แอนท์กรุ๊ปบรรลุเป้าหมาย “ความเป็นกลางทางทางคาร์บอน” ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจนเป็นศูนย์ด้วยเทคโนโลยี Green Computing และลดการปล่อยก๊าซทางอ้อม
แอนท์กรุ๊ป (Ant Group) ประกาศว่า บริษัทฯ ได้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) สำหรับการดำเนินงานของบริษัทฯ (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ตามข้อมูลตัวเลขการปล่อยก๊าซคาร์บอนของปี 2564 ซึ่งผ่านการรับรองจาก China Environmental United Certification Center (CEC) โดยนับเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่สำคัญของบริษัทฯ ในการดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เหลือศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2573 รวมถึงการให้ข้อมูลอัพเดตเป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการตามเป้าหมายที่สำคัญนี้
ตามข้อมูลตัวเลขที่ผ่านการรับรองจาก CEC พบว่า ในปี 2564 แอนท์กรุ๊ปลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ทั้งหมด 37,909.87 ตัน เทียบเท่ากับการนำเอารถยนต์ออกจากถนน 15,000 คันต่อปี โดยคำนวณจากการที่รถแต่ละคันวิ่งเป็นระยะทางโดยเฉลี่ย 12,000 กิโลเมตรต่อปี และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.203 กิโลกรัมต่อกิโลเมตร
เพื่อยืนยันผลการตรวจสอบ CEC ได้ใช้ Carbon Matrix ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Software-as-a-Service (SaaS) ของแอนท์เชน (AntChain) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจและสถาบันต่าง ๆ สามารถตรวจสอบติดตามและรับรองการปล่อยก๊าซคาร์บอนขององค์กรโดยใช้บล็อกเชน (Blockchain) ทั้งนี้ CEC เป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 โดยทำหน้าที่ตรวจวัดประสิทธิภาพด้านการลดก๊าซคาร์บอนของคณะกรรมการโอลิมปิก
ในปี 2564 แอนท์กรุ๊ปบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานของบริษัทฯ (ขอบเขตที่ 1 และ 2) โดยอาศัยวิธีการต่าง ๆ ในการลด ทดแทน และชดเชยการปล่อยก๊าซดังนี้:
- การลด: ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,668.60 ตัน ด้วยการปรับปรุงการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- การทดแทน: หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 21,883.63 ตัน ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน (renewable energy)
- การชดเชย: ชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 23,159.54 ตัน ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต China Certified Emission Reduction (CCER)
อี้เจีย เป็ง รองประธานของแอนท์กรุ๊ป กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญนับตั้งแต่ที่เราได้ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างเช่น บล็อกเชน และกรีนคอมพิวติ้ง (Green Computing) เราจึงพร้อมที่จะบรรลุเป้าหมายในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ประโยชน์ให้กับคนทุกกลุ่ม”
ภายใต้โร้ดแมปของแอนท์กรุ๊ปสำหรับการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2573 บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เหลือศูนย์ (Net Zero) ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 โดยขอบเขตที่ 1 หมายถึงการปล่อยก๊าซโดยตรงโดยเป็นผลมาจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เผาไหม้จากแหล่งพลังงานที่อยู่ภายใต้การครอบครองหรือการควบคุมของแอนท์กรุ๊ป ส่วนขอบเขตที่ 2 หมายถึงการปล่อยก๊าซทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อพลังงานไฟฟ้าและการใช้เครือข่ายระบบทำความร้อนหรือความเย็น และขอบเขตที่ 3 หมายถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนอื่น ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ของแอนท์กรุ๊ป เช่น การใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ การเดินทางเพื่อธุรกิจ และบริการรถรับ-ส่งพนักงานที่บริษัทฯ จัดหาให้
ในปี 2564 แอนท์กรุ๊ปลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขอบเขตที่ 3 ได้รวมทั้งสิ้น 36,241.27 ตัน โดยอาศัยการปรับใช้เทคโนโลยีกรีนคอมพิวติ้ง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซได้ถึง 29,591.48 ตัน หรือประมาณ 82% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดในขอบเขตที่ 3
ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบัน ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก และก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในปริมาณที่สูงมาก ภายหลังการปรับใช้เทคโนโลยีกรีนคอมพิวติ้งเมื่อปี 2562 เช่น การใช้งานแบบไฮบริดระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ การกำหนดตารางแบ่งเวลาแบบคลาวด์เนทีฟ การปรับขนาดแบบอัตโนมัติโดยใช้ AI และ OceanBase ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ระดับองค์กรแบบกระจาย แอนท์กรุ๊ปสามารถเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ของเซิร์ฟเวอร์ข้อมูลได้มากกว่า 2 เท่าในช่วงระยะเวลา 3 ปี โดยที่ยังคงสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้อย่างมีนัยสำคัญ
การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในขอบเขตที่ 3 ของแอนท์กรุ๊ปในส่วนที่เหลือ เป็นผลมาจากการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับใช้งานในสำนักงาน และการส่งเสริมให้พนักงานใช้บริการขนส่งสาธารณะหรือใช้รถร่วมกัน รวมถึงแท็กซี่ และคาร์พูล (Carpooling) สำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจภายในท้องถิ่น
ใบรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนของ CEC สำหรับแอนท์กรุ๊ป (เป็นภาษาจีนเท่านั้น) เปิดเผยแก่สาธารณชนบนแพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับความเป็นกลางทางคาร์บอน (Information Platform for Carbon Neutrality) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์พัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีน