลตฟอร์มใหม่บนคลาวด์เปิดตัวที่งาน 3DEXPERIENCE World 2021 สร้างการเรียนรู้และแนวทางนำเสนองานสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบดิจิทัล 3 มิติ งานวิศวกรรมและแอปพลิเคชันการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers มอบวิธีการการออกแบบ การแบ่งปัน การเชื่อมโยงและทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ร่วมกับชุมชนระดับโลก Madein3D ให้ชุมชนนักออกแบบดิจิทัลรุ่นใหม่ 
    • 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student นำเสนอแนวทางในการพัฒนาทักษะการออกแบบ พร้อมรับรองความสามารถที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ ยกรับความสามารถของนักเรียน-นักศึกษาให้เริ่มอาชีพได้เร็วกว่าเดิม

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) ประกาศเปิดตัว 2 แพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ในอนาคต ได้แก่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers” และ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student” ภายในงาน 3DEXPERIENCE World 2021 ในรูปแบบเสมือนจริง นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ สำหรับการออกแบบ การทำงานร่วมกัน การแบ่งปันและพัฒนาทักษะสู่ความเป็นเลิศ ช่วยให้นักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษาสามารถเข้าถึงเครื่องมือและสภาพแวดล้อมดิจิทัลบนคลาวด์ที่มีศักยภาพที่สุดในโลกเพื่อใช้สำหรับงานด้านการออกแบบ วิศวกรรมและนวัตกรรมการทำงานร่วมกัน

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers ได้ร่วมศูนย์นักประดิษฐ์  และแนวความคิดต่าง ๆ เพื่อสร้างการทำงานร่วมกัน โดยนักออกแบบดิจิทัลมือใหม่ยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้โดยใช้แอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS Professional, 3D Creator และ 3D Sculptor พร้อมแชร์โปรเจกต์ส่วนตัวไปยังชุมชนผู้ผลิตระดับโลกอย่าง Madein3D ที่ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ดูแลอยู่ โดยชุมชนแห่งนี้มีผู้ผลิตระดับแนวหน้าในวงการออกแบบ รวมถึงนวัตกรที่คอยให้ความช่วยเหลือและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบสมัครเล่นต่าง ๆ

สำหรับแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Students จะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน-นักศึกษาและเพิ่มโอกาสการทำงานที่มีการแข่งขันสูงในตลาด ซึ่งจะพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรม การทำงานร่วมกัน การจัดการโปรเจกต์ รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และต่อยอด ที่ล้วนเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในอุตสาหกรรม แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถใช้งานได้จากทุกที่และมีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน อาทิ 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS Student, 3D Designer Student และ Collaborative Business รวมถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นของบรรดานวัตกรในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงชุมชนออนไลน์ระดับโลกที่มีเพื่อนนักออกแบบและเหล่าผู้เชี่ยวชาญแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE พร้อมได้รับรองความสามารถในระดับที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ 2 รายการ

เพื่อเป็นการสนับสนุนการเปิดตัวของ 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ได้จัดงาน “World Wide Virtual Career Fair” ขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างงาน 3DEXPERIENCE World 2021 โดยเชิญนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาเหนือ ยุโรปและญี่ปุ่น มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายแบบตัวต่อตัวกับทีมงานที่มีความสามารถระดับโลกของ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ พร้อมด้วยลูกค้าของ SOLIDWORKS

มร. จิอัน เปาโล บาสซี่ ประธานบริหาร, โซลิดเวิร์ค, แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “เราเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์ม จากการความเชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่สัมพันธภาพ…3DEXPERIENCE SOLIDWORKS จะพลิกโฉมวิธีการเรียนรู้ การทำงานร่วมกันและแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของทั้งนักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษา พวกเขาสามารถใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาทักษะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการและสร้างความก้าวหน้าในด้านอาชีพได้ตั้งแต่ในช่วงเรียน ขณะที่ผู้ผลิตสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนผ่านการแชร์ความมุ่งมั่นทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และพร้อมให้การช่วยเหลือด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้งนักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษาต่างได้รับความรู้และวิธีการชั้นเลิศเพื่อสร้างประสบการณ์พลิกเกมธุรกิจ เบนเดสก์ท็อปไปสู่การจัดการโดยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE”

