Red Hat เปิดตัว Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant เพื่อสนับสนุนองค์กรใช้ไอทีอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI
บริการ AI ที่สร้างขึ้นอย่างเจาะจงนี้ เปิดให้บริการทั่วไป (GA) แล้ว โดยให้บริการ Ansible advisor ที่เชื่อถือได้ เพื่อช่วยขยายและสเกลคอนเทนต์อัตโนมัติให้กับทีมงานต่าง ๆ ด้วยประสิทธิภาพสูง ถูกต้องแม่นยำ และเชื่อถือได้
Red Hat, Inc. (เร้ดแฮท) ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของโลก ประกาศวางตลาด Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant ซึ่งเป็นบริการ generative AI ที่ช่วยให้นำไอทีอัตโนมัติมาใช้ทั่วทั้งองค์กรได้เร็วขึ้น
ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า “ภายในปี 2567 จุดอ่อนด้านการสร้างทักษะที่จำเป็นและการฝึกอบรมโดยผู้นำในอุตสาหกรรมด้านไอที จะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ 65% ของธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่อย่างที่ควรเป็นจากการลงทุนด้านคลาวด์ ดาต้า และระบบอัตโนมัติ”[1] แต่ “generative AI” มีศักยภาพที่จะทำให้ไลฟ์ไซเคิลของการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง IDC ทำการสำรวจนักพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการใช้ generative AI และพบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์มองเห็นโอกาสที่ดีมากในการใช้ generataive AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและระบบอัตโนมัติให้กับงานที่ไม่ต้องเขียนโค้ด (non-coding tasks) นักพัฒนาซอฟต์แวร์ตระหนักถึงโอกาสของการทำงานอัตโนมัติด้าน DevOps เพื่อปรับปรุงการวัดคุณภาพซอฟต์แวร์สำคัญ ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการทดสอบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ, การให้คะแนนความเสี่ยงของโปรเจกต์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแบบจำลองภัยคุกคาม”[2]
Red Hat Ansible Lightspeed สร้างคำแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ จากการป้อนคำสั่งของผู้ใช้ และผสานรวมกับ IBM Watsonx Code Assistant เพื่อเข้าถึงโมเดลพื้นฐานต่าง ๆ ของ IBM และสร้าง Ansible content ได้อย่างรวดเร็ว บริการนี้สร้างขึ้นสำหรับ Ansible เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานลดช่องว่างระหว่างแนวคิดเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติ และการสร้าง Ansible content ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บุคลากรด้านไอทีทั้งหมดเข้าถึงระบบอัตโนมัติได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกิด content best practices และการดูแลที่ทำได้ทั่วทั้งองค์กร ส่งผลให้ระบบอัตโนมัติมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกันมากขึ้น
ระบบอัติโนมัติที่เน้นการใช้งานได้จริง
Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ที่สร้างตามเป้าหมายและได้รับการเทรนบน Ansible data เป็นการผสานพลังของประสบการณ์ตรงเข้ากับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อมอบคำแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น สอดคล้องกัน และเจาะจงตามความต้องการทางธุรกิจต่าง ๆ บริการนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพวิธีการทำงานให้กับงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยเป็นส่วนเสริมในเวิร์กโฟลว์ของ Red Hat Ansible Automation Platform ที่มีอยู่ ควบคู่กับชุดเครื่องมือครบชุดของ Ansible content ทั้งนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าใช้ศักยภาพของ Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ได้โดยไม่จำเป็นต้องล้อกอินเข้าใช้เครื่องมือหรือบริการแยกกัน เพราะบริการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Ansible Automation Platform subscription และรวมอยู่ใน Ansible Visual Studio Code extension อยู่แล้ว
ผู้ใช้สามารถป้อนข้อความคำสั่งที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อสร้างและแก้ไข Ansible Playbooks และกฎต่าง ๆ และจะได้รับเอาต์พุตที่แปลเป็น YAML content หรือคอนเทนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับภาษาโปรแกรมต่าง ๆ ได้ เป็นการเพิ่มความคล่องตัวให้กับการสร้างบทบาทและ playbook ดังนั้นผู้ใช้ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก ส่วนผู้ใช้มือใหม่ก็จะมีอุปสรรคในการสร้างคอนเทนต์น้อยลง เป็นการขยายช่องทางว่าใครสามารถสร้าง Ansible content ได้บ้าง ในขณะเดียวกันยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องช่องว่างทักษะด้านระบบอัตโนมัติให้กับทุกภาคส่วนในองค์กร
ให้ความสำคัญกับเนื้อหาคุณภาพ
Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ช่วยแปลความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีอยู่ให้เป็น Ansible automation content และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนด และสอดคล้องกันมากกว่าและสามารถสเกลข้ามทุกทีมงานและทุกภาคส่วนในองค์กร โดย Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant จะสแกน Ansible content ที่มีอยู่ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพและทำให้คอนเทนต์มีมาตรฐานผ่านคำแนะนำต่าง ๆ รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมต่าง ๆ บริการนี้ยังช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวผ่านขั้นตอนการแยกข้อมูล ดังนั้นข้อมูลลูกค้าที่มีความอ่อนไหวสูงจะยังคงไม่ถูกแตะต้องและลดการรั่วไหลของข้อมูลให้ที่อาจเกิดขึ้นได้
Generative AI – วิถีโอเพ่นซอร์ส
การจับคู่แหล่งที่มาของคอนเทนต์ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นและทราบว่าคอนเทนต์นั้นมาจากแหล่งใด ใครเป็นผู้เขียน และใช้ไลเซนส์ใดในการเทรนข้อมูลเพื่อสร้างการแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ ทำให้งานของผู้มีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนต์ได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสม และทำให้ทีมต่าง ๆ เชื่อมั่นในคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI มากขึ้น รวมถึงทำให้ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างและปล่อยคอนเทนต์ต้นทางมีตัวเลือกว่าจะปรับแต่งโมเดลงานของตนหรือไม่
การวางตลาด
Red Hat Ansible Lightspeed พร้อมใช้งานผ่าน Ansible Automation Platform subscription ส่วน IBM watsonx Code Assistant มีวางจำหน่ายแยกต่างหาก ส่วนความสามารถต่าง ๆ ที่ใช้ในการปรับแต่งเพื่อเทรนโมเดลของลูกค้าที่กำหนดคุณสมบัติแบบเจาะจงสำหรับองค์กรนั้น ๆ คาดว่าจะพร้อมให้ลูกค้าได้ใช้ปลายปีนี้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและการเริ่มต้นใช้งานได้ที่ redhat.com/ansible-lightspeed.
