Fly-Food แพลตฟอร์มบริการส่งอาหารให้คนจีนในประเทศไทย ปรับกลยุทธ์ยกระดับความคุ้มค่า ตอบโจทย์ลูกค้าช่วงการแพร่ระบาด

อาลีเพย์_fly-food

Fly-Food แพลตฟอร์มบริการส่งอาหารให้คนจีนในประเทศไทย ปรับกลยุทธ์ยกระดับความคุ้มค่า ตอบโจทย์ลูกค้าช่วงการแพร่ระบาด

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด บริการดิจิทัลช่วยสร้างมูลค่าและประโยชน์ต่างๆ มากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภาคส่วนต่างๆ จึงรีบเร่งดำเนินการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 78 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคที่มีอายุ 21 ถึง 40 ปี เปิดเผยกับ Deloitte ว่าตนเองใช้บริการดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาด ส่วนในประเทศไทย ผู้บริโภค 58 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองสั่งซื้ออาหารผ่านบริการส่งอาหารเพิ่มมากขึ้น

ภายใต้เทรนด์ดังกล่าว Fly-Food(飞象外卖 เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด ด้วยการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลและเทคโนโลยีในรูปแบบที่สร้างสรรค์ โดยเรื่องราวความสำเร็จนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

จุดประกายไอเดียธุรกิจด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 ข้อมูลเชิงลึกที่เรียบง่ายเกี่ยวกับผู้บริโภคได้จุดประกายไอเดียธุรกิจ Fly-Food แพลตฟอร์มส่งอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่รวบรวมร้านอาหารจีนที่หลากหลายในประเทศไทย

ต้า เผิง ผู้ก่อตั้ง Fly-Food กล่าวว่า ผมสังเกตว่านักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มที่จะเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว  ในช่วงวันแรกๆ นักท่องเที่ยวมักจะเลือกลิ้มลองอาหารท้องถิ่นเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แต่หลังจากนั้น ส่วนใหญ่ก็เริ่มมองหาอาหารจีนแท้ๆ ที่คุ้นเคยเพื่อความสบายใจ”

เนื่องจากมีชาวจีนจำนวนมากเข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนอีกกว่า 10 ล้านคนต่อปีในปี 2562 Fly-Food จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการขยายธุรกิจไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และระยอง และให้บริการแก่ชาวจีนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในไทย และนักท่องเที่ยวจากจีนโดยเฉพาะ

 

ปรับแต่งกลยุทธ์ดิจิทัลและปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

ต้า เผิง บอกเล่าเกี่ยวกับมาตรการเบื้องต้นในการรับมือกับการแพร่ระบาด โดยกล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อลูกค้าของเรา โดยบางคนก็ตกงาน ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ส่งผลให้อำนาจในการใช้จ่ายลดลง เราจึงออกโปรโมชั่นพิเศษเพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเราในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเราได้ปรับใช้แนวทางด้านความปลอดภัยเพื่อปกป้องคนส่งอาหารและลูกค้าของเรา”

ขณะเดียวกัน Fly-Food ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการให้บริการแก่ชาวจีนในไทย ด้วยการเปิดตัวมินิโปรแกรมบนอาลีเพย์ (Alipay) โดยคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง ซึ่งส่งผลให้ชาวจีนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยสะดวก และ “อาหารท้องถิ่นของจีน” น่าจะเป็นหนทางหนึ่งในการเยียวยาจิตใจให้ชาวจีนได้หายคิดถึงบ้านเกิดได้เป็นอย่างดี

การดำเนินการที่รวดเร็วภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอบริการผ่านช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึงได้สะดวก ก่อให้เกิดผลดีอย่างเป็นรูปธรรม

นับตั้งแต่ที่เปิดตัวมินิโปรแกรม Fly-Food บนอาลีเพย์ Fly-Food มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดสั่งซื้อจากลูกค้าประจำ ตอนนี้ Fly-Food มียอดสั่งซื้อเฉลี่ยสูงถึง 700 รายการต่อวัน และมีร้านอาหารเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น โดย 40 เปอร์เซ็นต์ของร้านอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 1,500 ร้านเข้าร่วมกับ Fly-Food หลังจากการแพร่ระบาด และหลายร้านที่มากกว่าครึ่งของยอดขายมาจากออเดอร์ที่สั่งผ่าน Fly-Food

Fly-Food เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญที่อาลีเพย์จัดทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยภายใต้แคมเปญดังกล่าว มีการแจกคูปองดิจิทัลเพื่อกระตุ้นให้ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทยอย่างปลอดภัยตามมาตรการการป้องกันของรัฐ ซึ่งนับเป็นการสร้างรายได้และต่อลมหายใจให้กับธุรกิจเล็กๆในท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ Fly-Food มียอดสั่งอาหารเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15 เปอร์เซ็นต์ในช่วงที่จัดแคมเปญดังกล่าว

ต้า เผิง กล่าวเสริมว่า ในโลกวิถีใหม่ ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นกับเรื่องของราคา ซึ่งนั่นหมายความว่า “ความคุ้มค่า” ยังคงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ คูปองดิจิทัลที่ให้ลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มอาลีเพย์มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้า และเรายังพบว่าผู้ใช้อาลีเพย์มีความคุ้นเคยและเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือการตลาดเพื่อให้ได้รับความคุ้มค่าสูงสุดจากการใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราการเข้าร่วมของลูกค้าอยู่ในระดับที่ดี และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ  ขณะเดียวกัน สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน อาลีเพย์ก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้คูปองดิจิทัลสำหรับบริการของ Fly-Food”

อาลีเพย์_fly-food
อาลีเพย์_fly-food
อาลีเพย์_fly-food

“TrueMoney” จับมือ “เอ็มเค สุกี้” และ “ยาโยอิ” รับเทรนด์ Cashless เพิ่มจุดรับชำระผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet รวมกว่า 650 สาขาทั่วไทย

“TrueMoney” จับมือ “เอ็มเค สุกี้” และ “ยาโยอิ” รับเทรนด์ Cashless เพิ่มจุดรับชำระผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet รวมกว่า 650 สาขาทั่วไทย

พร้อมมอบแคมเปญ “ใช้ง่าย จ่ายคุ้ม” เพียงชำระเงินผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เมื่อทาน “MK” ครบ 500 บาท รับเงินคืน 50 บาท หรือ ทานเมนูจากร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ ครบ 300 บาท รับเงินคืน 30 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม ศกนี้

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จับมือกับ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำเครือข่ายธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ร่วมผลักดันสังคมไร้เงินสดที่กำลังเติบโตต่อเนื่องด้วยการเปิดจุดรับชำระผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet ที่ “MK” และร้านอาหารญี่ปุ่น “ยาโยอิ” ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและมอบความคุ้มค่าในการใช้จ่ายแบบปลอดภัยไร้สัมผัสให้กับผู้ใช้ทรูมันนี่กว่า 17 ล้าน

พิเศษ! กับแคมเปญ “ใช้ง่าย จ่ายคุ้ม” เพียงลูกค้าชำระเงินผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เมื่อทาน    อาหารที่ “MK” มูลค่าครบ 500 บาท รับเงินคืน 50 บาท หรือเลือกทานอาหารญี่ปุ่นที่ “ยาโยอิ” มูลค่าครบ 300 บาท รับเงินคืน 30 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2564 (หรือจนกว่าจำนวนสิทธิ์จะหมด) เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสและความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคจากเงินสด

สำหรับผู้สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขแคมเปญ “ใช้ง่าย จ่ายคุ้ม” ได้ที่ https://www.truemoney.com/a/mk-retail/ และ https://www.truemoney.com/a/yayoi-retail/ ติดต่อ Call Center โทร 1240

เร้ดแฮทประกาศแต่งตั้งผู้นำระดับภูมิภาค

Red Hat

เร้ดแฮทประกาศแต่งตั้งผู้นำระดับภูมิภาค

    • เร้ดแฮทแต่งตั้งคุณเดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน เป็นรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ประจำอเมริกาเหนือ และแต่งตั้งคุณมาร์เจ็ท แอนเดรส เป็นรองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
    • ผู้นำทั้งสองท่านจะช่วยเร่งให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์ต่าง ๆ

 

เร้ดแฮท อิงค์ ผู้นำระดับโลกด้านโอเพ่นซอร์สโซลูชั่น ประกาศแต่งตั้งคุณเดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน เป็นรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ ประจำอเมริกาเหนือ และแต่งตั้งคุณมาร์เจ็ท แอนเดรส ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแทนคุณแวน ลีอูเวน ทั้งนี้คุณมาร์เจ็ทได้เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮทเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

การแต่งตั้งครั้งนี้มีผลทันที โดยทั้งคุณแวน ลีอูเวน และคุณแอนเดรส จะรายงานตรงต่อคุณลาร์รี่ สแต็ก รองประธานบริหารด้านการขายและบริการระดับโลกของเร้ดแฮท

เดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ ประจำอเมริกาเหนือ, เร้ดแฮท
เร้ดแฮท
มาร์เจ็ท แอนเดรส, รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, เร้ดแฮท

คุณแวน ลีอูเวน เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮทในปี 2547 เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จและขยายธุรกิจไปสู่ระดับสากล และมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งเร้ดแฮทในกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) รวมทั้งในยุโรปกลางและตะวันออก ในปี 2552 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำฝ่ายขาย การตลาด และการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ฐานลูกค้าของเร้ดแฮทในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายใต้การนำของคุณแวน ลีอูเวน ช่วยให้เร้ดแฮทได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ทั้งในตลาดที่มีการซื้อขายกันเป็นประจำซึ่งธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในตลาดนี้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของตนให้ทันสมัยขึ้น และตลาดเกิดใหม่ต่าง ๆ ที่ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนให้มีความคล่องตัว คุณแวน ลีอูเวน ในบทบาทใหม่ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเชิงพาณิชย์ในอเมริกาเหนือของเร้ดแฮท จะนำประสบการณ์ที่เขามีต่อยอดผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น รวมถึงกิจกรรมด้านการขาย การให้คำปรึกษา และช่องทางการขายต่าง ๆ  และจะย้ายจากสิงคโปร์ไปอเมริกาเหนือในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

คุณแอนเดรส เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮทในปี 2563 และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในฐานะผู้นำด้านการขายที่มีความใส่ใจและมากประสบการณ์ คุณแอนเดรสให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า และการทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ในการทำงาน ด้วยประสบการณ์อันกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากกว่า 25 ปี เธอมีประวัติการทำงานที่โดดเด่น และประสบความสำเร็จในการนำทีมที่มีบทบาทในทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคในองค์กรต่าง ๆ ทั่วทั้งยุโรปและเอเชีย รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดในภูมิภาคใหม่และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ หลังจากการเข้าซื้อกิจการ ก่อนร่วมงานกับเร้ดแฮทคุณแอนเดรสเป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเทลสตรา (Telstra) โดยก่อนหน้านี้เธอดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำระดับสูงที่แรนสตัด (Ranstad) บทบาทของเธอในตำแหน่งใหม่นี้ เธอจะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันและต่อยอดการเติบโตของเร้ดแฮทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในระยะต่อ ๆ ไป และริเริ่มแนวทางต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จด้วยการใช้เทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

คำกล่าวสนับสนุน

ความเป็นผู้นำและแนวคิดเชิงกลยุทธ์ของคุณแวน ลีอูเวน ได้กระตุ้นการเติบโตของเราในเอเชียแปซิฟิก และช่วยเปลี่ยนเร้ดแฮทให้เป็นองค์กรระดับโลกที่แท้จริง เขาจะนำความชื่นชอบแบบเดียวกับความหลงใหลด้านโอเพ่นซอร์สและการทำงานแบบเปิดนี้มาใช้กับงานในบทบาทใหม่ของเขาในอเมริกาเหนือ และจะยังคงช่วยลูกค้าของเราแก้ไขความท้าทายด้านไอทีต่าง ๆ สำหรับคุณมาร์เจ็ทซึ่งมีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับอย่างเท่าเทียมกันทั้งสองด้านคือด้านการเป็นผู้นำด้านการขาย และ เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ทำให้เธอเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับการได้รับเลือกให้มาดำรงตำแหน่งแทนคุณแวน ลีอูเวน การประกาศแต่งตั้งครั้งนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของเร้ดแฮท และเรามีผู้นำที่เหมาะสมที่จะทำงานเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จ
ลาร์รี่ สแต็ก
รองประธานบริหารฝ่ายขายและบริการระดับโลก, เร้ดแฮท
“ผมภูมิใจที่ได้เห็นว่าเร้ดแฮทในเอเชียแปซิฟิกเติบโตเพียงใดในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่งอยู่ และผมยังคงมองเห็นโอกาสเติบโตเช่นนี้อยู่ต่อหน้าเรา การทำงานร่วมกัน ทำให้เราได้พบเป้าหมายร่วมกัน และเรากำลังช่วยให้ลูกค้าของเร้ดแฮทใช้และจัดการกับลักษณะโดยรวมของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่ใหม่นี้ และได้ร่วมทำงานกับทีมอเมริกาเหนือในขณะที่ลูกค้าของเราให้การตอบรับและนำเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สไปใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรม”
เดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเวน
รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายเชิงพาณิชย์ประจำอเมริกาเหนือ, เร้ดแฮท
“ตั้งแต่เข้าร่วมงานกับเร้ดแฮท ดิฉันประทับใจที่ชาวเร้ดแฮทแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในทุก ๆ วัน และความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้า เราได้แสดงพลังของโอเพ่นซอร์สในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ และลูกค้าก็ไว้วางใจให้เราแนะแนวทางในการใช้กลยุทธ์โอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ดิฉันยินดีที่ได้รับตำแหน่งนี้และพร้อมที่จะนำทีมเดินหน้าเพื่อมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง”
มาร์เจ็ท แอนเดรส
รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, เร้ดแฮท

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเร้ดแฮท

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดโมเดล “CASHLESS CINEMA” แห่งแรกของไทย ที่ ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต สะดวก ปลอดภัย ลดการสัมผัส กับไลฟ์สไตล์บันเทิงยุค New Normal

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดโมเดล “CASHLESS CINEMA” แห่งแรกของไทย ที่ ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต สะดวก ปลอดภัย ลดการสัมผัส กับไลฟ์สไตล์บันเทิงยุค New Normal

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป_ทรูมันนี่

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมส่งเสริมและตอบรับสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย ลดการสัมผัส ในยุค New Normal เปิดโมเดล “โรงภาพยนตร์ไร้เงินสด CASHLESS CINEMA” แห่งแรกของไทย ที่ โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต  ดีเดย์ 7 เมษายนนี้  ให้ลูกค้าซื้อตั๋วหนังผ่านทางออนไลน์และตู้จำหน่ายตั๋วหนังอัตโนมัติ E-Ticket พร้อมชำระค่าตั๋วหนังผ่านออนไลน์เพย์เม้นท์รูปแบบต่าง ๆ ตั้งเป้าขยายครบ 10 สาขาใหญ่ในกรุงเทพฯ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และขยายครบทุกสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดภายในสิ้นปี 2565 โดยจับมือพันธมิตรผู้นำด้านออนไลน์เพย์เม้นท์ อาทิ K PLUS, ทรู มันนี่, ช้อปปี้ เพย์ และดอลฟิน วอลเล็ท มอบสิทธิพิเศษดีๆ ให้กับลูกค้าที่ชำระผ่านช่องทาง Cashless

นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป พร้อมเปิดบริการ “โรงภาพยนตร์ไร้เงินสด CASHLESS CINEMA” แห่งแรกของไทย ด้วยบริการซื้อและรับชำระค่าตั๋วหนังแบบไร้เงินสด ในคอนเซ็ปท์ สะดวก ปลอดภัย ลดการสัมผัส ให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์บันเทิงยุค New Normal ได้อย่างมั่นใจ เริ่มสาขาต้นแบบแห่งแรกที่ โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนนี้ เป็นต้นไป