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2564 ส่วนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers จะวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผ่านช่องทางออนไลน์ที่จะให้ประสบการณ์การซื้อที่ง่ายและสะดวกกว่าเดิมบนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE

Dassault Systèmes

โซเชียลมีเดีย:

แชร์ข้อความผ่านทาง Twitter:  @Dassault3DS เปิดตัวแพลตฟอร์มออกแบบใหม่ #3DEXPERIENCE SOLIDWORKS เพิ่มศักยภาพงานออกแบบและทักษะการทำงานร่วมกันให้กับผู้ผลิตและนักเรียน-นักศึกษา #3DXE #3DXW21

ติดต่อ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ผ่านทาง Twitter Facebook LinkedIn YouTube

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE, ซอฟต์แวร์การออกแบบ 3 มิติ, โซลูชั่น 3D Digital Mock Up และ Product Lifecycle Management (PLM) ของ Dassault Systèmes: http://www.3ds.com

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ 3DEXPERIENCE Edu:  https://edu.3ds.com/en

ชมวิดีโอเกี่ยวกับทักษะสำคัญที่เป็นที่ต้องการในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างยั่งยืนคลิก https://edu.3ds.com/en/job/skills

Dassault Systèmes’ 3DEXPERIENCE Lab:  https://3dexperiencelab.3ds.com/en/projects/fablab/3dexperiencer-boston-fablab/

การบริหารจัดการซัพพลายเชน: ก้าวต่อไปของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

infor

การบริหารจัดการซัพพลายเชน: ก้าวต่อไปของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธาน บริษัท อินฟอร์ อาเชียน

Fabio Tiviti_Infor

บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มต่อสู้มาอย่างยาวนานเกี่ยวกับข้อบังคับเฉพาะเรื่องการจัดการอายุของผลิตภัณฑ์, ความซับซ้อนของการจัดตารางการผลิต, การตรวจสอบย้อนกลับและปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย  ยิ่งไปกว่านั้นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากร, แนวคิดด้านความยั่งยืน และกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นแรงส่งมหาศาลที่เพิ่มความซับซ้อนให้กับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ปัญหาและแนวโน้มเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบซัพพลายเชนทั้งหมดของคุณ – ตั้งแต่การจัดซื้อ กระบวนการผลิต ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า

อินฟอร์จำแนกความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับความซับซ้อนของระบบซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มออกเป็นสามเรื่อง ดังนี้ 1. ต้อ­งมีความสามารถในการรับรู้และมองเห็นความเป็นไปของทั่วทั้งโลก 2. ต้องรู้จักคาดการณ์และรับมือกับความผันผวน และ 3. ต้องใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด

ต้องมีความสามารถในการมองเห็นและรับรู้สถานการณ์ของทั่วทั้งโลก

เรามักจะสนใจเฉพาะตัวแปรต่าง ๆ ที่เราควบคุมได้ แต่ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทบทวนระบบซัพพลายเชนทั้งหมดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากกระบวนการเหล่านี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น  เมื่อประมาณสองปีที่แล้วอินฟอร์ได้ทำการสำรวจบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่บนเครือข่าย Infor Nexus และพบว่า 46% ของบริษัทเหล่านั้นกล่าวว่า ก่อนที่จะใช้งาน Infor Nexus พวกเขาต้องใช้เวลานานถึงสามวันกว่าจะระบุได้ว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นอยู่ที่ไหน และจะได้รับของเมื่อไหร่  เห็นได้ชัดเจนว่าข้อมูลที่มีไม่ได้ช่วยให้เขาตัดสินใจได้ดีเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีช่องว่างระหว่างการที่ผู้ผลิตจะติดต่อกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และบริษัทขนส่งภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ EDI (Electronic Data Interchange) ที่หลากหลายระหว่างจุดต่อจุด, พอร์ทัลต่าง ๆ, สเปรดชีท, อีเมล – ซึ่งล้วนเป็นเรื่องราวที่แทบจะไม่มีจุดสิ้นสุด – และยากที่จะดูแลรักษาให้คงสภาพ