คำกล่าวสนับสนุน
Ashesh Badani, senior vice president and Chief Product Officer, Red Hat
“AI นำมาซึ่งโอกาสที่ดีมาก ทำให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว เร้ดแฮทได้สร้างสองแนวทางที่จะช่วยลูกค้าของเราปรับบริบทในการใช้ AI แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้ใช้งาน AI ได้จริง และเจาะจงตรงไปยังสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญตามลำดับที่ลูกค้าตั้งไว้ ด้วยการมอบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้าง ปรับแต่ง ดูแลรักษาเวิร์กโหลด AI และนำความสามารถต่าง ๆ ที่มี AI เป็นส่วนหนึ่ง รวมไว้บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา รวมถึง Ansible เราได้แสดงให้เห็นว่ามี domain-specific AI สามารถช่วยให้ไอทีอัตโนมัติในระดับคอมมิวนิตี้ และในระดับที่ใช้งานได้ทั่วไป ของ Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant มีศักยภาพในการปิดช่องว่างด้านทักษะ สร้างประสิทธิภาพให้องค์กรได้มากขึ้น ช่วยให้ทีมไอทีขององค์กรไม่ต้องกังวลอีกต่อไปและหันไปให้ความสำคัญกับงานที่จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้มากขึ้น”
Keri Olson, vice president, Product Management, IBM watsonx Code Assistant
“AI และไอทีอัตโนมัติได้ช่วยให้อุตสาหกรรมทุกประเภทสร้างนวัตกรรมได้เร็วขึ้นมาก แต่ยังคงมีความสามารถของเทคโนโลยีอีกมากที่เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แต่ยังไม่มีการนำมาใช้ technical preview ของ Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant ช่วยให้เราเห็นภาพว่าเมื่อเรารวม domain-specific AI เข้ากับไอทีอัตโนมัติแล้ว จะเกิดสิ่งที่เป็นไปได้อะไรขึ้นบ้าง”
Gerry Leitão, leader, Partner and Global Hybrid Cloud Automation, IBM Consulting
“ในระหว่าง technical preview ของ watsonx Code Assistant ที่ใช้กับ Red Hat Ansible Lightspeed เราสังเกตเห็นว่าในช่วงเริ่มแรกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ระหว่าง 20-45% และเมื่อบริการนี้วางตลาดให้ใช้ได้ทั่วไป (GA) แล้ว เราคาดว่าประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นอีก และเราเชื่อว่าจะยังมีความสามารถที่ยังวัดปริมาณไม่ได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีกเมื่อถึงปลายทางการใช้งาน หลัง GA แล้วไม่เพียงเรามุ่งเร่งพัฒนา Ansible automations ต่าง ๆ และมุ่งลด time-to-value ให้ลูกค้าเท่านั้น แต่เราตั้งใจจะให้คอนเทนต์มีคุณภาพสูงขึ้นอีก”[3]
Lara Greden, research director, Platform as a Service (PaaS) and Brijesh Kumar, senior research analyst, Cloud Application Development Platforms, IDC
“ระบบอัตโนมัติเป็นหนึ่งในโฟกัสสำคัญที่ทำให้คลาวด์เวนเดอร์ลงทุนเวลาและลงทุนเพิ่มความสามารถให้กับเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีอยู่ การเพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลประโยชน์และมูลค่าทางธุรกิจให้กับโซลูชันของคลาวด์เวนเดอร์ทั้งหลาย และช่วยให้มีความแข็งแกร่งทางการแข่งขันในตลาด ความสามารถของ AI ที่อยู่ใน Red Hat Ansible Lightspeed ช่วยให้เร้ดแฮทสามารถโฟกัสไปที่การช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาหนัก ๆ ได้”[4]
[1] IDC FutureScape: Worldwide IT Industry 2023 Predictions, Doc #US49563122, Oct 2022
[2] IDC, Generative AI: The Path to Impact, Doc #EUR151153223, Aug 2023
[3] IBM Consulting, Transforming the way developers learn and work, Oct 2023
[4] IDC, Red Hat’s Focus on Serving Developers and Being the Platform for the AI-Everywhere Future, Doc #US50790123, Jun 2023