โรงภาพยนตร์ไร้เงินสด CASHLESS CINEMA ให้บริการซื้อตั๋วหนังแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ จะไม่มีพนักงานขายตั๋วหนัง ไม่มีเคาน์เตอร์ Box Office จำหน่ายตั๋วหนัง เป็นการซื้อตั๋วหนังแบบ Self Service ผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ www.majorcineplex.com, แอพพลิเคชั่น Major Cineplex, ซื้อผ่านตู้จำหน่ายตั๋วหนังอัตโนมัติ E-Ticket ด้านหน้าโรงภาพยนตร์ แล้วเลือกชำระค่าตั๋วหนังด้วยระบบออนไลน์เพย์เม้นท์ต่าง ๆ เช่น ชำระผ่านคิวอาร์โค้ด, อีวอลเล็ท, โมบายแบงก์กิ้ง, แอพพลิเคชั่นธนาคาร, พร้อมเพย์ ตลอดจนการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต, บัตรเดบิต, บัตร M Gen, บัตร M CASH

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถซื้อป๊อปคอร์น เครื่องดื่ม และสินค้าอื่น ๆ ที่ จุดจำหน่ายขนมและเครื่องดื่ม (Concession) ได้ด้วยบริการ Cashless ผ่านช่องไลน์ออนไลน์เพย์เม้นท์และบัตรต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและตอบรับสังคมไร้เงินสด พร้อมเป้าหมายสำคัญซึ่งต้องการให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการและมั่นใจกับการดูหนังในยุค New Normal และจะช่วยลดการสัมผัสเงินโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกคนต้องระมัดระวังและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ตลอดจน ลูกค้ายังมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากการใช้บริการ Rekeep การใช้คิวอาร์โค้ดแทนตั๋วหนังกระดาษ เป็นการลดการใช้กระดาษ Paperless โดยสามารถแสดงคิวอาร์โค้ดเลขที่นั่งและโรงภาพยนตร์ก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ผ่านเครื่อง Smart Ticket บริเวณทางเข้าโรงภาพยนตร์ ซึ่งสอดรับกับโครงการ Green Cinema โรงภาพยนตร์รักษ์โลก ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ดำเนินการอยู่

นายนรุตม์ กล่าวถึงแผนการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไร้เงินสด Cashless Cinema ว่า ได้วางแผนขยายสาขาในกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 9 สาขา ภายในวันที่ 1 กรกฏาคม 2564 ดังนี้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขา รัชโยธิน, รังสิต, พระราม 3, พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดา, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ และไอคอน ซีเนคอนิค จากนี้หลังเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ไร้เงินสด Cashless Cinema จะทำให้สัดส่วนการรับชำระค่าสินค้าและบริการจากเงินสด (Cash) เป็น 0% และชำระแบบไร้เงินสด (Cashless) 100% ที่ ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต เริ่มตั้งแต่วันนี้ 7 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จากนั้น 100% ชำระแบบไร้เงินสด (Cashless) ที่ 10 สาขาในกรุงเทพฯ ภายในวันที่ 1 กรกฏาคม 2564 และ 100% ชำระแบบไร้เงินสด (Cashless) ครอบคลุมทุกสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดหลัก ๆ ภายใน 31 ธันวาคม 2564 โดยโมเดลโรงภาพยนตร์ไร้เงินสด Cashless Cinema จะครอบคลุมครบทุกสาขาของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ภายในสิ้นปี 2565 จากปัจจุบันรับชำระจากเงินสด (Cash) 7% และชำระแบบไร้เงินสด (Cashless) 93%

นายนรุตม์ กล่าวว่า แนวคิดสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ที่ผ่านมาในหลายประเทศมีการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า, ตลาดสด, การขนส่งสาธารณะ สำหรับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป พร้อมที่จะร่วมส่งเสริมและตอบรับสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้พัฒนาระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสดมาโดยตลอด อาทิ บัตร M Cash, M Gen, M Pass, App Major Cineplex ตลอดจน ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้นำด้านออนไลน์เพย์เม้นท์รูปแบบต่างๆ อาทิ K PLUS, ทรูมันนี่, ช้อปปี้ เพย์, ดอลฟิน วอลเล็ท ฯลฯ ในการมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซื้อตั๋วหนังพร้อมชำระผ่านช่องทางออนไลน์เพย์เม้นท์ เช่น ส่วนลดการซื้อตั๋วหนังในราคาพิเศษ จึงเชื่อมั่นว่าสังคมไร้เงินสดและโรงภาพยนตร์ไร้เงินสดจะเกิดขึ้นได้ หากได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย ลดการสัมผัส ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษดี ๆ ที่มากกว่าการชำระด้วยเงินสด

นายอมร สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยยินดีที่ได้ร่วมมือกับทาง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เพื่อให้บริการรับชำระเงินในหลายช่องทาง สำหรับ Cashless Cinema เป็นตัวอย่างที่ดีที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบความสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถซื้อตั๋วหนังผ่านแอปพลิเคชั่น Major Cineplex ซึ่งสามารถชำระเงินด้วยบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือ K PLUS ส่วนลูกค้าที่มาที่สาขาของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สามารถซื้อผ่านตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ  โดยไม่ต้องใช้เงินสดเช่นกัน นอกจากนี้บนแอปพลิเคชั่น K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย หากลูกค้ามีคะแนน K Point ก็สามารถแลกคะแนนเป็นตั๋วหนังในราคาพิเศษ ได้ผ่านเมนู K+ market  ส่วนลูกค้าที่เป็นสมาชิก M Gen ก็สามารถเติมเงินเข้าบัตรผ่านเมนูเติมเงินบน K PLUS ได้เองเช่นกัน โดยไม่ต้องสัมผัสเงินสดรับมือยุค New Normal

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค จำกัด ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น ดอลฟิน วอลเล็ท กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคไทยสมัยนี้พัฒนาสู่ยุค Digital อย่างรวดเร็ว และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนไทยแบบก้าวกระโดดให้หันมาใช้การชำระเงินแบบ e-payment แทนการใช้เงินสด เพื่อลดการสัมผัส ลดเสี่ยงในการชำระค่าสินค้าและบริการด้านต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนี้ สอดคล้องกับการพัฒนาแพลทฟอร์มทางการเงินของเราเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย และผลักดันวงการเงินไทยสู่สังคมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

โอกาสนี้ทางเซ็นทรัล เจดี ฟินเทคก็ได้ร่วมมือกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจสำคัญของเรา เพื่อร่วมกันผลักดันโมเดล “โรงภาพยนตร์ไร้เงินสด CASHLESS CINEMA” ที่เน้นให้บริการจำหน่ายตั๋วหนังแบบไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายในการชำระเงินค่าตั๋วหนัง ซื้อ     ป๊อปคอร์นหรือเครื่องดื่มผ่านแอพพลิเคชั่นดอลฟิน วอลเล็ทแทนการชำระด้วยเงินสด พร้อมมอบสิทธิพิเศษ    สุดฟินสำหรับลูกค้าดอลฟินด้วยตั๋วหนังราคาพิเศษ 99 บาท ชุดป๊อปคอร์นพร้อมเครื่องดื่มราคาเพียง 139 บาท และลูกค้าที่สมัครแอปพลิเคชันดอลฟินครั้งแรกรับเลยตั๋วหนังราคาพิเศษ 55 บาท 

นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ผู้อำนวยการฝ่ายทางพาณิชย์ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ ทรูมันนี่ มีความยินดีที่ได้ขยายการจับมือเป็นพันธมิตรกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในครั้งนี้ ทั้งนี้ ทรูมันนี่ ได้รณรงค์การใช้ Cashless มาโดยตลอด และมีแคมเปญเชิญชวนให้ใช้แอพแทนเงินสด ลดสัมผัส มาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 โดยนอกเหนือจากก่อนหน้านี้ที่เราให้บริการจองและชำระตั๋วภาพยนตร์ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผ่านแอพทรูมันนี่ วอลเล็ท ในเร็ว ๆ นี้ผู้ใช้ของเราจะสามารถใช้แอพทรูมันนี่ วอลเล็ท ชำระเงินเพื่อซื้อตั๋วภาพยนตร์ในช่องทางอื่น ๆ ได้เพิ่มเติมภายใต้โมเดล Cashless Cinema ของทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทั้งการซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ www.majorcineplex.com, แอพ Major Cineplex, ซื้อผ่านตู้จำหน่ายตั๋วหนังอัตโนมัติ E-Ticket ด้านหน้าโรงภาพยนตร์ และในช่วงกลางปีจะมีแผนเปิดให้ผู้ใช้ Top-up ไปบัตร M Gen และ M Cash ได้ ซึ่งจากการที่ทรูมันนี่ เป็นอีวอลเล็ทในกลุ่ม non-bank ที่มีผู้ใช้แอคทีฟมากสุดถึง 17 ล้านราย เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดให้เป็นส่วนหนึ่งในไลฟสไตล์ของคนไทยได้มากขึ้นอย่างแน่นอน”