ดังนั้นเพื่อที่จะรับรู้และมองเห็นความเป็นไปของระบบได้ทั้งหมด คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับคู่ค้าทั่วโลกด้วยวิธีที่ได้ผล  ด้วยการใช้ระบบเครือข่ายทางธุรกิจระดับองค์กรที่หลากหลาย คุณจะสามารถขจัดการทำงานแบบแยกส่วน (silos) ได้ทั้งภายในองค์กรและระหว่างองค์กรของคุณกับผู้ที่คุณติดต่อทำธุรกิจด้วย  ระบบดังกล่าวช่วยรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและการตอบสนองทางธุรกิจโดยรวม

Infor_อินฟอร์_supply chain 3
Food photo created by jcomp - www.freepik.com

ต้องรู้จักคาดการณ์และรับมือกับความผันผวน

คุณคาดการณ์และรับมือกับความผันผวนได้อย่างไร  เรื่องนี้สามารถเริ่มต้นที่พื้นฐานของประสิทธิภาพและระบบอัตโนมัติภายในโรงงาน คุณจะเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดตารางการผลิตได้อย่างไร  คุณจะรับมือกับปัญหาติดขัดต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้อย่างไร  ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบแยกส่วนในการปฏิบัติงาน หรือความเร็วต่าง ๆ ภายในสายงานการบรรจุผลิตภัณฑ์ของคุณ

เครื่องมือการจัดตารางเวลาที่ใช้พิจารณาตัวแปรทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำตอบเท่านั้น  เมื่อคุณนำโซลูชั่นสำหรับการบริหารสินทรัพย์มาใช้ในธุรกิจของคุณ และบูรณาการเข้ากับโซลูชั่นการจัดตารางเวลา  คุณจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการวางแผนรอบระยะเวลาการบำรุงรักษาโดยพิจารณาจากความสามารถในการรับรู้และการมองเห็นการทำงานของทั้งระบบที่ดีขึ้นว่าอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้จริงคืออะไร  การจัดตารางการผลิตและการบริหารสินทรัพย์มีผลกระทบต่อซัพพลายเชน และความสามารถในการจัดส่งของคุณ ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะบริหารจัดการแยกส่วนไปต่างหาก

เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพและระบบอัตโนมัติ เราพบว่ายังมีความท้าทายในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและคลังสินค้าขององค์กร และความเข้าใจในความซับซ้อนของการดำเนินการดังกล่าวอันเนื่องมาจาก  ช่องทางต่าง ๆ ทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป  ไม่ว่าบริษัทของคุณจะทำอีคอมเมิร์ซเองหรือทำร่วมกับผู้จำหน่ายอีคอมเมิร์ซเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ก็ตาม ความสามารถและข้อกำหนดต่าง ๆ บางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป และบริษัทจำนวนมากต่างกำลังค้นหาลึกลงไปถึงเครื่องมือต่างๆ ที่มีให้บริการอยู่ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น

การปรับปรุงประสิทธิภาพเป็นปัจจัยผลักดันในอุตสาหกรรมอาหารมานานหลายทศวรรษ แต่ช่วงนี้การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีความผันผวนมากที่สุด  สิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของตลาดได้ตลอดเวลา จากเดิมที่ผู้บริโภคสนใจเรื่องปลอดไขมันหรือปลอดจีเอ็มโอ  ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสนใจเปลี่ยนไปเป็นเรื่องฉลากมากขึ้น เพราะผู้บริโภคต้องการเข้าใจมากขึ้นถึงสิ่งที่ระบุอยู่ในส่วนผสม  และขณะนี้แนวโน้มในเรื่องนี้ก็กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น ปัจจุบันข้อเรียกร้องด้านความยั่งยืนสามารถรวมถึงสภาพความเป็นไปของฟาร์ม, ความยั่งยืนของวัตถุดิบที่คุณใช้, การใช้พลังงาน, การลดการใช้พลาสติก และการลดความสิ้นเปลืองด้านบรรจุภัณฑ์ให้น้อยลง  อินฟอร์มีลูกค้าจำนวนมากที่เน้นเรื่องการวัดผลและรายงานเกี่ยวกับมาตรวัดความยั่งยืน  หนึ่งในนั้นคือการจัดการกับปัญหาพื้นฐานที่ว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถผลิตอาหารเลี้ยงประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นด้วยวิธีการที่ยั่งยืน  การใช้โซลูชั่นระดับโลกเพื่อช่วยทำให้ระบบซัพพลายเชนของเขามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนับเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดังกล่าว

แต่ละบริษัทอาจมีวัตถุประสงค์และความต้องการที่แตกต่างกัน รวมทั้งวิธีการของตนเองในการรับมือกับประเด็นเรื่องความยั่งยืน  สำหรับบางบริษัทหมายถึงการทำงานที่ดีขึ้นในการติดตามและตรวจสอบวัตถุดิย้อนกลับ  ส่วนบริษัทอื่น ๆ อาจหมายถึงการทำงานที่ดีขึ้นในการวัดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ หรือการจัดการน้ำเสีย  ซึ่งความท้าทายในที่นี้สำหรับบริษัทคือ จะต้องพิจารณาดูว่าสิ่งที่ต้องการวัดคือสิ่งใด พวกเขาต้องการติดตามสิ่งใด และในทางกลับกันก็จะต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ทำเช่นนั้นได้ด้วย  

ความผันผวนเรื่องสุดท้ายคือสถานการณ์หรือเรื่องใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทราบมาก่อน  บริษัทอาหารและเครื่องดื่มคุ้นเคยกับความท้าทายในการวางแผนที่เกี่ยวข้องกับช่วงเทศกาล อายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการขาย  เมื่อไม่นานมานี้เราได้จัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวกับกฎระเบียบและอัตราภาษีที่ไม่เคยคาดการณ์ได้มาก่อน และแม้แต่เรื่องความพร้อมของทุนมนุษย์  คุณจะตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างไร หากคุณรู้ว่าคุณไม่สามารถหาคนมาทำงานที่โรงงานของคุณเพิ่มได้  เพื่อที่จะสามารถมองตัวแปรเหล่านั้นในธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องใช้เครื่องมือการวางแผนขั้นสูงบางประเภทที่ยอดเยี่ยม  เพราะคุณจะไม่สามารถคาดเดาได้ดีที่สุดโดยอาศัยแค่เครื่องมือที่คุณมีอยู่แล้ว

IInfor_อินฟอร์_supply chain
Food photo created by freepik - www.freepik.com

ต้องใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด

เมื่อคุณกำลังมองไปที่การสร้างระบบพื้นฐานที่ดีขึ้นเพื่อใช้รับมือกับความท้าทายที่อาจต้องเผชิญภายในองค์กรทั้งหมดของคุณ มีโซลูชั่นหลากหลายประเภทที่คุณจะต้องพิจารณา  ซึ่งตัวเลือกเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นโซลูชั่นด้านซัพพลายเชนเสมอไป แต่ท้้งหมดล้วนต้องมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบซัพพลายเชนทั้งหมด ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนทั้้งในด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ตัวอย่างแรกคือการบริหารจัดการส่วนผสม หลายบริษัทต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่กำลังรังสรรค์เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้กับประเทศหนึ่งๆ เนื่องจากอาจจะมีข้อจำกัดหลายประการที่เกิดจากมุมมองระดับโลกต่อสถานที่ที่คุณจะขายผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ได้  การพยายามจัดการสิ่งนี้ด้วยตนเองถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย  เพราะการที่คุณจะสามารถตอบข้อซักถามจากลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกได้ จำเป็นต้องใช้โซลูชั่นการจัดการส่วนผสมที่ค่อนข้างทรงประสิทธิภาพ

อีกตัวอย่างหนึ่งที่กำลังเป็นเรื่องพูดถึงในขณะนี้คือบล็อกเชน (blockchain)  หลายบริษัทเป้าหมายเชื่อว่าสิ่งที่บล็อกเชนจะทำได้นั้น บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วกว่า ดีกว่าและมีราคาถูกกว่า  อย่างไรก็ตามความท้าทายหลายประการเกี่ยวกับความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับและเรื่องคุณภาพที่บล็อกเชนพยายามจัดการอยู่นั้น ดูเหมือนว่าจะแก้ไขได้รวดเร็วขึ้นและด้วยความมั่นใจมากขึ้นเมื่อใช้โซลูชั่นที่มีอยู่และได้รับการพิสูจน์แล้ว  ฟังก์ชั่นการทำงานที่ฝังอยู่ในโซลูชั่น ERP ที่ทันสมัยควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มคลาวด์แบบเครือข่าย (network-based) อาจจะไม่ได้มีความดึงดูดใจ/ความน่าสนใจเช่นบล็อกเชน แต่ก็มีตัวพิสูจน์ความสำเร็จที่ปราศจากข้อกังขา บ่มเพาะความแข็งแกร่งผ่านการใช้งานอย่างทนทานมานานนับปี และเป็นโซลูชั่นที่คู่ค้า ซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และผู้ให้บริการขนส่งจำนวนมากสามารถเข้าใช้งานได้ในปัจจุบัน

เจาะกลุ่มมิลเลนเนียล กำลังซื้อยังแข็งแรงพอขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ไทยหรือไม่?