นายศุภวิทย์ หงส์อมรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนื่องด้วยสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน ShopeePay อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสังคมไร้เงินสดมากขึ้น โดย ShopeePay เป็นหนึ่งในช่องทางการชำระเงินออนไลน์ที่นับว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งคนรุ่นใหม่ที่ใช้ช่องทางการชำระเงินออนไลน์กันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว  และคนเจนเนอร์เรชั่นอื่นๆ ที่เริ่มหันมาใช้กันมากขึ้นในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เพราะช่วยให้คนไทยลดโอกาสการติดเชื้อ และยังมอบความสะดวกสบายในการใช้งาน ง่าย และรวดเร็ว

นอกจากที่ ShopeePay มีบริการการชำระเงินและทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ อย่างครอบคลุม เรายังให้บริการจองตั๋วภาพยนตร์ทั้งในช่องทาง online และ offline โดยลูกค้าสามารถเลือกจองตั๋วหนังได้ง่าย ๆ ทั้งบนแอพพลิเคชั่น Shopee และ ShopeePay จองตั๋วหนังบนแอพพลิเคชั่น Major Cineplex และจ่ายผ่าน ShopeePay หรือจะสแกนจ่ายด้วย ShopeePay ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติในโรงภาพยนต์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์    ก็ได้เช่นกัน ลูกค้าสามารถทำทุกอย่างจบได้ในแอปเดียว แถมยังสบายกระเป๋า เพราะ ShopeePay คัดสรรดีลเด็ดและสิทธิพิเศษมาเพื่อลูกค้า เช่น ตั๋วหนังราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท/ที่นั่ง ใน Shopee, Coins Cashback คืน 60% ทุกวันพุธ, ป้อปคอร์นราคา 9 บาท และสำหรับการสแกนจ่ายผ่าน ShopeePay ที่ตู้จำหน่ายตั๋วหรือจุดซื้ออาหารและเครื่องดื่ม ลูกค้ามีสิทธิ์รับ Coins Cashback คืน 30% สูงสุด 20 Coins  และโปรโมชั่นดี ๆ อีกมากมายที่จะออกมาเอาใจคอหนังทุกเดือน”

เงินติดล้อ จับมือ TrueMoney และ Makro นำเสนอสินเชื่อและประกันภัยให้ลูกค้า

เงินติดล้อ จับมือ TrueMoney และ Makro นำเสนอสินเชื่อและประกันภัยให้ลูกค้า

ทรูมันนี่_เงินติดล้อ

เงินติดล้อ ร่วมกับ แอสเซนด์ นาโน และแม็คโคร ร่วมออกบูธนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการจากเงินติดล้อให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการทรูมันนี่ และห้างสรรพสินค้าแม็คโคร ทั้งสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันแบบครบวงจร อาทิ รถมอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง รถกระบะ และรถบรรทุก นอกจากนี้ยังมีนายหน้ามืออาชีพที่มีใบอนุญาตถูกต้องพร้อมให้คำปรึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ อาทิ ประกันภัยรถยนต์ สามารถแบ่งจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ได้ ไม่มีดอกเบี้ยระยะเวลาสูงสุด 6 งวด คุ้มครองทันทีที่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่งวดแรก อีกทั้งยังมีบริการรับต่อ พ.ร.บ. ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่ม โดยลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ตรงความต้องการมากที่สุดจากกลุ่มบริษัทพันธมิตรประกันภัยชั้นนำ 16 แห่ง ผู้สนใจสามารถรับบริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่บูธทรูมันนี่ ภายในห้างสรรพสินค้าแม็คโคร 3 สาขา ได้แก่ สาขาแจ้งวัฒนะ สาขาบางบอน และสาขาศรีนครินทร์ สอบถามได้ที่ call center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880