เจาะกลุ่มมิลเลนเนียล กำลังซื้อยังแข็งแรงพอขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ไทยหรือไม่?

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคล่าสุด พบเทรนด์การใช้จ่ายมาแรง – วางแผนมีบ้านในอนาคต

ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials (มิลเลนเนียล) หรือ Gen Y (ผู้ที่เกิดช่วงปี พ.ศ. 2527 – 2539) ได้กลายมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในศตวรรษที่ 21 ด้วยพื้นฐานการเติบโตมากับโลกดิจิทัลจึงเรียนรู้และรับเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว และนำมาพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ตลอดเวลา นอกจากนั้นยังตัดสินใจรวดเร็ว จึงทำให้คน Gen นี้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคม เศรษฐกิจ หรือการดำเนินชีวิต อีกทั้งยังเป็นวัยที่เต็มไปด้วยไฟในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในชีวิตและอยู่ในช่วงสร้างฐานะให้มั่นคง จึงทำให้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูงและคาดว่าจะเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคตไปอีกหลายปี ข้อมูลจากการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ.2553-2583 (ฉบับปรับปรุง) ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าในปีนี้ประชากรไทยในช่วงอายุ 25-39 ปี จะมีจำนวนถึง 13.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 31.53% ของประชากรวัยแรงงานทั้งหมด (ช่วงอายุ 15-59 ปี) กว่า 43 ล้านคน จึงทำให้หลายธุรกิจจับตามองและช่วงชิงกำลังซื้อจากคนกลุ่มนี้มากขึ้น  

แน่นอนว่าเมื่อชาวมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในสายตาของหลากหลายธุรกิจ ย่อมถูกดึงดูดให้ใช้จ่ายสนองความต้องการด้านต่าง ๆ เสมอ และกลายเป็นอีกช่วงวัยที่เริ่มมีภาระหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สินที่มีราคาสูงโดยเฉพาะที่อยู่อาศัย

เมื่อเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย ภาคธุรกิจและผู้บริโภคต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งกลุ่มมิลเลนเนียลด้วยเช่นกัน บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ได้เปิดเผยข้อมูลอัปเดต ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย พบว่า กลุ่มผู้บริโภคที่มีการสร้างหนี้มากที่สุด คือ กลุ่มมิลเลนเนียล หรือ Gen Y โดยมีหนี้สินรวมกันถึง 4 ล้านล้านบาท คิดเป็นหนี้เสีย (NPL) คงค้าง 2.7 แสนล้านบาท เมื่อพิจารณาเรื่องสินเชื่อบ้านที่อนุมัติใหม่ในช่วงเวลานั้นจำนวน 80,494 สัญญา พบว่าเป็นของกลุ่มมิลเลนเนียลหรือ Gen Y มากที่สุดถึง 64% และเป็นที่น่ากังวลในเรื่องปัญหาค้างชำระในอนาคต สะท้อนให้เห็นถึงสภาพคล่องในการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดฯ และเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้เห็นปัญหาการวางแผนด้านการเงิน แม้จะมีกำลังซื้อสูงก็ตาม

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ฉบับล่าสุด เจาะลึกมุมมองด้านการวางแผนการใช้จ่ายของกลุ่มมิลเลนเนียลและความต้องการด้านที่อยู่อาศัยท่ามกลางความท้าทายทั้งด้านการเงินและการงานจากสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางและสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ว่าส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของชาวมิลเลนเนียลในตลาดอสังหาฯ มากน้อยเพียงใด

  • อยากใช้จ่ายหลากหลาย แต่ครอบครัวต้องมาก่อน เมื่อพูดถึงการวางแผนการใช้จ่ายใน 1 ปีข้างหน้าของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลนั้น ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไปที่การใช้จ่ายภายในครอบครัวถึง 74% สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้และดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัวของคนวัยนี้ อย่างไรก็ตาม ชาวมิลเลนเนียลยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองอยู่ไม่น้อยแม้จะยังไม่มีความพร้อมด้านการเงินในตอนนี้ โดย 59% เผยว่ามีความตั้งใจออมเงินเพื่อวางแผนซื้อบ้านในอนาคต ในขณะที่ 46% ระบุว่าอยากออกไปท่องเที่ยวในวันหยุด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ปัจจุบันทำให้ทุกคนจำเป็นต้องเก็บตัวอยู่บ้าน และชะลอแผนท่องเที่ยวออกไป เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และหยุดการแพร่ระบาดฯ ในประเทศ
  • เตรียมความพร้อม หวังซื้อบ้านหลังแรกตอน 31 ปี เมื่อพิจารณาในด้านการครอบครองอสังหาฯ ในปัจจุบัน พบว่ายังมีสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกัน โดยผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มมิลเลนเนียลมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองแล้วถึง 57% ในขณะที่อีก 43% ยังไม่ได้เป็นเจ้าของอสังหาฯ ใด ๆ ซึ่ง 2 ใน 3 ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ (66%) เผยว่า พวกเขาได้วางแผนที่จะซื้อบ้านหลังแรกเมื่ออายุ 31 ปีขึ้นไป ซึ่งน่าจะเป็นช่วงวัยที่มีความพร้อมมากพอทั้งด้านหน้าที่การงานที่มั่นคงและสถานะทางการเงินที่เหมาะสมเมื่อต้องเป็นหนี้ก้อนใหญ่มากกว่าตอนนี้
  • สถานะทางการเงินสั่นคลอน อุปสรรคหลักของการมีบ้าน กลุ่มมิลเลนเนียลยอมรับว่าปัญหาทางการเงินจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในตอนนี้ถือเป็นอุปสรรคหลัก ๆ ที่ทำให้พวกเขายังไม่มีแผนย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ โดย 1 ใน 2 ของกลุ่มนี้ (50%) เผยว่า ยังไม่มีเงินออมมากพอที่จะไปเช่าหรือซื้อบ้านเป็นของตนเอง ในขณะที่ 41% ต้องการที่จะอยู่บ้านเดิมเพื่อดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด ตามมาด้วยกลุ่มที่ไม่คิดจะย้ายออกเพราะยังไม่ได้แต่งงาน 33% และตั้งใจจะรับช่วงต่อบ้านเดิมจากพ่อแม่อยู่แล้ว 33% จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้ออสังหาฯ เป็นของตัวเองในตอนนี้
  • การเช่าโดนใจ ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยแบบไร้ข้อผูกมัดระยะยาว ด้วยข้อจำกัดทางการเงินจากปัจจัยต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวมิลเลนเนียล 94% ตัดสินใจเช่าแทนการซื้อที่อยู่อาศัยในตอนนี้ เนื่องจากมองว่าการเช่าบ้าน/คอนโดฯ จะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการซื้ออสังหาฯ ซึ่งต้องมีความพร้อมทางการเงินในระดับหนึ่งจึงจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงเลือกเก็บเงินก้อนที่มีสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและหันไปเลือกเช่าอสังหาฯ ในรูปแบบที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแทน นอกจากนี้การมีสถานภาพโสดอยู่ตัวคนเดียวก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้การเช่าที่อยู่อาศัยได้รับความนิยมมากกว่าการซื้อเช่นกัน 

แม้ผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากหลายปัจจัยในตอนนี้จะทำให้แผนบริหารจัดการเงินของชาวมิลเลนเนียล ต้องสะดุดลงหรือชะลอการใช้จ่ายในเรื่องที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังคงเป็นกำลังซื้อที่สำคัญในหลายอุตสาหกรรมในระยะยาว เพียงแต่รอดูสัญญาณบวกของสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการออกมาใช้จ่ายแทน ดังจะเห็นได้จากการวางแผนใช้จ่ายในอนาคตที่ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล ยังคงให้ความสำคัญไปยังสิ่งที่จำเป็นมาก่อนความต้องการส่วนตัว ด้วยการวางแผนบริหารจัดการการเงินที่รอบคอบนี้เชื่อว่าจะช่วยให้กลุ่มมิลเลนเนียลสามารถปรับพฤติกรรมและปรับเปลี่ยนแผนการใช้จ่ายที่มีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที และกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ในอนาคตแน่นอน